2 ก.ค. 2024 เวลา 16:01 • ประวัติศาสตร์

ภาษาอังกฤษจากนิทานกรีก fly too close to the sun

สำนวนภาษาอังกฤษที่ว่า fly too close to the sun หรือ บินเข้าใกล้ดวงอาทิตย์เกินไป มีความหมายในเชิงเปรียบเทียบว่า มั่นใจมากเกินไป หรือหยิ่งผยอง จนเสี่ยงต่อความล้มเหลวหรือได้รับอันตราย หรือการมีความทะเยอทะยาน โลภมากเกินไป เพื่อเข้าถึงสิ่งที่ไม่สามารถจะทำให้สำเร็จได้
สำนวนนี้ มีที่มาจากเรื่องราวในปกรณัมกรีก ว่าด้วยเรื่องของชายหนุ่ม นาม อิคารัส (Icarus)
อันที่จริง ตัวอิคารัสเอง ไม่ได้มีวีรกรรมอะไรมากนัก นอกเสียจากเป็นลูกชายของคนดัง คือ เดดาลัส (Daedalus) ผู้ได้ชื่อว่า เป็นยอดสถาปนิคของเกาะครีต ซึ่งเป็นที่มาของตำนานการสร้างเขาวงกตเป็นครั้งแรกของโลก เป็นเขาวงกต หรือจะว่าไปคิอ สถานที่คุมขัง ที่ผู้ที่เข้าไปแล้ว จะหาทางออกไม่เจอ และเมื่อสร้างมาแล้ว ก็เกิดเรื่องราวมากมาย แต่ขอตัดตอนไปที่ตอนจบก่อน คือตัวเดดาลัสผู้สร้างเขาวงกตนั้น ถูกลงโทษให้โดนขังที่เขาวงกตที่ตัวเองสร้างขึ้น และลูกชาย คืออิคารัส ก็พลอยโดนขังไปด้วย
แต่มีหรือที่เดดาลัสจะแพ้ภัยตัวเอง งานนี้ ออกทางบกไม่ได้ ก็ออกมันทางอากาศ เดดาลัสจัดแจงประดิษฐ์ปีกขึ้น โดยใช้กาวทาขนนก แล้วติดปีกให้ตัวเอง และลูกชาย ว่าแล้วก็โบยบินหนีออกไปได้สำเร็จ
ก่อนจะบินไป เดดาลัสเตือนอิคารัสว่า อย่าบินสูงเกินไป เพราะกาวอาจละลายจากความร้อนของดวงอาทิตย์ได้ แต่หนุ่มห้าวอย่างอิคารัสนั้น เมื่อได้บินเหนือเมฆก็ฮึกเหิม ว่าแล้วก็โบกปีกเร็วรี่สูงขึ้น และเป็นไปตามที่พ่อเฒ่าคาดไว้ ความร้อนได้ทำให้กาวเสียหาย อิคารัสปีกหัก และร่วงลงมาถึงแก่ความตาย
พฤติการณ์ของอิคารัส ทำให้เกิดเป็นสำนวนภาษาอังกฤษที่ว่า fly too close to the sun ดังกล่าว
ภาพวาดเหตุการณ์ตอนที่อิคารัส ร่วงลงมาจากฟ้า
เล่าตอนจบแล้ว ขอย้อนไปตอนต้นว่า ทำไม เดดาลัส ต้องสร้างเขาวงกตขึ้น นั่นก็เพราะทำตามพระบัญชาของกษัตริย์ไมนอส (Minos) กษัตริย์ผู้ปกครองครีต
อันว่ากษัตริย์ไมนอสนั้น เป็นโอรสของนางยูโรปา (Europa) ซึ่งเดิมทีเป็นเจ้าหญิงที่กำลังเพลิดเพลินอยู่กับการชมสวน แต่เดินไปเดินมา มหาเทพซุส (Zeus) ดั๊น..น..ทอดพระเนตรลงมาเจอะ และเกิดรักปักทรวงขึ้น แต่ก็เกรงว่าหากลงมาหาแบบธรรมดาๆ จะถูกพระชายาจับได้ ซุสจอมเจ้าเล่ห์ก็เลยแปลงกายเป็นกระทิงตัวงามมาหายูโรปา
ครั้นเมื่อนางหลงกลขึ้นขี่หลังกระทิง ซุสที่ปลอมแปลงพระองค์มาก็เหาะพายูโรปาไปที่เกาะครีต อันเป็นสถานที่มหาเทพเคยเติบโตมา และให้กำเนิดไมนอส ที่ได้ครองเกาะครีตต่อมา ส่วนพื้นที่ที่ซุสพาพระมารดาของพระองค์เหาะเหินข้ามา ก็ได้ชื่อว่า ทวีปยุโรป ตามนามของยูโรปา
ไมนอสมีพระชายา คือ พาซิฟาเอ (Pasiphaë) ที่แรกๆ ก็รักกันดี แต่ต่อมา โพไซดอน (Poseidon) เทพผู้พิทักษ์ท้องทะเลได้ประทานกระทิงแสนงามตัวหนึ่งให้กษัตริย์ไมนอส เพื่อให้นำกลับมาบูชายัญแด่องค์เทพ ทว่า วัวกระทิงนั้น งามเกินกว่าที่ไมนอสจะตัดใจสังหารได้ ก็เลยแอบเลี้ยงเอาไว้ จนทำให้โพไซดอนพิโรธ และลงทัณฑ์ด้วยการดลพระทัยให้พาซิฟาเอ "หลงรัก" เจ้ากระทิง จนนำมาสู่การให้กำเนิดลูกครึ่ง นามมิโนทอร์ (Minotaur) อมนุษย์ที่มีตัวเป็นคน แต่หัวเป็นวัวกระทิง
ประติมากรรม มิโนทอร์ (พิพิธภัณฑ์โบราณคดีแห่งชาติเอเธนส์)
เรื่องนี้เป็นโศกนาฎกรรมชั้นดี กษัตริย์ไมนอสเองก็น่าจะพอเข้าใจว่า มิโนทอร์เองก็ไม่ได้ทำอะไรผิด แต่จะให้เป็นเจ้าชายอยู่ในวังก็คงไม่ได้ และไมนอสก็ไม่ได้ทำร้ายมิโนทอร์ เพียงแต่จับไปขังไว้ แต่จะขังที่ไหนให้มั่นคง ว่าแล้วไมนอสก็มีพระบัญชาให้เดดิลัสออกแบบสถานที่ให้เป็นที่อยู่ของมิโนทอร์ และนั่นก็เป็นครั้งแรกที่โลกได้รู้จักกับเขาวงกต ที่ซึ่งมิโนทอร์ได้เข้าไปอยู่ แต่ออกมาไม่ได้
อันว่ากษัตริย์ไมนอสนั้น ชังพวกเอเธนส์ค่ะ พระองค์มีชัยและปกครองเอเธนส์แบบข่มเหง โดยมีประกาศให้ชาวเอเธนส์ส่งหนุ่มสาว ๑๔ คน มาเป็นบรรณาการ ซึ่งเมื่อไหร่ที่เยาวรุ่นแห่งเอเธนส์มาถึงเกาะครีต ไมนอสก็จะส่งเข้าไปในเขาวงกต และพวกเขาก็จะตกเป็นเหยื่ออันโอชะของมิโนทอร์
ถึงตอนนี้ เราเริ่มเห็นแล้วว่า มิโนทอร์ ถูกสร้างมาให้เป็นตัวร้าย ไหนจะมีหัวเป็นวัวกระทิง และน่าจะดุร้ายจนต้องจับกุมคุมขัง และเมื่อมีคนหลงเข้าไปในเขาวงกต ก็จะถูกมิโนทอร์ทำเป็นอาหารเย็น แต่หากเรามองอีกด้าน มิโนทอร์กำเนิดมาจากการกลั่นแกล้งของโพไซดอน และเมื่อมีสัญชาติญาณสัตว์อยู่ในตัว ก็ไม่แปลกหากเขาจะดุร้าย แต่การที่สังหารผู้คนเป็นว่าเล่นนั้น ก็ไม่ได้จะออกไปฆ่าใครๆ ตามใจชอบ แต่ "จับกิน" เฉพาะคนที่กษัตริย์ไมนอสส่งเข้ามาให้ในเขาวงกตที่ก็อาจจะไม่ได้มีอะไรกินสักเท่าไหร่
การที่ไมนอสส่งคนเข้าไป จึงเหมือนส่ง "อาหาร" ไปให้มิโนทอร์เองนั่นแหละ แล้วจะบอกว่า มิโนทอร์ร้ายเองก็ใช่ที่ แต่โลกนี้ต่างหากที่สอนให้อมนุษย์ต้องร้าย
และในการที่ชาวเอเธนส์ต้องส่งหนุ่มสาวมาบรรณาการแด่กษัตริย์ไมนอสนั้น ในคราวหนึ่ง ผู้ที่อาสามาเป็นบรรณาการ คือ เธเซอัส (Theseus) พระราชโอรสในกษัตริย์เอจัส (Aegeus) ผู้ครองเอเธนส์ โดยเธเซอัสสัญญากับพระบิดาว่า จะไปจัดการมิโนทอร์ให้ได้ ถ้าสำเร็จ ตอนที่แล่นเรือกลับมา จะเปลี่ยนใบเรือจากสีดำ ให้เป็นสีขาว เพื่อให้กษัตริย์เอจัสได้เห็นแต่ไกล
ตอนที่เธเซอัสไปถึงเกาะครีต จะว่าไปแล้ว ก็ยังไม่มีลู่ทางว่าจะทำยังไงกับมิโนทอร์ หรือจะว่าไป ไม่รู้ว่า หากสังหารมิโนทอร์ได้จริงๆ แล้วจะออกมาจากเขาวงกตได้ยังไง แต่ตอนที่ขึ้นบกที่เกาะครีตนั่นเอง ที่หญิงสาวนางหนึ่ง คือ เอริแอดเน (Ariadne) พระธิดาในกษัตริย์ไมนอส กับพระนางพาซิฟาเอ เกิดเห็นเธเซอัสเข้า
เรื่องนี้ดำเนินไปตามตำรา น้องสาวต่างบิดาของมิโนทอร์เกิดหลงรักพ่อหนุ่มจากต่างเมืองเข้าเสียนี่ ว่าแล้วก็ร้อนรน อยากจะหาทางช่วยชีวิตเธเซอัส เลยไปเชิญยอดสถาปนิคเดดาลัสมาสอบถามวิธีที่จะออกจากเขาวงกต
เดดาลัสก็พาซื่อค่ะ บอกวิธีการง่ายๆ ว่า ก็แค่ตอนเข้าไป เอากลุ่มด้ายติดตัวไปด้วย แล้วเดินไปไหนก็โรยเส้นด้ายไปเรื่อยๆ หากจัดการมิโนทอร์สำเร็จ ก็เดินตามเส้นด้ายกลับมา ก็ออกได้เอง เจ้าหญิงก็เลยนำความไปบอกหนุ่มหล่อ ที่สัญญาว่า ถ้าก่อการสำเร็จ จะพาสาวเจ้าหนีไปแต่งงานด้วย
การได้เคล็ดลับนี้ ทำให้เธเซอัสกลายเป็นวีรบุรุษ เพราะพอเข้าไปในเขาวงกต ก็เจอะมิโนทอร์กำลังนอนหลับพอดี เห็นอย่างนี้ ก็ฉวยโอกาส “ทุบ” อมนุษย์ที่ใครๆ ก็กลัวตนนี้จนแดดิ้น แหม..อย่างนี้แล้ว จะไม่ให้ผู้เขียนบอกว่า เรื่องของมิโนทอร์เป็นโศกนาฎกรรมได้ยังไงล่ะคะ ตั้งแต่เกิดมา ก็มีปมจากปัญหาของรุ่นพ่อแม่จนตัวเองต้องเป็นลูกครึ่ง ครั้นเมื่อกินคน ก็เพราะไมนอสส่งมาในเขาวงกต จนวันที่ลาโลก ก็เกิดเหตุตอนนอนหลับซะนี่
เอาเหอะ ไม่ว่ายังไงก็ถือว่า เธเซอัสทำสำเร็จ ว่าแล้วก็รีบพาเอริแอดเนขึ้นเรือหนีกลับเอเธนส์ แต่ยังไม่ถึงเอเธนส์ดี ก็ทิ้งเจ้าหญิงซะกลางทางที่เกาะแห่งหนึ่งอย่างไม่ไยดี แหม นี่ล่ะน้า นิสัยวีรบุรุษ มิหนำซ้ำ ความลิงโลดใจที่สังหารมิโนทอร์ได้ ก็เลยลืมสัญญากับพระบิดาว่า จะเปลี่ยนใบเรือจากสีดำเป็นสีขาว ว่าแล้ว ก็แล่นเรือด้วยใบสีดำกลับบ้านอย่างเร็วรี่
ด้านพระบิดา กษัตริย์เอจัสนั้น หลังจากพระโอรสจากไปก็เฝ้ามองทะเลทุกวัน แล้วก็ได้เห็นเรือของเธเซอัสกลับมา แต่..ใบเรือเป็นสีดำ โอ้..ลูกเราทำไม่สำเร็จ นั่นก็แปลว่า โอรสแห่งเราเป็นฝ่ายสิ้นชีพ ด้วยความเสียพระทัย เอจัสจึงกระโดดลงไปสวรรคต ณ ทะเลที่ในกาลต่อมาได้นามตามพระองค์ว่า ทะเลอีเจียน (Aegean Sea)
ย้อนไปที่เกาะครีต พอเธเซอัสสังหารมิโนทอร์ และหลบหนีออกจากเขาวงกตได้ กษัตริย์ไมนอสก็หนวดกระดิกค่ะ พระองค์รู้ทันทีเลยว่า เกลือเป็นหนอน ว่าแล้ว แรงพิโรธก็ไปตกที่สถาปนิคเดดาลัส และลูกชายคือ อิคารัสก็พลอยฟ้าพลอยฝนไปด้วย ทั้งคู่ถูกนำไปขังในเขาวงกตที่หาทางออกไม่ได้ตามที่เล่ามาข้างต้น
ทั้งหมดนี้ ล้วนเป็นโศกนาฎกรรม
โฆษณา