4 ก.ค. เวลา 06:50 • ยานยนต์

แบตเตอรี่ ปัจจัยสำคัญที่จะชี้ราคารถไฟฟ้า

หากใครเห็นราคาของรถไฟฟ้าปีนี้ที่ปรับราคาลดลงอย่างรวดเร็ว และได้ติดตามโพสต์ผมบ้างคงจะไม่แปลกใจ
นั่นเป็นเพราะหนึ่งในเทคโนโลยีแบตเตอรี่ที่เป็ยที่นิยมในรถไฟฟ้ายุคก่อนหน้า คือ แบตเตอรี่ Lithium Ion ที่ใช้ cathode แบบ Nickel Manganese Cobalt (NMC) Nickel เป็นสารที่สามารถปลดปล่อยพลังงานได้สูง แต่เสื่อมสภาพไว
จึงต้องมีการผสม Manganese และ Cobalt เพื่อเพิ่มเสถียรภาพ และให้ได้แรงดันไฟฟ้าตามที่ต้องการ แต่แร่ Cobalt กลับเป็นแร่ที่หายาก มีราคาแพง และมีในประเทศที่มีความขัดแย้ง จึงพยายามใช้กันให้น้อยที่สุดในอัตรา 8:1:1 แต่ด้วยความต้องการมหาศาล ทำให้ Cobalt เป็นสิ่งที่หายาก แพง และกลายเป็นตัวกำหนดราคาแบตเตอรี่ไป
แต่ด้วยความที่แบตเตอรี่แบบนี้ให้พลังงานต่อน้ำหนักที่สูงจึงเป็นที่นิยมในรถไฟฟ้า
แต่มีการวิจัยปรับปรุงแบตเตอรี่อีกแบบหนึ่งที่เรียกว่า Lithium Ion Phosphate (LFP หรือ LiFePO4) ซึ่งเดิมทีให้พลังงานต่อน้ำหนักที่น้อย
จึงไม่เป็นที่นิยมในรถไฟฟ้า เนื่องจากทำให้รถมีน้ำหนักมาก ขับได้ระยะทางที่น้อย แต่ข้อดีของมันคือ ไม่มีการใช้แร่หายาก ราคาถูก ปลอดภัยกว่า และสามารถชาร์จซ้ำได้มากกว่า จึงมีการลงทุนพัฒนาความสามารถของมันอยู่เรื่อยๆ
และในปีสองปีที่แล้ว ประเทศจีนที่มีแร่ Lithium มหาศาล แต่กลับไม่มี Cobalt ในมือพอ จึงลงทุนลงแรงพัฒนาโรงงานแบตเตอรี่ LFP นี้เพื่อลดการพึ่งพา supply chain จากต่างประเทศ โดยมี CATL และ BYD เป็นหัวหอกในการผลิตแบตเตอรี่ชนิดนี้ ผลลัพธ์ทำให้ต้นทุนที่ถูกอยู่แล้ว กลับยิ่งถูกลงไปอีก แถมโรงงานมีกำลังการผลิตมหาศาล และด้วยความที่มันปลอดภัยกว่า ทำให้มีการประกอบแบตเตอรี่ที่แน่น และใช้วัสดุประกอบที่ถูกกว่าเดิม ยิ่งทำให้ต้นทุนรวมของแบตเตอรี่ในรถ EV ยิ่งถูกลงไปอีก
จึงไม่น่าแปลกในที่รถ EV ที่กำลังล้นตลาดอยู่ จะถูกปรับราคาลดลงซ้ำแล้วซ้ำเล่า
ส่วนในโลกอนาคตอันใกล้ เรากำลังจะได้เห็นแบตเตอรี่ยุคใหม่อย่าง Lithium Sulphur ที่เดิมมีปัญหาในการชาร์จ และเก็บประจุ แต่มีการคิดค้น catalyst ที่ทำจาก Carbon และ Cobalt-Zinc ที่อาจจะทำให้สามารถชาร์จให้เต็มภายใน 5 นาที
และแบตเตอรี่อย่าง Sodium Ion ที่เปลี่ยน Anode จาก Lithium ไปเป็น Sodium ที่หาง่าย มีต้นทุนถูกกว่ามหาศาล เพราะหาได้จากเกลือที่เราบริโภคกันอยู่ทุกวันนี้ และปลอดภัยกว่า แต่ยังติดข้อจำกัดในเรื่องของน้ำหนัก
1
CATL กำลังลงแรงวิจัยในเรื่องนี้อย่างเข้มข้น และเริ่มมีแบตเตอรี่ออกมาทดลองใช้แล้ว หากสามารถนำไปผลิตแบบจริงจังได้ ก็อาจจะทำให้ราคาของแบตเตอรี่ยิ่งถูกลงไปอีกก็เป็นได้
1
ดังนั้น ราคารถ EV ยังไม่น่าจะ bottom out เร็วๆ นี้นะครับ
โฆษณา