2 ก.ค. เวลา 00:46

ยูจีน โอ'เคลลี่ (Eugene O'Kelly)

ยูจีน โอ'เคลลี่ (Eugene O'Kelly)
ผู้บริหารสูงสุด ของบริษัทตรวจสอบบัญชียักษ์ใหญ่ KPMG ที่มีเครือข่ายไปทั่วโลก
ถ่ายทอดเรื่องราวช่วงสุดท้ายในชีวิต ไว้ในหนังสือ “Chasing Daylight”
ยูจีน ได้เขียนหนังสือเล่มนี้ ขณะที่เขามีอายุ 53 ปี และ กำลังเผชิญกับความท้าทายครั้งใหญ่ที่สุดในชีวิต ที่ยากจะเอาชนะ นั่นคือ (fire)“ความตาย”
'ยูจีน โอ'เคลลี่' ใช้เวลา 53 ปีที่ผ่านมา ทำงานอย่างหนัก จนประสบความสำเร็จ
ได้เป็นผู้บริหารสูงสุดของ KPMG บริษัทผู้เชี่ยวชาญ ด้านการสอบบัญชี และ ภาษีระดับโลก
'ยูจีน โอ'เคลลี่' เป็นคนที่มีสุขภาพแข็งแรง เขาออกกำลังกายสม่ำเสมอ กินอาหารที่มีประโยชน์ และ เข้านอนตรงเวลา
เขาแทบไม่เคยป่วยเลยตลอดชีวิต แต่แล้ววันหนึ่ง เขาก็เกิดปวดหัวอย่างหนัก จนถูกหามส่งโรงพยาบาล
ผลตรวจที่ออกมา(!) ทำให้ ยูจีน รู้ว่า ตัวเองกำลังป่วยเป็น มะเร็งสมอง ระยะสุดท้าย และ เขาเหลือเวลาใช้ชีวิต อีกเพียง 100 วันเท่านั้น
สิ่งแรกที่ ยูจีน ทำ หลังจากรู้ตัวว่า เขากำลังจะจากโลกนี้ไป คือ
การลาออกจากตำแหน่ง ประธานบริษัท และ CEO ของ KPMG ท่ามกลางความช็อค ของ พนักงาน กว่า 2 หมื่นคน
ยูจีน ใช้เวลาช่วงสุดท้ายในชีวิตไปกับ การลิสต์รายชื่อ ผู้คนที่เขารู้จัก ทั้งที่สนิท และ ไม่สนิท
จากนั้นพยายามติดต่อทุกคน ด้วยวิธีต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น การโทรหา เขียนอีเมล เขียนจดหมาย
เพื่อบอกให้ทุกคนรู้ว่า
ครั้งหนึ่ง ยูจีน ดีใจที่ได้ใช้เวลาไปพวกเขา รวมถึง ขอบคุณ และ ขอโทษ กับสิ่งต่างๆ ที่อาจทำผิดพลาดไป
ในบันทึกหน้าท้ายๆ ของ ยูจีน เขาพูดถึงความสัมพันธ์อันเรียบง่าย ระหว่าง เขา และ คนรอบข้าง รวมถึง โมเมนต์ที่ประทับใจต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น
การออกไปทานข้าว กับ เพื่อนสนิท
ตีกอล์ฟ กับ พาร์ทเนอร์บริษัท
ตั้งแต่ คนวงนอก จนมาถึง คนสนิท อย่าง ครอบครัว ญาติ พี่น้อง ภรรยา และลูกสาว
ยูจีน ได้เขียนความตั้งใจสุดท้ายไว้ว่า เขาอยากพา ลูกสาว ไปเที่ยว กรุงปราก สาธารณรัฐเช็ค
แต่ตอนนี้เขาพบว่า ตัวเองไม่มีแรงเหลือพอ ที่จะทำเช่นนั้น เขาจึงเปลี่ยนสถานที่ไปพักผ่อน ที่ทะเลสาบ ทาโฮ แทน
ยูจีน เขียนบันทึกไว้ว่า ช่วงเวลาที่ได้พักผ่อน ที่ ทะเลสาบ ทาโฮ ถือเป็นช่วงเวลาที่ดีที่สุดในชีวิตของเขา
เขาได้ออกไปแล่นเรือกับครอบครัว ได้นั่งพูดคุยถึงเรื่องต่างๆ
นั่งดูคนตีกอล์ฟกับลูกสาว
ยูจีน บอกว่า คนมากมายต่างพูดกันว่า เขาจากโลกนี้เร็วเกินไป
แต่เขากลับมองว่า ตัวเองมีโอกาสได้ร่ำลาคนที่รัก มีโอกาสได้พูดคุยถึงสิ่งต่างๆ ที่ค้างคา ยูจีน มองว่า ตัวเองเป็นคนที่โชคดี
หลังจากที่เขียนบันทึกนี้จบ ยูจีน ก็จากโลกนี้ไปอย่างสงบ
ภรรยาของ ยูจีน โอ'เคลลี่ ได้เขียนสรุป บทเรียน 5 ข้อ ที่เธอได้รับ จากช่วงเวลาสุดท้าย ของชีวิตสามี
1. ยอมรับความพ่ายแพ้ในบางครั้ง :
ยูจีน โอ'เคลลี่ เป็นคนเก่ง และสามารถหาทางออกให้กับ ปัญหาทุกเรื่อง ได้เสมอ แม้บางครั้งจะพ่ายแพ้ แต่เขาก็กลับขึ้นมาลุกได้อีกครั้ง
แต่เมื่อต้องเผชิญหน้ากับ “ความตาย” ที่ไม่มีใครสามารถเอาชนะได้ เขาก็ยินดีที่จะยอมรับมัน และใช้เวลาช่วงสุดท้ายของชีวิต ได้อย่างคุ้มค่า
2. ต้องมีมากแค่ไหน :
ภรรยาของ ยูจีน เล่าว่า ในขณะที่ ยูจีน มีชีวิตอยู่ เขามีทรัพย์สินมากมายที่คนอื่นๆ ล้วนอยากมี แต่เมื่อ "ความตาย" เดินทางมาถึง เขากลับต้องการเพียง “เวลา” ที่จะอยู่กับครอบครัวเท่านั้น-
3. จงมีชีวิตอยู่กับปัจจุบัน :
หลังจากรู้ว่า ตัวเองป่วยเป็น มะเร็ง เขาก็หันหลังให้กับ อนาคตทั้งหมด และใช้เวลา อยู่กับปัจจุบันเท่านั้น
(stars)เขาเริ่มมองหา Perfect Moment จากทุกอย่างที่อยู่รอบตัว ไม่ว่าจะเป็นช่วงเวลาที่ฟังเสียงน้ำไหล
ได้ทานอาหารอร่อยๆ หรือ ได้นั่งฟังภรรยาอ่านหนังสือ
4. พยายามตามหา Perfect Moment ทุกช่วงขณะ :
ยูจีน ใช้ชีวิตมากว่า 53 ปี แต่เขาเพิ่งค้นพบ Perfect Moment ใน 100 วันสุดท้ายของชีวิต
เขาบอกว่า : "ชีวิตที่สมบูรณ์แบบสำหรับเขา จะเกิดขึ้นไม่ได้เลย หากขาด ภรรยา และ ลูกๆ มาร่วมใช้เวลาไปกับมัน"
ภรรยาของยูจีน เล่าว่า
เธอเคยพูดเรื่อง ลูกน้องคนหนึ่ง ให้ ยูจีน ฟัง
ลูกน้องคนนั้น ทำงานอย่างหนัก เมื่อกลับถึงบ้าน สิ่งที่เขาทำเป็นอย่างแรก คือ การเช็คอีเมล
เธอจึงถามลูกน้องคนนั้นว่า "ทำงานหนักขนาดนี้เพื่ออะไร?"
เขาตอบว่า "เพื่อครอบครัว”
เรื่องนี้ทำให้ ยูจีน คิดเรื่องการจัด Piority ในชีวิตใหม่
เพราะบางครั้ง สิ่งที่เราคิด กับ สิ่งที่เราทำ ผลลัพธ์ที่ออกมา ดันตรงกันข้ามกัน
ดังนั้น อย่าทำงานจนมองข้าม Perfect Moment ที่อาจเกิดขึ้นได้ในทุกนาที
5. สร้างความสมดุลให้กับชีวิต :
มันสำคัญมากที่เราจะหาจุดกึ่งกลางของชีวิตให้เจอ
คำว่า “บาลานซ์” ไม่ได้หมายถึง แค่เวลา แต่ยังรวมไปถึง อารมณ์ พลังงาน ความคิด ความเชื่อ ทุกๆ อย่าง ที่เกิดขึ้นกับตัวเรา
จงใช้ทุกช่วงเวลาให้เหมือนวันนี้เป็นวันสุดท้าย
ชีวิตคนเราไม่ได้ยืนยาวเหมือนดั่งใจหวัง คนส่วนใหญ่ไม่มีแม้แต่โอกาสที่จะรู้ว่า นี่คือ 100 วันสุดท้าย ของตัวเองด้วยซ้ำ
ขอบคุณเครดิต: Mission to the moon
โฆษณา