4 ก.ค. เวลา 12:39 • ความคิดเห็น
ผมเองเคยเป็นเด็กเสริฟในร้านอาหารมาก่อน โดยทีมบริหารเป็นชาวต่างชาติ
1
ผมจึงได้เรียนรู้และซึมซับเรื่องราวของ
Food safety
ทั้งแง่มุมด้านวิทยาศาสตร์และกฎหมายที่น่าสนใจ และผมขอ highlight ให้ดังนี้ครับ
1
• กฎหมาย
โลกตะวันตกให้ความสำคัญกับสุขอนามัยด้านอาหารเป็นอย่างมาก
ผมขอยกตัวอย่างกฎหมายหลายที่ในแต่ละประเทศดังเช่น
- ถ้าคุณจะขายอาหาร อาคารสถานที่นั้นจะต้องขึ้นทะเบียน!
เขาจะกำหนดให้ว่าพื้นที่ขนาดนี้ จะตั้งได้กี่โต๊ะ โต๊ะขนาดไหน มีทางหนีไฟกี่ทาง มีระบบดับเพลิงแบบไหน และควรตรวจเช๊คเมื่อใด
และที่สำคัญ
จะไม่มีพื้นที่ให้คนอยู่อาศัยหลับนอนอย่างเด็ดขาด!
1
ตั้งโต๊ะเสริมก็ไม่ได้!
- ถ้าคุณมี bbq party ในโรงจอดรถที่บ้านของคุณกับญาติๆและเพื่อนๆของคุณ กฎหมายไม่บังคับควบคุม
แต่ถ้าคุญเริ่มขาย เป็ดย่าง หรือ หมูกรอบ ที่คุณปรุงในโรงจอดรถที่บ้านคุณให้กับลูกค้าทั่วไปโดยไม่ได้รับอนุญาต
คุณทำผิดกฎหมาย และอาจถูกส่งขึ้นศาล!
- ภายในร้านอาหารทุกแห่ง จะต้องจัดให้มี
อ่างล้างมือ
สำหรับลูกค้า และพนักงานในร้าน
โดยอ่างล้างมือจะต้องมีน้ำไหลใช้การได้ และต้องมีอีกสอง items ที่กฏหมายบังคับให้มีคือ
> กระดาษเช็ดมือแบบใช้ครั้งเดียวทิ้ง และ
> สบู่ล้างมือ ที่พร้อมใช้
- จะมีเจ้าหน้าที่เฉพาะกิจ มาสุ่มตรวจ
> การทำงานของตู้เย็น และ freezers ที่ใช้เก็บอาหารในร้านของคุณ ว่าทำอุณหภูมิอยู่ในย่านที่ปลอดภัยตามกฎหมายกำหนดหรือไม่
> สุ่มตรวจอุหภูมิของอาหารที่ปรุงสุกแล้ว ว่ามีอุณหภูมิสูงได้ตามเกณฑ์หรือไม่
เช่น ซุป หรือ ต้มยำ
• วิทยาศาสตร์
ครับ
อุณหภูมิ
เป็นตัวแปรสำคัญที่จะใช้ทำลายการเจริญเติบโตของเชื้อโรคได้หรือไม่
ถ้าอุญหภูมิสูงไปหรือต่ำไป เชื้อโรคจะอยู่ยาก แต่ถ้าอุณหภูมิเหมาะสม เชื้อโรคจะแพร่ได้ดี!
เท่าที่ผมเคยสัมผัสมา
ร้านดีๆบางแห่งจะติดสติกเกอร์ไว้ที่ถุงห่อกลับบ้านของลูกค้าว่า
ควรรับประทานให้หมด
ภายในสองชั่วโมง
หลังอาหารปรุงเสร็จ!
เพราะอะไร?
ก็เพราะว่า หลังปรุงเสร็จ อาหารจะค่อยๆเย็นลง จนเชื้อโรคเริ่มเติบโตได้!
สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม
ผมแนะนำสอง posts นี้ของผมครับ
โฆษณา