2 ก.ค. เวลา 06:54 • ธุรกิจ

รู้จัก Ufotable สตูดิโอแอนิเมชันเบื้องหลัง ดาบพิฆาตอสูร

578 ล้านบาท คือต้นทุนที่สตูดิโอ Ufotableใช้ในการผลิตภาพยนตร์แอนิเมชันดาบพิฆาตอสูร Demon Slayer: Kimetsu no Yaiba – The Movie: Mugen Train ในปี 2021
ซึ่งเป็นภาพยนตร์ที่ได้ผลตอบรับดี โดยกวาดรายได้ 18,666 ล้านบาท คิดเป็น 32 เท่าของต้นทุนการผลิต
นี้ยังไม่นับรวมรายได้ของภาพยนตร์แอนิเมชัน ภาคต่อ ทั้ง Demon Slayer: Kimetsu no Yaiba – To the Swordsmith Village ในปี 2023
และ Demon Slayer: Kimetsu no Yaiba – To the Hashira Training ในปี 2024
นอกจากภาพยนตร์แล้ว แอนิเมชันฉบับซีรีส์ที่ฉายตามเคเบิลทีวี หรือแพลตฟอร์มสตรีมมิงต่าง ๆ ก็ได้กระแสตอบรับถล่มทลายไม่แพ้กัน
ซึ่งก็ได้รับคำชื่นชมว่า ทำออกมาได้มีคุณภาพแน่นไม่แพ้ภาพยนตร์ จนทำให้ชื่อของสตูดิโอผลิตแอนิเมชันดาบพิฆาตอสูร ได้กลายมาเป็นชื่อที่ถูกพูดถึง เป็นวงกว้าง
แล้วเรื่องราวของสตูดิโอแห่งนี้ เป็นอย่างไร ?
ลงทุนแมนจะเล่าให้ฟัง
ก่อนที่สตูดิโอ Ufotable จะกลายมาเป็นที่รู้จัก
เราต้องย้อนกลับไปเมื่อ 24 ปีที่แล้ว หรือในปี 2000
สตูดิโอ Ufotable ถูกก่อตั้งขึ้นโดย Hikaru Kondo อดีตพนักงานสตูดิโอ TMS Entertainment
หรือสตูดิโอผู้ผลิตการ์ตูนในวัยเด็กของใครหลายคน อย่างโคนัน และบาคุกัน
อย่างไรก็ตาม Ufotable ก็เป็นเพียงสตูดิโอเล็ก ๆ ที่ยังไม่ได้รับงานแอนิเมชันมากเท่าไรนัก
และผลงานแอนิเมชันในช่วง 5 ปีแรกของสตูดิโอ ก็ไม่ได้เป็นที่นิยม
จนกระทั่งในปี 2013 สตูดิโอ ก็ประสบความสำเร็จกับผลงานแอนิเมชันเรื่อง “The Garden of Sinners”
ซึ่งก็ได้กลายเป็นบันไดให้ Ufotable ก้าวขึ้นเป็นสตูดิโอชั้นแนวหน้า ของประเทศญี่ปุ่น
รวมถึงเปิดเส้นทางโอกาส ในการรับผลิตผลงานแอนิเมชันเรื่องอื่น ๆ ตามมา
อย่างเช่นเรื่อง Fate/stay night: Unlimited Blade Works และ Tales of Zestiria the X
1
โดยผลงานที่จะไม่พูดถึงไม่ได้เลย ก็คือ แอนิเมชันดาบพิฆาตอสูร ในปี 2019 ที่นอกจากจะขึ้นแท่น กลายเป็นแอนิเมชันหมายเลข 1 แล้ว ยังเป็นการ์ตูนที่ถูกกล่าวขานว่า สามารถชุบชีวิตตลาดการ์ตูนญี่ปุ่น ให้กลับมาเฉิดฉายสู่สายตาชาวโลกได้อีกครั้ง
ด้วยจุดเด่นของสตูดิโอ Ufotable ที่ผสมผสานงานภาพแอนิเมชันแบบ 2 มิติ และ 3 มิติ รวมถึงการเพิ่มกิมมิก พร้อมกับมุมมองใหม่ ๆ ก็ทำให้ผลงานที่ออกมา ประสบความสำเร็จอย่างงดงาม
และในปี 2021 ผลงานภาพยนตร์แอนิเมชัน Demon Slayer: Kimetsu no Yaiba – The Movie: Mugen Train ก็ยังคงเป็นที่น่าจดจำ
ด้วยต้นทุนสร้างกว่า 578 ล้านบาท แต่สามารถกวาดรายได้ทั่วโลก มากถึง 18,666 ล้านบาท
แซงหน้าการ์ตูนแอนิเมชันที่ครองแชมป์รายได้อันดับ 1 ในญี่ปุ่นอย่าง Spirited Away จากสตูดิโอ Ghibli
เรียกว่า Demon Slayer หรือ ดาบพิฆาตอสูร เป็นผลงานที่ทำให้สตูดิโอแห่งนี้ยิ่งเป็นที่รู้จักมากขึ้น
โดยเฉพาะอย่างยิ่งในปี 2022 ที่ Demon Slayer ซีซัน 2 เริ่มเข้าฉายตามแพลตฟอร์มสตรีมมิงต่าง ๆ
ทำให้ทุกคนเริ่มกลับมาพูดถึงสตูดิโอ Ufotable กันขึ้นอีก
เนื่องจากงานภาพที่พูดได้แค่ว่า “เกินแอนิเมชันซีรีส์ทั่วไป” และหลายคนยังเห็นตรงกันว่า
คุณภาพที่ Ufotable ได้นำเสนอมาในครั้งนั้น แทบจะอยู่ในระดับเดียวกันกับภาพยนตร์ Demon Slayer: Kimetsu no Yaiba – The Movie: Mugen Train เลยทีเดียว
และล่าสุดที่ Demon Slayer ซีซัน 4 หรือภาคการสั่งสอนของเสาหลัก ได้ฉายจบไป
ด้วยคุณภาพของผลงาน ที่ไม่เคยทำให้แฟน ๆ ผิดหวัง แถมบางฉากยังทำออกมาได้ดีกว่าที่คาดไว้
ก็ทำให้สตูดิโอ Ufotable กลับมาถูกพูดถึง และเป็นกระแสบนโลกออนไลน์อีกครั้ง
แน่นอนว่า สำหรับคนที่อยากรู้เรื่องราวต่อจากนี้ของ Demon Slayer ก็สามารถหาอ่านในมังงะ หรือหนังสือการ์ตูน Ebook ได้เลย เพราะจริง ๆ เนื้อหาของการ์ตูนได้จบบริบูรณ์เป็นที่เรียบร้อยแล้ว
แม้ว่าหลายคนจะทราบกันดีอยู่แล้ว ว่าเนื้อหาตอนต่อไป จะเป็นเช่นไร
แต่ทุกคนที่เคยอ่านการ์ตูนมาแล้ว ก็พร้อมที่จะติดตามดูแอนิเมชันเรื่องนี้อยู่ดี
เพราะงานภาพที่ Ufotable หยิบมานำเสนอนั้น เหมือนเป็นการสร้างชีวิตใหม่ให้กับตัวละคร และฉากต่าง ๆ ที่สร้างความประทับใจและตื้นตันใจ ให้กับผู้ชม ในแบบที่แอนิเมชันเรื่องอื่น ก็อาจจะไม่สามารถเทียบเท่าได้
ทั้งนี้ต้องหมายเหตุว่า จริง ๆ แล้วในการสร้างแอนิเมชัน ก็ไม่ได้มีเพียงแค่บริษัทเดียวเท่านั้น ที่ทำกราฟิก แต่เป็นการใช้หลาย ๆ บริษัท มาช่วยกันสร้างสรรค์ จนออกมาเป็นผลงานแบบที่เราได้รับชมกัน
และอาจเป็นคำตอบ ว่าทำไมต้นทุนการสร้างการ์ตูนซีรีส์สักเรื่องหนึ่งถึงมีราคาสูง
นอกจากนี้ แม้สตูดิโอ Ufotable จะประสบความสำเร็จ จนสร้างรายได้ระดับพันล้าน แต่ด้านผู้ก่อตั้ง Hikaru Kondo ประธานบริษัท ก็เคยเป็นข่าวว่า หลบเลี่ยงภาษีมูลค่ากว่า 40 ล้านบาท
รวมถึงถูกตัดสินโทษจำคุกเป็นเวลา 1 ปี แต่ก็ถูกลดโทษให้โดนทัณฑ์บนเป็นเวลา 3 ปีแทน
ภายหลังเหตุการณ์นั้น ผู้ก่อตั้งก็ได้ออกมาขอโทษแฟน ๆ และขอโอกาสที่จะผลิตแอนิเมชันดี ๆ ต่อไป
สุดท้ายนี้ ก็มีข่าวออกมาอย่างเป็นทางการแล้วว่า Demon Slayer ภาคต่อไป หรือ “ปราสาทไร้ขอบเขต” จะออกมาในรูปแบบภาพยนตร์ไตรภาค
ซึ่งก็คงเป็นภาคที่แฟน ๆ คาดหวังและรอคอยมากที่สุด
โดยหากดูจากผลงานของ Ufotable ที่ผ่านมา ๆ
ประกอบกับความคาดหวังของแฟน ๆ ที่เพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ
ผลงานชิ้นต่อไปของ Ufotable ก็น่าจะออกมาแบบไม่ธรรมดาเช่นกัน..
โฆษณา