3 ก.ค. เวลา 15:03 • อาหาร

รู้หรือไม่? ว่ากิมจินั้น นอกจากจะอร่อยและดีต่อสุขภาพแล้ว ยังมีประวัติความเป็นมายาวนานอีกด้วย

อย่างที่ได้กล่าวไปข้างต้น แน่นอนว่า พวกเรารู้กันดีว่า “กิมจิ” (김치) เป็นอาหารประจำชาติของเกาหลี ที่ไม่ว่าจะเอาไปทำเป็นเมนูอะไรก็อร่อยถูกปากหลาย ๆ คน ยกตัวอย่างเช่น แกงกิมจิ ข้าวผัดกิมจิ หรือเป็นเครื่องเคียงในมื้ออาหารคนของเกาหลีที่เราเห็นกันในซีรีย์ หรือตามร้านอาหารเกาหลี แต่รู้กันหรือไม่ว่ากิมจิเกิดขึ้นเมื่อใด และมีประวัติความเป็นมาอย่างไร วันนี้ราจะพาทุกคนไปรู้จักความเป็นมาของ “กิมจิ” ของดีจากภูมิปัญญาโบราณสู่อาหารประจำชาติเกาหลีกันค่ะ
ก่อนอื่นจะอธิบายให้เข้าใจง่ายๆก่อนว่ากิมจิคืออะไร “กิมจิ” คือ อาหารประเภทผักดอง ที่ใช้ภูมิปัญญาโบราณโดยการหมักพริกและผักต่าง ๆ กับซอสหมักกิมจิที่ประกอบไปด้วยเครื่องปรุงต่างๆ โดยทั่วไปผักที่นิยมนำมาทำกิมจิ เช่น ผักกาดขาว หัวไชเท้า แตงกวา เป็นต้น นิยมนำมารับประทานเป็นเครื่องเคียง หรือนำไปปรุงเป็นเมนูอาหารต่าง ๆ เช่น ข้าวผัดกิมจิ แกงกิมจิ ซุปกิมจิ ปัจจุบันประยุกต์เข้ากับอาหารตะวันตก เช่น แฮมเบอร์เกอร์ พิซซ่า
“กิมจิ” ถือกำเนิดขึ้นราวศตวรรษที่ 7 เนื่องจากช่วงฤดูหนาวที่มีอากาศหนาวจัด ไม่สามารถทำการเพาะปลูกได้ คนเกาหลีจึงอาศัยการหมักดองผักเพื่อถนอมอาหารไว้รับประทานในช่วงฤดูหนาวทดแทนผักสด โดยการทำผักดองเค็มด้วยเกลือ หมักใส่ในไหแล้วนำไปฝังดิน ซึ่งวิธีนี้ถือเป็นจุดกำเนิดการทำกิมจิในยุคต่อมา
นอกจากนี้มีหลักฐานหลายฉบับที่แสดงหลักความเป็นมาของการดองผักของชาวเกาหลี มีบันทึกจากหนังสือประวัติศาสตร์จีนกล่าวว่า ในยุคแห่งสามก๊ก อาหารหมักดองเป็นที่นิยมกันอย่างแพร่หลายอย่างมาก ซึ่งชาวโคกูรยอ (คนเกาหลี) มีความเชี่ยวชาญเป็นอย่างยิ่ง เนื่องจากมีการทำไวน์ ทเว็นจัง (된장) (เต้าเจี้ยวเกาหลี) ปลาเค็มและปลาหมัก และยังมีการค้นพบ "ฮันยักกูกึบบัง" (한약구급방) หรือตำรายารักษาโรคทางภาคตะวันออก ที่กล่าวว่า มีกิมจิอย 2 ชนิด ได้แก่
อย่างแรกคือ กิมจิ-จางอาจิ เป็นหัวผักกาดฝานเป็นแผ่นๆ ดองด้วยซอสถั่วเหลือง ชนิดที่สองคือ ซุมมู โซกึมชอรี เป็นกิมจิที่ถูกปรุงให้มีรสจัดจ้านขึ้น และเริ่มได้รับความนิยมจนชาวโคกูรยอทำกันตลอดทั้งปี ซึ่งก่อนหน้านั้นจะทำกิมจิเฉพาะช่วงฤดูหนาวเท่านั้น อีกทั้งในช่วงราชวงศ์ซิลลา กิมจิก็เป็นที่นิยมเช่นเดียวกัน เนื่องจากศาสนาพุทธเข้ามามีบทบาทในอาณาจักรมากขึ้น ซึ่งส่งเสริมเรื่องการรับประทานมังสวิรัติ ละเว้นการฆ่าสัตว์ตัดชีวิต
ต่อมาในสมัยโชซอน ว่ากันว่าชาวบ้านใช้ผักใบเขียวดองกับเกลือหรือเหล้าเท่านั้น ไม่มีการใส่พริก แต่หลังจากถูกญี่ปุ่นรุกรานในปี ค.ศ. 1592 (ช่วงปลายศตวรรษที่ 16) ก็เริ่มมีผักต่างชาติเข้ามาในเกาหลี โดยเฉพาะ พริกแดงจากญี่ปุ่นที่พ่อค้าชาวโปรตุเกสนำเข้ามา กลายมาเป็นส่วนผสมหลักในการทำกิมจิ หลังจากนั้นราว ๆ ปลายสมัยราชวงศ์โชซอน กิมจิจึงมีสีแดงเหมือนที่เห็นในปัจจุบัน
ปัจจุบันกิมจิเป็นส่วนหนึ่งของวิถีชีวิตคนเกาหลี ที่ไม่ว่าจะเดินทางไปที่ไหนก็มักจะนำกิมจิติดตัวไปด้วยเสมอ จึงเป็นสาเหตุให้กิมจิเริ่มแพร่หลาย แรกเริ่มก็กระจายไปยังประเทศเพื่อนบ้าน ทั้งจีน รัสเซีย รัฐฮาวาย และโดยเฉพาะญี่ปุ่น ที่นำกิมจิมาเป็นเครื่องเคียงในอาหารของตัวเอง ที่เรียกว่า “คิมุชิ” และปรับรสชาติให้เข้ากับอาหารของประเทศตนมากขึ้น จนในเวลาต่อมาผักดองชนิดนี้ก็แพร่ขยายเป็นที่นิยมไปทั่วโลก อาทิเช่น สหรัฐอเมริกา ผรือแม้แต่ในไทยนั่นเอง
เป็นอย่างไรกันบ้างคะ เราได้รู้ประวัติความเป็นมาของกิมจิกันแล้ว แต่รู้ไหมคะว่ากิมจินอกจากอร่อยแล้วยังมีประโยชน์ต่อสุขภาพอีกด้วย เนื่องจากกิมจิอุดมไปด้วยวิตามินที่ช่วยเรื่องระบบย่อยอาหาร รักษาโรคมะเร็ง ป้องกันไข้หวัด ควบคุมคอลเรตเตอรอล และยังเป็นอาหารสุขภาพ ดีต่อสาว ๆ ที่กำลังลดน้ำหนักอีกด้วย ใครที่กำลังลดน้ำน้ำหนักอยู่ แนะนำให้ลองรับประทานกิมจิดูนะคะ
โฆษณา