3 ก.ค. เวลา 17:52 • หุ้น & เศรษฐกิจ
ผมเพิ่งดู Money Chat ตอนนี้แล้วผมชอบมากเลยครับ
เรื่องนี้ยืนยันข้อสังเกตุของผมอย่างนึง หลังจากที่ผมก็สังเกตุคนเก่ง ๆ จากหลากหลายวงการมาบ้าง (มีอ่านประวัติศาสตร์มาบ้าง)
คือ คนบางคนที่เราอาจจะมองว่าเค้าเก่ง เค้าฉลาด ที่ผ่านมาประสบความสำเร็จดี ในช่วงระยะเวลาหนึ่ง มีคนชื่นชมยกย่องมาก
แต่ความเป็นจริงคือ พอเจอเหตุการณ์แบบ Black Swan (ที่มีโอกาสเกิดขึ้นน้อย แต่ถ้าเกิดขึ้นแล้ว มันจะส่งผลกระทบต่อชีวิตอย่างมหาศาล) ขึ้น ก็เป็นสิ่งพิสูจน์ว่า เค้าอาจจะไม่ได้ฉลาดเฉลียว มีปัญญามากขนาดนั้นหรอก
1
(ขอยืมคำพูดของ Robert Schiller ว่า "อยากจะรู้เหลือเกินว่า ความสำเร็จที่เราทำได้นั้น มาจากปัจจัยเรื่องโชค อยู่กี่เปอร์เซ็นต์กันแน่")
เพราะเหตุการณ์อย่าง Black Swan ก็เคยส่งผลให้หลายคนที่เจอกับมัน ไม่สามารถฟื้นคืนชีพกลับมาสู่สถานะเดิมได้ และต้องล้มหายตายจาก กลายเป็นผู้ถูกลืมไปตลอดกาล
เรื่องนี้ผมเคยคุยกับพี่ ๆ บางท่าน ถึงเรื่องที่ผ่านมาสามารถสร้างผลตอบแทนจากการลงทุนได้สูงมากหลัก 100% ต่อปี ติดต่อกันหลายปี
พี่ ๆ เค้าบอกว่า โชคส่งผลเยอะมาก ช่วงที่เค้าทำได้ มันคือช่วงยุคทองของ VI ไทย
พี่เค้าบอกผมว่า จากสภาพตลาดและเศรษฐกิจไทยในปัจจุบัน เค้าเชื่อว่าเค้าไม่สามารถทำแบบนั้นได้อีกแล้ว (แต่ที่ผ่านมา พี่เค้าก็ทำเหตุปัจจัยให้ตัวเองคู่ควรกับผลตอบแทนระดับนั้นจริงครับ)
ส่วนเรื่องกรณีของการโดน Margin Call จนเกือบจะโดน Forced Sale นั้น ผมเพิ่งคุยกับพี่ท่านหนึ่งมา
แกเล่าว่า ไอ้กรณีโดน Margin Call เนี่ย มันมีคนโดนอยู่เยอะมาก แต่ต้องลองคิดสงสัยดูบ้างว่า "แล้วทำไมถึงมีเคสที่ผ่านมาได้ จนวันนี้โคตรรวยเลย เหลือให้มาเล่าได้แค่ 2-3 คนล่ะ"
นั่นก็เพราะว่า "มันมีไอ้พวกที่ไม่รอดแล้วหายไปจากตลาดเลย อยู่เยอะเต็มไปหมดไง"
คือผมก็เจอบางคนมาบ้างที่คิดว่า ในอดีตเคยมีแบบ พี่... พี่.... พี่.... ผ่านมาได้แล้ว เน้น All In ไม่กี่ตัว แล้วเปลี่ยนชีวิต รวยโคตร ๆ ได้ ทำไมคนต่อไปจะเป็นพวกเค้าบ้างไม่ได้ล่ะ?
ก็ไม่ขอไปขัดศรัทธาใครล่ะกันครับ
ผมขอยืมคำพูดพี่โจ ที่แกเคยสอนผมว่า
"ถ้าเค้าทำได้ เค้าทำสำเร็จ งั้นขออนุโมทนาบุญด้วย
แต่เราไม่จำเป็นต้องเอาตัวเองไปเสี่ยงแบบเค้านี่ เราทำเหตุปัจจัยให้ถูก ผลตอบแทนสมเหตุสมผลสม่ำเสมอ มันก็รวยได้จนไม่รู้จะรวยยังไงแล้ว"
1
ซึ่งหนึ่งในพี่... ข้างต้น เคยพูดไว้ว่า "พี่โจ ลูกอีสาน เก่งกว่าผมเยอะ คนที่ถือหุ้นจำนวนมากขนาดนั้น แล้วทำผลตอบแทนได้ต่อปีสูงขนาดนั้นอยู่เป็น 20 ปี มันยากมากนะ
คือถือหุ้นเยอะแบบนั้น ก็ทำให้ความเสี่ยงต่ำลงมาก แต่กลับสามารถทำให้ผลตอบแทนที่ได้สูงมาก"
เออ ผมเลือกอาจารย์ไม่ผิดคนจริง ๆ
ช่วงนี้ผมอ่านรายงานประจำปีของ Aquamarine อยู่ ก็เลยลองเปิดคลิปนี้ฟัง ผมว่าดีมาก
นักลงทุนไทยที่ผมชอบที่สุด รักที่สุด คือ "พี่โจ ลูกอีสาน"
ส่วนนักลงทุนต่างชาติที่ผมชอบที่สุด คือ "Guy Spier"
ผมชอบแนวทางความเรียบง่ายของเค้า ในการบาลานซ์ชีวิต เค้าทำได้ดีมาก
ผลตอบแทนของกองทุนเขา อาจจะไม่ได้สูงเว่อร์ขนาดนั้น แต่ผมอ่านสิ่งที่เขาเขียน ฟังที่เขาให้สัมภาษณ์ ผมได้สิ่งดี ๆ กลับมาสู่ชีวิตผมเยอะมาก
ผมเห็นด้วยกับเค้าเลยว่า
"ถ้าต้องทุ่มเทให้กับการลงทุนจริงจังอย่างหนัก จนไม่สามารถอ่านวรรณกรรมคลาสสิคดี ๆ ได้ ชีวิตจิตวิญญาณผม มันคงจะแห้งแล้งน่าดู"
เค้าเขียนไว้ในรายงานประจำปีว่า มันมีนักลงทุนที่ประสบความสำเร็จอยู่จำนวนไม่น้อย แต่ความสัมพันธ์ในครอบครัวพังทลาย
ซึ่งผมเห็นตรงกับเค้าว่า แม่งโคตรจะไม่คุ้มเลย ทำผลตอบแทนจากการลงทุนได้ดีมาก รวยโครต ๆ แต่ต้องมาแลกกับความสัมพันธ์ดี ๆ เนี่ยนะ
ผมชอบประโยคนี้จัง
"In my case, I'm certain that I operate best as an investor when my family life is happy and stable and when I have a robust circle of close friends.
In the long run, the strength of these relationships should make me more resilient both personally and professionally.
But even if this weren't the case, I would still want to invest a lot of time and energy in nurturing these life-enriching relationships."
โฆษณา