Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
พี่จ้วน
•
ติดตาม
3 ก.ค. เวลา 04:48 • ความงาม
ปรับพื้นฐานโครงสร้างผิวหนังชั้นหนังกำพร้า (Epidermis)
วันนี้ขอเล่าเกี่ยวกับชั้น epidermis หรือชั้นหนังพร้าก่อน (ชั้นหนังแท้ค่อยมาเล่า)
เริ่มที่ชั้นล่างสุดของหนังกำพร้า (ทำไมชื่อกำพร้า ก็กำพร้าเลือดไง ไม่มีเลือดมาเลี้ยง)
ชื่อ Stratum basale เป็นเซลล์ที่เรียงตัวกันชั้นเดียว มีความสามารถใน
การแบ่งตัวสูงและตลอดเวลา แต่ถ้าเราแก่ลงมันก็จะช้าลงด้วยเหมือนนั่นแหละ
ไอ่กลม ๆ สีม่วงๆ ตรงกลางน่ะคือนิวเคลียส
เมื่อเซลล์ในชั้น Stratum basale แบ่งตัวจะให้กำเนิดเซลล์ที่เรียกว่า keratinocytes และเคลื่อนที่ออกมาชั้นบนกว่ากลายเป็นชั้นที่มีชื่อเรียกว่า Stratum spinosum
เซลล์ชั้นนี้จะมีรูปร่างขนาดใหญ่ หลายเหลี่ยม คล้ายมีหนามยื่นออกมาจากผิว ที่เรียกว่า spine เรียงตัวกันหนาประมาณ 5-10 ชั้น ตรงเซลล์ชั้นบน ๆ นี้จะเริ่มมีการสร้างหน่วยย่อยพิเศษขนาดเล็ก (Organelles) ที่เรียกว่า lamellar granules กระจายกันไปทั่ว
พอเซลล์เคลื่อนตัวขึ้นไปชั้นบนกว่าจะกลายเป็นชั้นที่มีชื่อเรียกว่า Stratum granulosum เซลลNในชั้นนี้จะเริ่มแบนลง ๆ และภายในเซลล์จะมีเม็ดแกรนูลจำนวนมากที่ชื่อว่า keratohyaline granules ซึ่งเกี่ยวข้องในกระบวนการสร้าง keratin
ขณะเดียวกัน lamellar granules ซึ่งเริ่มสร้างใน Stratum spinosum ชั้นบน ก็จะเริ่มมากขึ้นในชั้นนี้
เมื่อเซลล์เคลือนตัวขึ้นมายังชั้นบนสุดที่เรียกว่าชั้น Stratum corneum (ชั้นขี้ไคล) เซลล์พวกนี้จะเรียกว่าว่า Corneocytes เพราะแก่เต็มที่แล้ว
จะสูญเสียน้ำหนักตัวไปประมาณ 45-86% เห็นขอบเขตของ cell ชัดเจน คล้าย
ร่างแห ภายในเซลล์ไม่มี organelles ชนิดใด เพราะถูกปล่อยมานอกเซลล์หมดแล้ว
เซลล์ในชั้นนี้จะมีขนาดใหญ่ที่สุดใน epidermis
ซึ่งชั้นนี้ lamellar granules จะปล่อยสารที่บรรจุออกมานอกเซลล์เพื่อทำหน้าที่เคลือบระหว่างเซลล์ ทำให้เซลล์ยึดติดกันได้ดีขึ้น และช่วยป้องกันการเสียน้ำ
สารนี้ประกอบไปด้วย glycolipid sterols และ phospholopids
ส่วน keratohyaline granules ก็ถูกปล่อยออกมาด้วยในนั้นมีโปรตีนที่ชื่อ Filaggrin อยู่ โปรตีนตัวนี้จะถูกเปลี่ยนไปเป็น natural moisturizing factor (NMF) ทำหน้าที่ดูดและอุ้มน้ำไว้ ทำให้ผิวนุ่มชุ่มชื้น
นอกจากนี้ในผิวหนังยังพบเซลล์ Melanocytes ทำหน้าที่สร้างเมลานิน (melanin) ซึ่งเป็นสารที่ทำให้เกิดสีที่ผิวหนัง ผมและม่านตา
เซลล์ Langerhans ทำหน้าที่เก็บกินสิ่งแปลกปลอมของผิวหนัง พบได้ทั่วไปในชั้น หนังกำพร้า หนังแท้ และต่อมน้ำเหลืองบริเวณใกล้เคียง
และ Merkel cell มีหน้าที่เกี่ยวกับการรับความรู้สึกสัมผัส
ระยะเวลาที่ basal cell แบ่งตัวให้กำเนิด keratonocytes จนกระทั่ง keratinocytes ผ่านขบวนการ
keratinization จนสมบูรณ์กลายเป็น corneocyte ใช้เวลาประมาณ 14 วัน และระยะเวลาที่ corneocytes หลุดลอกออกไปกลายเป็นขี้ไคล (keratin) หมด ใช้เวลาอีกประมาณ 14 วัน
อ่อ ตามฝ่ามือฝ่าเท้า จะพบชั้นที่ชื่อ Stratum lucidum ด้วยนะ (ชั้นถัดจากชั้นขี้ไคล)
ระหว่างชั้นหนังกำพร้าและหนังแท้ ยังมีรอยต่อเล็ก ๆ ระหว่างชั้น dermis กับ epidermis ด้วยนะ ชื่อว่า dermal-epidermal junction
นอกจากนี้แต่ละเซลล์ยังมีการตรึงเซลล์เข้าด้วยกันด้วย desmosomes เพื่อความแข็งแรงไม่ให้เซลล์หลุดออกจากกัน
ข้อมูลแบบละเอียดยิบสามารถอ่านเพิ่มเติมได้ที่
http://www.cai.md.chula.ac.th/lesson/lesson4410/data/skins.htm
สุขภาพผิว
ดูแลผิว
สุขภาพ
บันทึก
5
1
5
1
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2024 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย