5 ก.ค. เวลา 02:30 • ธุรกิจ

เทรนด์ “ติดแกลม” ไลฟ์สไตล์ลูกคุณหนู ติดหรู รักสบาย

โซเชียลมีเดีย เป็นทั้งที่สร้างตัวตน และที่สร้างคำศัพท์ใหม่ ๆ ขึ้นมา
หนึ่งในคำศัพท์ใหม่ยอดฮิตในกลุ่มวัยรุ่นตอนนี้ คงหนีไม่พ้นคำว่า “ติดแกลม” ที่เรามักเห็นสาว ๆ พูดกันจนติดปาก
หลายคนอาจสงสัยว่าคำนี้มาจากไหน ?
แล้ว “ติดแกลม” หมายถึงอะไรกันแน่ ?
ลงทุนเกิร์ลจะเล่าให้ฟัง
คำว่า “แกลม” มาจากภาษาอังกฤษว่า “glam” ย่อมาจากคำว่า “glamorous” ที่แปลว่ามีเสน่ห์ น่าดึงดูด
เดิมทีใช้สื่อถึงสไตล์การแต่งตัว แต่งหน้า ที่เรียบหรู ดูแพง เช่น การแต่งหน้าลุคแกลม หรือการแต่งตัวด้วยแฟชั่นสไตล์ผู้ดีเก่า (Old Money)
แต่ปัจจุบัน “ติดแกลม” ถูกนำมาใช้เพื่อแทนความหมายของคนที่ติดสวย ติดหรู ชอบกินของแพง ซื้อของแพง ชอบไปพักผ่อนในสถานที่หรูหรา เช็กอินห้างหรู และมักจะถ่ายรูปลงโซเชียลมีเดีย
การทำแบบนี้จะทำให้คนรอบตัวเห็นว่าเขามีชีวิตที่ดี ไลฟ์สไตล์ที่ดูหรูหรา แสดงออกให้สังคมรับรู้ว่าเรามีสถานะดีกว่าผู้อื่น ซึ่งความสนใจในตัวเขาและการถูกยอมรับ ก็เป็นสิ่งที่วัยรุ่นมักต้องการ
ไม่ใช่แค่ประเทศไทยเท่านั้น เทรนด์นี้ยังคล้ายกับวัฒนธรรม “Flex” ในเกาหลีใต้อีกด้วย
Flex หมายถึง วัฒนธรรมที่แสดงออกถึงความสำเร็จหรือความมั่งคั่ง และมีแนวโน้มที่จะบริโภคสินค้าฟุ่มเฟือยโดยไม่ลังเลใจ รวมถึงมีความปรารถนาจะแสดงให้คนอื่นเห็นว่าตนเองใช้เงินไปกับสินค้าราคาแพง
ธุรกิจที่ได้รับผลประโยชน์จากเทรนด์ “ติดแกลม” โดยตรงก็มีมากมาย ไม่ว่าจะเป็น ธุรกิจแบรนด์หรู เนื่องจากสินค้าที่มีมูลค่าสูง กลายเป็นสิ่งของที่คนมองว่าบ่งบอกถึงสถานะในสังคม
หรือจะเป็นธุรกิจเกี่ยวกับความสวยความงาม เช่น ทำผม ทำเล็บ เสื้อผ้า แฟชั่น รวมถึงธุรกิจร้านอาหาร คาเฟ โรงแรม ที่พักอาศัย เพราะสิ่งเหล่านี้แสดงออกถึงภาพลักษณ์ที่สวยหรูดูดี
อ่านมาถึงตรงนี้ หลายคนคงจะคิดว่ากลุ่มคนที่ติดแกลม คือคนที่มีไลฟ์สไตล์อู้ฟู่ ฟุ่มเฟือย แต่ความจริงแล้วไม่จำเป็นเลย เราสามารถ “ติดแกลม” โดยไม่ให้ตัวเองลำบาก เช่น
1. ติดแกลมแบบคุมงบ
‘การยอมกินข้าวราคาถูกลง เพื่อนำเงินไปซื้อน้ำและขนมหวานราคาแพง’
‘การยอมซื้อเสื้อผ้าราคาถูกลง เพื่อนำเงินไปจับจ่ายในร้านอาหารหรู’
ทุกการตัดสินใจขึ้นอยู่กับชีวิตเรา ไม่มีถูกมีผิด
และคำว่าติดแกลม คือการติดไลฟ์สไตล์ที่ดูดี การแต่งตัวแบบลูกคุณหนู มีเทสเท่านั้น ไม่จำเป็นต้องเป็นแบรนด์เนม เพียงแค่ใส่แล้วมีความเป็นลูกคุณหนู คุณนาย ก็สามารถทดแทนได้เช่นกัน
ปัจจุบันหลายแบรนด์ก็มีการปรับภาพลักษณ์ของสินค้าให้เหมาะสมกับเทรนด์ของคนรุ่นใหม่
และแบรนด์เสื้อผ้า รองเท้า เครื่องประดับ ก็มีให้เลือกหลากหลาย อีกทั้งแบรนด์ไทยที่คุณภาพดี ราคาจับต้องได้ก็มีเยอะ
1
2. การแบ่งเงินออม 30% มาใช้จ่ายเพื่อความสุขส่วนตัว
แนวคิดที่อ้างอิงจาก สูตร 50/30/20 ซึ่งเป็นวิธีการบริหารเงินยอดนิยม
โดยให้ใช้ 50% กับค่าใช้จ่ายที่จำเป็น อีก 20% ไว้เก็บออม และ 30% สำหรับความสุขส่วนตัว
เราสามารถเอาเงิน 30% ส่วนนี้มาซื้อ Cheat Day ให้ตัวเอง เช่น ประหยัดมาหลายวันแล้ว วันนี้ขอ “ติดแกลม” ไปเที่ยวสถานที่ดี ๆ หรือขอ “ติดแกลม” หนึ่งวัน เพื่อให้ตัวเองได้กินอาหารดี ๆ ก็ได้เช่นกัน
สุดท้ายการใช้ชีวิตแบบติดแกลม ขึ้นอยู่กับมุมมองของแต่ละบุคคล คนที่ติดแกลมไม่ได้แปลว่าจะเก็บเงินไม่ได้เลย และคนที่ไม่ติดแกลมก็ไม่ได้หมายความว่าไม่มีเงินเช่นกัน
เทรนด์ติดแกลมถือเป็นเทรนด์หนึ่งที่ช่วยให้หลาย ๆ คนหันมารักสวยรักงาม ทำให้ตัวเองดูดีขึ้น เสริมความมั่นใจ
ภาคธุรกิจก็ได้พัฒนาสินค้าและบริการให้ดีขึ้น อย่างการให้ความสนใจในการตกแต่งร้าน การออกสินค้าใหม่ ๆ ให้ตามเทรนด์ผู้บริโภคมากขึ้น
เมื่อมีคนซื้อคนขาย ก็ช่วยเศรษฐกิจของประเทศได้อีกด้วย..
โฆษณา