5 ก.ค. 2024 เวลา 03:35 • ความคิดเห็น

เล่าสู่กันฟังเมื่อผมได้พูดคุยและใช้บริการ "ร้านนวดชายและผู้ชายขายบริการ"

บทความนี้ผมเคยได้โพสต์ในเว็บบอร์ดแห่งหนึ่ง แต่ถูก "แบน" จากทีมงานด้วยเหตุผลเรื่องลามกอนาจาร
ผมได้กลับมาทบทวนที่ตัวเองพิมพ์ และมั่นใจในเจตนาที่ดีของตนเอง
ผมเลยตัดสินใจที่จะลงอีกครั้งในสถานที่ที่เชื่อว่าจะเปิดกว้างและยอมรับฟังความคิดในแง่มุมที่หลากหลาย เพราะผมเชื่อว่าสิ่งที่ผมพิมพ์ลงไป ทุกอย่างเป็น Facts เป็นการสะท้อนแง่มุมอีกแง่มุมหนึ่งของสังคม
///
ผมเป็น LGBT อายุอยู่ในวัยทำงานครับ แต่ก่อนผมไม่ได้มีแฟนหรือมีความสัมพันธ์เฉพาะกับใครเป็นตัวเป็นตนทางออกเวลาที่ผมมีความต้องการทางเพศคือการไป "ซื้อบริการ"
สถานที่ให้บริการทางเพศในหมู่เกย์เราจะเรียกอย่างสุภาพๆว่า "ร้านนวด"
ร้านนวดในที่นี้แทบจะร้อยละ 90 ไม่ได้เน้นนวดอะไรหรอกครับ พนักงานแค่เอาน้ำมันมาลูบๆปลุกอารมณ์ก่อนจะ "เข้าประเด็น" ในเรื่องเซ็กซ์
คำว่าร้านนวดที่เขาใช้กันจึงเป็นคำสุภาพ หรือคำอ้อมๆของคำว่า "ซ่อง" นั่นแหละ
ซึ่งไอ้ร้านนวดเกย์นี้มีมากมายหลายเกรด หลายช่วงราคา และกระจายอยู่เต็มกรุงเทพมหานคร
ตัวอย่างเช่น
-ย่านอินทรามระ,สะพานควาย จะเป็นแหล่งสำหรับผู้ใช้บริการเบี้ยน้อยหอยน้อย น้องๆส่วนใหญ่ก็จะมีทั้งชาวไทย และชาวต่างชาติอาเซียนร่วมใจ
-ย่านเลียบด่วนรามอินทรา จะเป็นแหล่งร้านนวดที่เคลมตัวเองว่า "พรีเมี่ยม" คือใช้ผลิตภัณฑ์มีแบรนด์ ตกแต่งดี พนักงานมีรูปลักษณ์ดึงดูด เป็นต้น
นอกจากนี้ ก็ยังมีย่านสีลม-สวนพลู , สุขุมวิท , แนวรถไฟฟ้า ฯลฯ จนเรียกได้ว่าธุรกิจร้านนวดชาย เป็นหนึ่งใน Soft Power ของประเทศเราก็ไม่ผิดนัก
แต่เพื่อความชัดเจนและไม่เหมารวม คุณผู้อ่านสังเกตไหมครับว่า
ผมใช้คำว่า "ร้อยละ90" ของร้านนวดไม่ได้เน้นนวด นั่นหมายความว่ามันยังคงมีอยู่ "บ้าง" อีกประมาณ 10% ของร้านนวดที่พยายามถีบตัวเองหนีจากความเป็นซ่อง
โดยที่พนักงานเน้นการนวดจริงๆนวดได้นวดดีและนวดเป็น พร้อมพ่วง "บริการเสริม" ประมาณ20-30นาทีหลังการนวด พอให้ลูกค้าได้ตัวเบากลับบ้านไป
ขั้นตอนของการไปใช้บริการร้านนวดเนี่ย เมื่อไปถึง ร้านจะให้เราเลือกอยู่ 2 อย่างครับ
คือ 1.เลือกคอร์ส และ 2.เลือกพนักงาน (ส่วนใหญ่ต้องจองล่วงหน้าเพราะพนักงานมักจะไม่ standby หน้าร้าน หรือ อาจวิ่งงานหลายร้าน)
โดยการเลือก คอร์สนวดส่วนใหญ่ที่นิยมก็จะเป็นนวดน้ำมัน มีให้เลือก 90 นาที หรือ 120 นาทีครับ ถ้าเป็นร้านทั่วไปน้ำมันที่ใช้ก็จะคุณภาพต่ำลงมาหน่อย หรืออาจถึงขั้นแย่เลยแหละถ้าเป็นร้านย่านสะพานควายโดยราคาคอร์สนวด 90 นาที หรือ 120 นาทีสำหรับร้านทั่วไปย่านสะพานควาย สีลม หรือ อินทรามระ ส่วนใหญ่ไม่เกิน 1000 บาทครับ
แต่ถ้าเป็นร้านที่เคลมตัวเองว่า "พรีเมี่ยม" ก็จะใช้ผลิตภัณฑ์ดีขึ้นมาหน่อย อาจจะเป็นน้ำมันนวดแบรนด์ Aesop , Thann , Panpuri อะไรก็ว่าไป
คอร์สของร้านก็อาจสวิงสวายมากขึ้นมาหน่อย เช่นมีบริการสครัปผิว บริการอาบน้ำแร่แช่น้ำนม หรือบริการนวดOffice Syndrome
ซึ่งราคาคอร์สนวด ก็จะแพงขึ้นมา อยู่ระดับ หนึ่งพันกลางๆสำหรับงานบริการ90 หรือ 120 นาที โดยราคานี้ไม่รวมทิปน้องๆนะครับ
โดยในความคิดผมนะ ไอ้10%ของร้านที่พนักงานนวดเป็น นวดได้ นวดดี จากประสบการณ์ของผมจะอยู่ในกลุ่มร้าน "พรีเมี่ยม" เนี่ยแหละครับ
ส่วนการเลือกพนักงาน ก็คือการเลือกน้องๆที่จะมาทำหน้าที่ "นวด" หรือสนองความเมื่อย หรือเอาจริงๆก็คือ "ความ NGEAN" ของเรานั่นเองซึ่งตอนนี้บรรดาร้านนวดพรีเมี่ยม มักจะใช้คำอย่างสวยหรูว่า "Therapist" หรือแปลอย่างสุภาพว่า "นักบำบัด"
โอเคแหละ ผมจะยอมรับพนักงานที่ "นวดได้/นวดดี/นวดเป็น" ว่าเป็น Therapists ก็ได้ไม่ผิดนัก บางส่วนมีใบประกอบวิชาชีพด้วยนะ ถึงแม้ว่า Therapists "ทุกคน" จะพ่วงบริการเสริมก็ตามที
แต่น้องๆส่วนใหญ่นวดไม่ได้เป็นอะไร สักแต่ลูบๆ คลำๆ เอากันตามซื่อก็คือ "ผู้ชายขายบริการ" นั่นเองแหละครับ ไม่ต้องมาเทอราป๊งเทอราปิสอะไรให้เวิ่นเว้อ
โดยปัจจุบันร้านนวดจะมี Line Official Account กันเสียเป็นส่วนใหญ่ ซึ่ง Line OA นี้แหละเป็นตัวใช้ส่งภาพน้องๆพนักงาน และเป็นไลน์ที่ใช้จองบริการ
รูปแบบการให้บริการหลังการนวดของ "น้องๆ" เราแบ่งออกด้วยกันแบบไม่งง คือ
1. แบบงานฮาร์ด คือมีการสอดใส่ร่วมเพศลึกซึ้ง และ
2. แบบงานซอฟต์ คือบริการภายนอก ใช้มือ ใช้ปาก (เราเรียกว่า supersoft) หรือจะใช้อะไรก็ตามสะดวกแต่ไม่สอดใส่
ส่วนเรื่องทิปก็ตามแต่จะตกลงกับน้องๆ ถ้าอย่างร้านย่านอินทรามระ หรือสะพานควาย ร้านจะจั่วหัวว่างานซอฟต์ 900 งานฮาร์ดเริ่มที่ 1000-1200 ฟังดูเหมือนถูกใช่มั๊ย? แต่เอาเข้าจริงๆเวลาไปขึ้นงานกับน้อง มักจะไม่จบที่เรทนั้นๆ น้องๆมักจะมี "ข้อแม้" มากมายถ้าคุณเลือกที่จะจ่ายเรทต่ำ อันนั้นไม่ทำ อันนี้ไม่ได้ เหมือนตู้เต่าบินอะแหละ ที่อยากเพิ่มตรงไหน อยากได้อะไร ก็ต้องควักจ่ายเพิ่ม แต่รวมๆ ราคาก็ไม่ได้ไหลไปไกลมากนัก เรียกได้ว่าจ่าย 2,000 ก็เดินตัวเบากลับบ้านละ
แต่ถ้าเป็นพวกร้านพรีเมี่ยม อันนี้โอกาสเงินไหลไปเกินบั๊ดเจตก็สูง เพราะคุณภาพของน้องๆเขาก็งานดีนะ เด็กที่เลือกไปลงงานร้านพรีเมี่ยมเหมือนได้ผ่านการคัดกรองมาแล้ว ทั้งรูปร่าง หน้าตา ผิวพรรณ หลายคนมีใบปริญญาเด็กจุฬาก็มีมาทำด้วยนะ (แถมทำได้ถึงเครื่องมากด้วย) เหมือนจะพูดเล่นแต่เรื่องจริง
ทิปน้องๆร้านพรีเมี่ยมส่วนใหญ่จะเริ่มที่ 1500 สำหรับงานมือ และอาจจะไหลไปถึง 2000++ ถ้าน้องใช้ส่วนอื่นของร่างกายบริการเรา แต่ยังคงเป็นงานภายนอกเสียเป็นส่วนใหญ่ และถ้าคุณต้องการให้น้องๆ "พ่นน้ำ" แน่นอนครับว่าราคาก็จะไหลไปอีก น้องๆร้านพรีเมี่ยมไม่ค่อยมีใครอยากเปลืองตัว..."ถ้าเงินไม่มากพอ"...
ร้านพรีเมี่ยมส่วใหญ่มักจะออกตัว หรือ รู้กันในหมู่เกย์ว่าเป็นร้านที่มีบริการเสริมแบบ Soft แต่ในความเป็นจริงแล้ว ไม่มีใครรู้หรออกครับว่าในห้องสี่เหลี่ยมปิดประตูไฟสลัวมันเกิดอะไรขึ้นบ้างในนั้น
มันจะมีร้านอีกรูปแบบนึง คือพยายามถีบตัวเองให้ไปไกลกว่าร้านพรีเมี่ยม บางเจ้าพยายามอุปโลกน์ตัวเอง หรือสถาปนาตัวเองเป็น "โมเดลลิ่ง" มีเด็กๆในสังกัดซึ่งราคานั้นก็บ้าบอ หลักหมื่นเรื่อยไปยันหลักแสน แต่ก็ยังต้องอาศัยคำว่า "ตาดีได้ตาร้ายเสีย" เพราะเด็กบางคนก็มีรากเหง้ามาจากร้านย่านสะพานควาย หรือ เลียบด่วนนั่นแหละ เพียงแต่ผ่านการชุบตัว โมดิฟายเสียใหม่ แต่ก็มีบ้างที่งานดีจริงๆ เคยผ่านงานในวงการบันเทิงเป็นตัวประกอบเล็กๆ เล่นเอ็มวี หรือเดินแบบมาบ้าง
โดยร้านประเภทนี้จะไม่มีหน้าร้านครับ เราต้องติดต่อผ่าน "โมเดลลิ่ง" หรือแม่เล้านั่นแหละ แล้วก็ไปเปิดโรงแรมรอเอาไว้ นัดสถานที่กัน นัดเวลากัน ตกลงเนื้องานซึ่งไม่มีการ "นวด" แล้วครับ มาถึงก็เข้าประเด็นเลย โดยราคาที่เราจ่ายก็จะรวมค่านายหน้า (ค่าแม่เล้า) ไปแล้วนั่นเอง
ผมเคยใช้บริการน้องๆร้านรูปแบบนี้อยู่ 3-4ครั้ง ยอมรับตรงๆว่า ถ้าคุณ "เลือกเป็น" นี่นะ มันจะเป็นประสบการณ์ที่ตราตรึงมาก ทุกอย่างมันดี มันละมุนไปหมด แต่ก็แลกมากับราคาที่จุกพอสมควร เอ้อ...ส่วนใหญ่แล้ว เราจะยอมเสียค่าแม่เล้าเฉพาะการขึ้นงานกับเด็กครั้งแรกนะครับ เพราะหลังจากนั้น เราก็มักจะแลกคอนแทคส่วนตัวกับน้องๆ และเรียกมาขึ้นงานโดยตรงไม่ผ่านแม่เล้า เรียกได้ว่า เด็กก็ได้เต็มๆ เราก็จ่ายน้อยลง วินวินทั้งคู่
ที่นี้มาพูดกันถึงเรื่อง "ที่มาที่ไป" ของน้องๆที่มาเข้าสู่วงการผู้ชายขายน้ำกันบ้างดีกว่า
แน่นอนว่าเรื่อง "เงิน" คงเป็นแรงขับหลักที่ดึงดูดวัยรุ่นชาย (ทั้งชายแท้และเกย์) ให้เข้ามาสู่วงการนี้ ลองคิดภาพง่ายๆเลยนะ เงินเดือนข้าราชการบรรจุใหม่เริ่มต้น 15000 ถ้าเป็นเอกชนอาจดีหน่อย 18000ไม่เกินนี้ แต่สำหรับผู้ชายขายน้ำ ตีขั้นต่ำว่าเขาให้บริการลูกค้าได้ครั้งละ 1000 วันนึงถ้ามีลูกค้าแค่ 2-3คน ก็อยู่ได้สบายๆแล้ว
แล้วอย่างที่บอกว่าเรท 1000นึงนี่คือร้านเกรดล่างมากๆแล้วนะ ถ้าเป็นร้านที่มีระดับหน่อย ให้บริการลูกค้าครั้งนึงต้องทิป 2000++ ถ้าคุณเป็นดาวร้านเดือนๆนึงได้แสนต้นๆยืนพื้นแน่นอน
แต่ในรายรับที่ดูเหมือนจะสวยงาม มันก็แลกมากับอะไรหลายๆอย่าง
ผู้ชายขายบริการเหล่านี้ มีไม่น้อยเลยที่เป็น "ชายแท้"
อย่าไปคิดนะว่าคนที่มาให้บริการแก้ความเสี้ยนเกย์จะต้องเป็นเกย์ด้วยกัน
ลูกค้าชาวเกย์จำนวนมากมีความพึงใจที่ได้ชายแท้มาบริการ มันเป็นความรู้สึกอยากเอาชนะ รู้สึกมีอำนาจ รู้สึกว่าเงินสามารถซื้อศักดิ์ศรีคนได้
แต่ลูกค้าชาวเกย์บางส่วนก็ prefer ผู้ให้บริการที่เป็นเกย์เหมือนกัน เพราะเชื่อว่า มี "ข้อจำกัด" ในกิจกรรมทางเพศน้อยกว่า
น้องๆบางคน ส่วนมากที่พบจะเป็นน้องจากร้านย่านสะพานควาย และสีลม เป็นพี่ชายคนโตของบ้าน เขาเกิดในครอบครัวที่ทุนต่ำตามป่าตามเขาตามตะเข็บชายแดนหรือยอมข้ามแดนมาประกอบอาชีพขายบริการ เขามีภาระที่ต้องเลี้ยงดูทั้งพ่อทั้งแม่ บางคนมีน้องๆอีกหลายคนรออยู่ที่บ้านรอทุนเพื่อส่งเรียนการศึกษาขั้นพื้นฐาน หลายคนคงเคยได้ยินเรื่อง "ตกเขียว" หรือ "สาวดอกคำใต้" ยุคนี้มันก็ยังคงเป็นเช่นนั้น เพียงแต่เปลี่ยนคำพูด , รูปแบบ , หรือพฤติกรรมไม่ให้มันโจ่งแจ้งดั่งเช่นในอดีต
น้องๆบางคนมาทำงานเพราะเหตุจำเป็น เช่น ผู้ใหญ่หรือบุพการีในบ้านป่วยติดเตียง หรือมีภาระหนี้สินที่คนเป็นพ่อเป็นแม่ไปสร้างเอาไว้ น้องๆเหล่านี้ก็ใช้ "สามัญสำนึก" ของความเป็นลูกช่วยเหลือจุนเจือที่บ้าน มันเป็นเรื่องจริงนะ ไม่ใช่พล็อต cliche เรียกเอาเงินทิป เพราะเราเองก็เคยพบมากับตัว เรียกได้ว่าน้องๆประเภทนี้ผมไม่อยากใช้บริการเท่าไหร่ ผมสงสารคนง่ายด้วยหล่ะมั้ง
น้องๆบางส่วน อายุยี่สิบกลางๆ ผ่านชีวิตที่โลดโผนในช่วงวัยรุ่น หลายคนมีครอบครัวแล้ว มีแฟนผู้หญิง บางคนมีลูกแล้วด้วยซ้ำ บางคนเป็นพ่อเลี้ยงเดี่ยว แต่ก็มาทำงานนี้ แถมบางคนทำได้ดีถึงขนาดเป็นดาวร้านก็มีให้เห็นนะ
ถามว่าแล้วแฟนสาวน้องเขาไม่รู้หรอ? อันนี้บอกเลยว่า "รู้เต็มอก" ที่เคยเจอมากับตัวก็คือ แฟนสาวมานั่งรอที่หน้าร้านก็มี แต่ทำไงได้ก็คนมันต้องกินต้องใช้ ลูกก็ต้องกินนม จะงานอะไรก็ทำๆไปเถอะขอแค่ได้เงินเป็นพอ มีบางคนที่เคยพบ ผู้ชายทำงานบริการเกย์ ส่วนผู้หญิงทำงานเชีบร์เบียร์หรือเป็นเมียเก็บเสี่ย แต่ต่างคนก็ต่างยอมรับในอาชีพของกันและกัน ก็อยู่ด้วยกันได้ ผมก็ไม่ได้อยากไปตัดสินใครว่ามันผิดหรือถูกอย่างไรหรอกนะ แต่ก็มีconcernบ้าง เรื่อง "ลูก" ของพวกเขาจะเติบโตมาในสังคมแบบใด และจะเป็นผู้ใหญ่แบบใดในอนาคต
น้องๆบางส่วน อันนี้เราassume ว่าเกินครึ่ง มาทำงานเพราะไม่อยากทำงานหนัก คือ อยากได้เงินง่ายๆ งานสบาย อยากเที่ยว อยากมีรถดีๆขับ น้องๆกลุ่มนี้เท่าที่เคยคุยจะมีความคิดว่าเกิดมาครั้งเดียว ใช้ชีวิตให้คุ้ม อยากทำอะไรกฺ็ทำ พวกเขาจะไม่สามารถ "รอเวลาที่เหมาะสม" ได้ เช่น อยากได้บีเอ็มก็ต้องได้่ภายในอายุ25นะ อยากมีแบรนด์เนมก็ต้องมีให้ได้ทันที
บางคนเคยบอกเราว่า ถ้าตั้งเป้าจะมีรถยุโรปสักคันในชีวิตต้องรอจนอายุ40-50แลกกับการทำงานในระบบ เขาไม่เห็นความจำเป็นว่าต้องรออะไรขนาดนั้น ในเมื่อมันมีหนทาง "ที่ง่ายกว่า" ให้ได้มาซึ่งวัตถุเหล่านั้น น้องๆหลายคนลาออกจากงานประจำที่หลายๆคนมองว่ามั่นคง ผมเคยเจอน้องที่ลาออกจากงานธนาคาร , ลาออกจากองค์กรที่เป็นที่หมายปองของมนุษย์เงินเดือนจบใหม่ , หนักสุดที่เจอมากับตัวคือ ลาออกจากอาชีพ "ครู"
น้องกลุ่มนี้จะมีกลุ่มหรือวงสังคมของเขา เป็นแหล่งรวมคนที่มีความคิดแบบเดียวกัน อวดกันเอง ขิงกันเอง แต่พอเวลาช็อตเงิน ก็ยืมกันเองเช่นกัน ผมดูแล้วก็ตลกระคนสังเวชดี น้องกลุ่มนี้จะเฉยๆกับคำว่า "curry" เขาจะอาจจะสวนกลับด้วยซ้ำว่า "curryแล้วไง กรูรวย/กรูมีกว่าเมิงอ่ะ" สิ่งที่ดูเหมือนจะเปฺ็น "ความฝันอันสูงสุด" ของน้องกลุ่มนี้ คือการมีคนเลี้ยงดู คือได้ทั้งเงิน ทั้งวัตถุ และไม่ต้องเปลืองตัวให้คนมากหน้าหลายตา
หนึ่งในความคิดที่แสดงออกสู่สาธาณะของผู้ให้บริการ
ผมรู้จักน้องประเภทนี้อยู่สองสามคน เคยเป็นดาวร้าน ป๊อปปูล่าร์มาก ต่อมามีคนตักไปเลี้ยงดูเปิดร้าน ทำกิจการให้ ให้รถ ให้คอนโด แต่ด้วยสันดานของเจ้าตัวเป็นคนขี้เกียจและรักที่จะลงทุนในตลาดมืด สุดท้ายก็หมดตัว และด้วยวัยที่มากขึ้น ก็โดนอัปเปหิจากผู้อุปการะ แล้วน้องเหล่านี้ก็วนกลับมาขายตัวใหม่ รอเหยื่อรายใหม่ตักไปเลี้ยง วนลูป มีบางคนที่มีคนเลี้ยงอุปการะลงทุนเปิดร้านนวดให้แล้วเกิดถูกโฉลกประกอบกับมีกึ๋นและมีคอนเนคชั่นในการทำธุรกิจ ก็เปลี่ยนสถานะตัวเองจากเด็กขายน้ำมาเป็นแม่เล้าเสียเอง นี่ก็มีให้เห็น
แต่ถ้าถามผมในฐานะผู้ใช้บริการ ผมชอบใช้บริการน้องกลุ่มหลังสุดนี้ เพราะ เขาจะไม่มีคำว่า "ศักดิ์ศรี" ใดๆทั้งนั้น ทุกอย่างคือเงิน ถ้าเงินถึงชายแท้ก็ชายแท้เถอะ โก่งบั้นท้ายมานักต่อนัก แล้วเราในฐานะผู้ใช้บริการก็ไม่รู้สึกผิดเท่ากับการซื้อบริการน้องๆแบบแรกหรือกลุ่มที่ "จำใจและจำยอม" เข้ามาทำงานนี้
มันมีอีกเรื่องนึงที่เกี่ยวข้องโดยตรงกับผู้ประกอบอาชีพนี้
กล่าวคือ มันจะมี สิ่งที่เรียกว่า “กลุ่มรีวิว” ซึ่งจะมาในรูปแบบของเว็บบอร์ด หรือ กลุ่มLine Openchat ซึ่งมีสมาชิกในกลุ่มหลักพัน บางกลุ่มมีหลายพันคน
กลุ่มรีวิวเหล่านี้จะเป็นศูนย์รวมข้อมูลของฝั่ง “ผู้ซื้อบริการ” ก็คือลูกค้าอย่างเราๆเนี่ยแหละ ในนั้นจะมีคนมาถามหาเนื้องาน ว่าน้องคนนั้นสามารถทำอะไรไดับ้าง ขนาดเป็นอย่างไร ฯลฯ สารพัดเรื่องที่มันควรจะเป็นเรื่องส่วนตัว แต่ร่างกายของคุณจะถูกทำให้มันเป็นของ ”สาธารณะ“ รูปหน้าของคุณจะถูกเปิดเผย คอมเม้นท์ตินั่น ชมนี่ พูดแซวบางเรื่องอย่างตลกขบขัน
คอมเมนต์ในกลุ่มเฉพาะที่พุ่งประเด็นไปที่ตัว "สินค้า"
แอดมิน หรือลูกค้าที่ไปใช้บริการน้องๆ จะเขียนรีวิวอย่างเมามัน บางทีก็จะสรุปเป็นไฟล์ pdf เก็บไว้ชั่วกัลปาวสาน หรือจนกว่ากลุ่มจะระเบิดหรือตายจากกันไป โดยไม่สนว่าน้องคนนั้นยังทำอยู่หรือเลิกทำไปมีอนาคตที่สดใส
ผมเคยได้รับการขอร้องจากน้องท่านนึงให้ช่วยติดต่อหลังไมค์แอดมินเว็บบอร์ดแห่งหนึ่ง ขอร้องให้เอารีวิวหรือคอมเมนท์ที่มีการสนทนาเกี่ยวกับตัวน้องออกเพราะน้องเขาเลิกทำไปแล้ว และไม่อยากให้มี social footage หลงเหลืออยู่ แต่ก็ได้รับการปฏิเสธกลับมาอย่างไม่ใยดี
ลองคิดดูเล่นๆว่าคุณเป็นพนักงานออฟฟิตที่แอบมารับจ้อบพิเศษ หรือ เป็นอดีตผู้ขายบริการที่พยายามพาตัวเองออกไปจากวังวน แต่มีคนจำคุณได้ หรือมีคนรู้จักคุณ คุณจะดำเนินชีวิตในสังคมอย่างไร
นี่คือ “ราคา” ที่ผู้ชายขายบริการต้องจ่าย สำหรับเรา เราว่ามันเป็นราคาที่สูงพอตัวเลยทีเดียว
จากกระทู้เดิมที่โดนลบไป มีคอมเมนท์จากสมาชิกท่านนึงพยายาม Generalize ผู้ชายขายบริการทั้งหมดว่าเป็นพวกรักสบาย ต้องการเงินง่าย ไม่ต้องใช้แรง ไม่ต้องใช้สมอง
ประเด็นนี้ผมไม่เห็นด้วยนะ อย่างที่ผมบอกไปว่า โอกาสและการเข้าถึงโอกาส ของแต่ละคนมันไม่เหมือนกัน ผมไม่อยากไปตัดสินแบบ "เหมารวม" ว่าทุกคนที่ประกอบอาชีพนี้เป็นพวกงอมืองอเท้าเอาร่างกายเข้าแลกเพื่อเงิน เพราะถ้าน้องๆที่มีความจำเป็นจริงๆมาอ่านมันจะบั่นทอนกำลังใจพวกเขามากๆเลย
แต่ผมก็ยอมรับว่าส่วนใหญ่ก็คือพวกอ้างแดด อ้างฟ้า อ้างฝน อ้างส้นมือส้นเท้าอะไรก็ได้ที่จะ support การกระทำของตัวเอง และความทุกข์แบบ overacting มา legitimize การตัดสินใจเดินเข้าสู่วงการขายน้ำ
พูดกันตามตรง มันก็มีนะ คนที่เดินออกจากวงการผู้ชายขายน้ำได้ แล้วไปประกอบอาชีพที่ปกติชนเขาทำกัน ส่วนใหญ่จะเป็นน้องๆที่มาทำเพราะเหตุจำเป็น น้องกลุ่มนี้เรานับถือใจเขานะ และเป็นกำลังใจให้
แต่น้องส่วนใหญ่ที่เราพบก็ยังวนเวียนทำอยู่ เปลี่ยนชื่อ เปลี่ยนร้าน ทำหน้า หลายคนทำตั้งแต่เรายังเรียนม.ปลาย จนตอนนี้ก็ยังเวียนขายตัวอยู่เพราะทำอย่างอื่นไม่เป็น มันคุ้นเคยกับงานง่ายๆเงินดีๆไปแล้ว
วงจรและวัฎจักรของอาชีพนี้มันสั้นมากครับ เด็กหน้าใหม่ๆ ที่สดใส และไม่ช้ำ เกิดขึ้นมาเรื่อยๆ ถ้าคุณ "ถอนตัว" อออกมาไม่ทัน หรือติดกับดัก "easy earning" มันจะพาให้ชีวิตคุณไปต่อลำบากลองคิดเล่นๆว่าถ้าคุณทำงานนี้ตอนอายุ22-26 แล้วคุณพยายามถีบตัวเองออกมาจากวงการนี้ สิ่งแรกที่ต้องเจอคือ ความต่างของรายรับ จากเดิมที่ได้เดือนละเหยียบแสน เหลือหมื่นต้นๆ คุณจะอยู่อย่างไร?
และถ้าคุณไปสัมภาษณ์งาน แล้วเขาถามว่าทำไม CV ช่วงอายุ 22-26 คุณถึงว่างเปล่าหรือ blank ไป คุณจะตอบได้อย่างไรว่าช่วงนั้นผมไปขายตัวมาครับ
ที่ผมเล่านี่อาจจะเป็นเพียงเสี้ยวเดียวของธุรกิจผู้ชายขายน้ำ จริงๆมันอาจมีปัจจัย และเรื่องราวที่ลึกซึ้งกว่านี้อีกมาก ต้องให้ "รุ่นเดอะ" หรือผู้มีประสบการณ์คร่ำหวอดที่อาจผ่านมาเข้ามาแชร์
โฆษณา