2 ก.ค. เวลา 00:04 • ไลฟ์สไตล์

การเปลี่ยนแปลงตัวเอง

มนุษย์ทุกคนนั้นล้วนเป็นสัตว์สังคม มันเริ่มต้นตั้งแต่ตอนที่เราเกิดมาบนโลกใบนี้ และสถาบันครอบครัวก็เป็นสังคมแรกของมนุษย์ทุกคน พวกเราจะถูกปลูกฝังความคิด ค่านิยม มาจากบุพการี บรรดาญาติพี่น้อง และก็เหล่าบรรพบุรุษ พอโตมาถึงขั้นเข้ารับการศึกษา ก็จะได้รับอิทธิพลจากครูบาอาจารย์ เพื่อนสนิทมิตรสหาย และก็สื่อต่างๆ ยิ่งในปัจจุบันสื่อโซเชียลมีเดียได้เข้ามามีบทบาท และก็ชักนำให้เราได้ติดตามมากมาย
ทำให้มนุษย์ทุกคนที่เกิดมาย่อมมีลักษณะนิสัยที่แตกต่างกันไป ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญมากเพราะนิสัยของตัวเราในอดีตนั้นก็ทำให้เกิดตัวเราที่เป็นอยู่ปัจจุบันและตัวเราในปัจจุบันก็จะสร้างตัวตนของเราในอนาคต บุคคลทั้งในอดีต ปัจจุบัน และอนาคต 3คนนี้ต้องมาคุยกัน
เพื่อที่จะได้แก้ไขปัญหาของตัวเราให้หมดไป และเป็นการพัฒนาศักยภาพในตนเองให้เก่งขึ้น ดีขึ้น และใช้ชีวิตอย่างมีความหมายและสิ่งที่เราต้องการให้ตัวเราเป็นได้
เราจะเรียกว่ามันเป็นวิวัฒนาการของมนุษย์ก็ไม่ผิด แต่การเปลี่ยนแปลงตัวเองนั้นไม่ได้ทำกันได้ง่ายๆ และต้องอาศัยความมี วินัยในตัวเองสูงมากซึ่งมันเป็นเรื่องธรรมชาติของมนุษย์ทุกคนโดยผมอยากจะนำเสนอกฎ 8 ข้อที่ใช้ในการเปลี่ยนแปลงตัวเอง จากประสบการณ์โดยตรงของผมเองซึ่งได้มาจากการอ่านหนังสือ และฟังพอดแคสต์แนวการพัฒนาตัวเองที่มาจาก Speaker เก่งๆ ทั่วประเทศซึ่งมีดังต่อไปนี้
1.   ปักหมุดหมายในวันที่เริ่มต้นให้กับตัวเอง
เวลาที่เรามีไอเดียใหม่ๆเข้ามาให้ทำ 3 ข้อนี้ 1. จดทันที 2. ทำให้เร็ว 3. ทำซ้ำๆ ซึ่งเป็นเรื่องที่สำคัญมากเนื่องจากจะทำให้เราไม่ลืมสิ่งที่เข้ามาในหัวไม่ว่าเราจะกำลังทำอะไรอยู่ก็ตาม โดยเราควรที่จะมีสมุดและปากกาติดตัวไว้เสมอ เพื่อที่จะจดไอเดียนั้นได้ทันที เมื่อเราเริ่มทำกิจกรรมต่างๆในวันแรกให้เราจดรายละเอียดของกิจกรรมที่ทำและทำต่อเนื่องทุกวัน
ซึ่งเวลาที่เราเริ่มท้อ เริ่มหมดไฟ เริ่มหมดหวัง การกลับมาอ่านสิ่งที่เราได้จดไว้ในวันที่เริ่มต้นของการพัฒนาตัวเอง จะทำให้เรารู้ว่าเรามาได้ไกลมากหรือน้อยแค่ไหนจากวันที่เราเริ่มต้นกิจกรรมต่างๆซึ่งมันจะช่วยให้เรามีพลังในการทำสิ่งที่เราต้องการจะเป็นได้ เมื่อมองย้อนไปในอดีตเราจะเห็นว่าตัวเราได้พัฒนามาจนถึงปัจจุบัน คือตัวตนใหม่ของเราซึ่งข้อนี้จะช่วยเราได้มากเลยทีเดียว
2.    หาเพื่อนร่วมอุดมการณ์
ให้เราหากลุ่มคนที่มีไอเดียที่ใกล้เคียงกลับตัวเรา และให้เรานั้นขอเข้ากลุ่มเหล่านั้นเพื่อที่จะฟังวิธีคิดหรือคำแนะนำจากเพื่อนใหม่ที่จะทำให้เราเดินทางเข้าใกล้เป้าหมายของตัวเราให้ได้มากที่สุด ซึ่งมันอาจจะช่วยลดเวลาและทรัพยากรณ์ที่มีคุณค่าของเราให้ลดลงหรือน้อยมากที่สุดได้
และมันยังเป็นการส่งเสริมการพัฒนาการสื่อสารต่อบุคคลรอบข้าง อีกทั้งยังเป็นการสร้าง Connection ใหม่ๆ ของเราให้กว้างขึ้น เรียนรู้ที่จะรับฟังความคิดเห็นของบุคคลอื่น เพื่อที่ในระหว่างทางการพัฒนาตัวเองนั้น เราสามารถนำประสบการณ์ของคนอื่นมาประยุกต์ใช้กับตัวเองซึ่งจะเป็นประโยชน์กับตัวเราเองเป็นอย่างมาก
3.   ทำเป้าหมายในช่วงแรกให้ง่ายเข้าไว้
โดยช่วงแรกของการที่เราจะต้องการเปลี่ยนแปลงตัวเองนั้นเราต้องเริ่มต้นวางแผนและเป้าหมายในช่วงแรกควรที่จะเป็นกิจกรรมที่ง่ายๆเข้าไว้เพื่อที่จะได้บรรลุเป้าหมายได้อย่างไม่ยากเกินความสามารถ เพราะมันจะทำให้เรามีกำลังใจในการที่จะตั้งเป้าหมายที่ใหญ่ขึ้นต่อไป วางแผนให้เป็นขั้นเป็นตอน ยกตัวอย่างเช่น เราตั้งใจที่จะดูแลสุขภาพของตัวเราเองให้ดีให้แข็งแรงและมีรูปร่างสัดส่วนของร่างกายตามที่เราคาดหวังไว้ โดยการเข้าฟิตเนสในสัปดาห์แรกที่เราเข้าฟิตเนส เราไม่สามารถที่จะยกเวทได้จำนวนสูงๆ
เนื่องจากกล้ามเนื้อของเราไม่ได้ถูกใช้งานมาเป็นเวลานาน เราอาจจะเล่นเวทซัก 4 เซทๆละ 8-12 ที โดยที่เน้นกล้ามเนื้อส่วนบนของร่างกายและยกเวทในน้ำหนักที่กล้ามเนื้อเรารับได้ ไม่ต้องเน้นว่าจะต้องยกเวทที่น้ำหนักสูงๆให้ได้เป็นจำนวนมาก ให้เราตั้งเป้าหมายที่เหมาะสมกับตัวเอง แต่หลังจากที่ได้ยกเวทในวันแรกนั้นจากประสบการณ์โดยตรงของผม คุณอาจจะตื่นมาพร้อมกับความเจ็บปวดทั่วร่างกายเนื่องจากเกิดอาการกล้ามเนื้ออักเสบจากการออกแรงยกเวท
โดยเฉพาะกล้ามเนื้อส่วนที่ได้ออกกำลัง ให้คุณออกไปเล่นเวทซ้ำในส่วนของกล้ามเนื้อส่วนนั้นทำซ้ำทุกวัน คุณจะรู้สึกว่าความเจ็บปวดค่อยๆหายไป และสามารถยกเวทได้อย่างง่ายดายมากขึ้น และพอสัปดาห์ต่อไปให้เราค่อยๆเพิ่มน้ำหนักของอุปกรณ์ ตามลำดับทำอย่างค่อยๆเป็นค่อยๆไปไม่ต้องรีบ เพราะทุกอย่างที่เราทำนั้นต้องใช้เวลาในการพัฒนาตัวเอง เพื่อที่เราจะได้รูปร่างและสัดส่วนตามที่เราต้องการนั่นเอง ซึ่งการทำกิจกรรมต่างๆคุณอาจจะได้พบปะกับผู้คนและสังคมใหม่ๆด้วยเช่นกัน
4.   เข้าใจธรรมชาติของการเปลี่ยนแปลง
คือก่อนอื่นเลยตั้งแต่เราเกิดมา เราทุกคนต่างได้พบการเปลี่ยนแปลงมาแล้วนับครั้งไม่ถ้วน แค่เพียงเราอาจไม่ทันได้สังเกตุ คนที่เข้าใจธรรมชาติของการเปลี่ยนแปลง คือคนที่เข้าใจสิ่งต่างๆที่เข้ามาในชีวิต มีเหตุและผลมากมายที่คนเหล่านี้ได้เรียนรู้ในสิ่งที่มันควรจะเป็น และก็มักเป็นคนที่เปิดรับกับเรื่องราวมากมาย ไม่ปิดกั้นข้อมูลที่หลั่งไหลเข้ามาให้เรียนรู้ และพัฒนาตนเองอยู่เสมอเพื่อที่จะได้มีเวลาเตรียมความพร้อมที่จะเผชิญกับทุกสิ่งบนโลกใบนี้
โดยพวกเรานั้นไม่ควรยึดมั่นถือมั่นกับตัวตนในอดีตแม้มันจะเป็นความเคยชิน เพราะเมื่อถึงเวลาของการเปลี่ยนแปลงตัวเอง เราก็ควรมีวิธีรับมือกับการเปลี่ยนแปลงครั้งนั้น และเราควรที่จะพยายามเข้าใจถึงสาเหตุที่ทำให้เรานั้นต้องเปลี่ยนแปลงตัวเองที่เป็นอยู่ ณ ปัจจุบัน เพื่อที่เรานั้นจะได้มีการพัฒนาตนเองอยู่เสมอ
1
เพื่อให้ทันต่อเหตุการณ์ เทคโนโลยี ค่านิยม ให้ตัวเรานั้นทันสมัยซึ่งมันเกี่ยวข้องกับโลกที่ปัจจุบันนี้เปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว เราจะเห็นได้จากสื่อโซเชียลมีเดียต่างๆ ซึ่งเราต้องตามให้ทันสิ่งเหล่านี้เพื่อที่จะได้ไม่ล้าหลัง และมันอาจจะส่งผลต่ออาชีพการงานของคุณ รวมถึงธุรกิจของเราทุกคนด้วย
5.   ตั้งเป้าหมายแบบ SMART
ช่วงเวลาที่เราคิดจะเริ่มต้นการเปลี่ยนแปลงตัวเองนั้น เราต้องมีการวางแผนและตั้งเป้าหมายอย่างชัดเจน แล้วเป้าหมายนั้นจะต้องถูกออกแบบมาให้ดู SMART หรือดูโอเวอร์ซักเล็กน้อย เพื่อเป้าหมายที่เราคาดหวังนั้นจะครอบคลุมทุกสิ่งในชีวิตของเรา ไม่ว่าจะเป็นเรื่อง 1.สุขภาพ ที่เราต้องใส่ใจในรายละเอียด เช่น การออกกำลังกาย การทานอาหารที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย การนอนหลับพักผ่อนอย่างเพียงพอ
2.เรื่องการงาน เราต้องไม่หยุดพัฒนาการเรียนรู้ที่ส่งผลต่ออาชีพการงานของเรา เช่น เราอาจจะไปเข้าร่วมงานสัมนาต่างๆเพื่อเรียนรู้ทักษะแนวความคิดใหม่ๆกับบุคคลอื่นๆในแวดวงการทำงานของเราซึ่งจะส่งผลให้เรามีมุมมองและทัศนคติใหม่ๆและเราจะเริ่มมองหาความก้าวหน้าในหน้าที่การทำงานที่เรานั้นได้ทำอยู่ในปัจจุบัน ข้อดีของการตั้งเป้าหมายแบบ SMART
คือเราจะมองเห็นตัวตนในอนาคตของเรา ว่าตัวตนที่เราอยากจะเป็นจะเป็นบุคคลที่มีบุคลิกภาพอย่างไร ใส่เสื้อผ้าแบบไหน รูปร่างหน้าตาเป็นอย่างไร และงานที่คนๆนั้นทำงานอะไร   มีอิทธิพลต่อผู้คนรอบข้างมากน้อยแค่ไหน และที่สำคัญบุคคลนั้นมีบทบาทต่อสังคมยังไง
6.    มีวินัย
ตั้งแต่เริ่มต้นวันแรกที่เราทำกิจกรรมต่างๆ เพื่อเปลี่ยนแปลงตัวเองนั้นพอสิ้นสุดวันหรือช่วงเวลาก่อนนอนให้เราเขียน Journalเพื่อจดบันทึกเกี่ยวกับความคิด ความรู้สึก ประสบการณ์ และแนวคิดต่างๆที่เกิดขึ้นในวันนั้น ซึ่งกิจกรรมต่างๆที่ใช้เพื่อการพัฒนาตัวเองนั้นเราจะต้องทำให้ได้ตามทฤษฎี 21 วัน เพราะว่ามันคือการเปลี่ยนแปลงนิสัยตัวเรา ให้เป็นไปตามที่เราได้วางแผนออกแบบและกำหนดเป้าหมายไว้
แต่มันต้องอาศัยความมีวินัยสูงมากแต่ถ้าเราทำได้ไม่ว่าจะเป็นเรื่องอะไรเราก็สามารถทำได้ โดยเฉพาะกิจกรรมต่างๆเพื่อเปลี่ยนแปลงตัวเอง และอยากจะบอกว่าแรงบันดาลใจ เป็นแค่จุดเริ่มต้นเล็กๆของการเปลี่ยนแปลงตัวเองไม่ได้ทำให้เราบรรลุเป้าหมาย แต่สิ่งที่จะทำให้เราบรรลุเป้าหมายได้นั้นคือเราต้องอาศัยวินัยนั่นเอง
7.    ฝึกเปลี่ยนเรื่องเล็กๆ
ในการดำเนินชีวิตประจำวันของพวกเราทุกคนนั้น มักจะทำตามนิสัยของตัวตนในอดีตซึ่งส่งผลโดยตรงมาที่ตัวตนในปัจจุบัน หากการเปลี่ยนแปลงตัวเองที่เราตั้งขึ้นออกแบบมาจนทำให้เรารู้สึก ยากที่จะเปลี่ยนแปลงตัวเอง ให้เราหาเรื่องเล็กๆที่จะเปลี่ยนแปลงตัวเองที่เราสามารถลงมือทำได้อย่างไม่ยากนัก เช่น ต่อไปนี้ฉันจะล้างจานหลังทานอาหารทันที, เมื่อฉันตื่นนอนฉันจะเก็บที่นอนทันทีทุกวัน, ฉันจะฝึกภาษาอังกฤษวันละ 30 นาที, ฉันจะฝึกนั่งสมาธิในตอนเช้าเป็นเวลา
10-20 นาที ทุกวัน อะไรแบบนี้เป็นต้น เพราะการฝึกเปลี่ยนเรื่องเล็กๆและถ้าทำต่อเนื่องจนเป็นนิสัยใหม่ได้ถือเป็นเรื่องที่ทำได้ไม่ยากเกินความสามารถของพวกเราทุกคน ซึ่งจะส่งผลให้เราค่อยๆเปลี่ยนนิสัยไปในทางที่ดีขึ้นและพัฒนาศักยภาพของตัวเราให้เก่งขึ้น ดีขึ้น และก็ใช้ชีวิตอย่างมีความหมายมากขึ้นด้วย ทำอย่างค่อยๆเป็นค่อยๆไป
และพยายามฝึกเปลี่ยนเรื่องที่ใหญ่ขึ้นตามลำดับ ดังนั้น เราต้องมีการวางแผน ตั้งเป้าหมาย ลงมือทำ และเมื่อกระบวนการทั้ง 3 นี้ได้สำเร็จแล้ว เราต้องมีตัวชี้วัดว่าผลลัพธ์จะออกมาในรูปแบบไหน อาจจะเป็นการให้คะแนน หรือสอบถามความคิดเห็นบุคคลอื่น ว่าสิ่งที่เราทำนั้นมีอะไรที่เปลี่ยนแปลงไปจากเดิมหรือไม่
8.เปลี่ยนวิธีพูดกับตัวเอง
ต้องฝึกเปลี่ยนคำพูดที่บอกกับตัวเอง เพราะการบอกตัวเองโดยอาศัยทัศนคติที่ดี ความมั่นใจ และมุมมองใหม่ๆจะทำให้การเปลี่ยนแปลงตัวเองทำได้อย่างง่ายขึ้นเราอาจจะเคยได้ยินว่า Half of  your life force is to believe in your self มันแปลว่าความเชื่อมั่นคือพลังครึ่งนึงของคุณ ยกตัวอย่างเช่นการพูดว่าเรื่องนี้ฉันทำไม่ได้หรอกมันยากเกินไปสำหรับฉัน เปลี่ยนเป็น เรื่องนี้คงไม่ยากอย่างที่คิดคงต้องลองลงมือทำก่อน
เพียงเท่านี้สมองเราก็จะหาทางที่จะทำมันให้ได้ ฉะนั้นการเปลี่ยนแปลงตัวเองนั้นไม่ใช่เรื่องง่าย แต่ก็ไม่ใช่เรื่องยากเกินความสามารถของพวกเรา มันขึ้นอยู่กับว่าเราบอกกับตัวเองว่ายังไง
โฆษณา