5 ก.ค. เวลา 09:51 • ความคิดเห็น
เรื่องราวของการไปครองผ้ากาสาวพัสตร์ นั่นมันเรื่องใหญ่ เอาเครื่องหมายธรรมขององค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้ามาครอง พอครองในโบสถ์เรียบร้อย พ่อแม่ก็อยากได้บุญ ก็นำข้าวปลาอาหารมาถวาย ..ก่อนถวาย ก็พนมมือ ..กราบพระลูกชาย ที่เพิ่งออกจากโบสถ์ แล้วพระลูกชายจะทำจิตใจอย่างไร เมื่อพ่อแม่มากราบ..จะนั่งยังไง .ใช้กิริยาอย่างไร ..ที่พ่อแม่มากราบ ..
ผ้ากาสาวพัสตร์ นั้นห่มดี ปฏิบัติดี ปฏิบัติชอบนั่นก็ดี เป็นเนื้อนาบุญให้ญาติโยม เค้าได้สร้างบุญกุศล อุทิศกุศล ช่วยให้ญาติโยมรู้จัก สละปัจจัยที่หามา แบ่งปันมาสร้างบุญ ที่ต้ิองใช้อารมณ์กรรมต่างๆ มากมายก่ายกอง ..กว่าจะหามาได้ แล้วเวลาทำบุญ เค้าก็อธิษฐาน ถวายผ่านเครื่องหมายธรรม ถวายต่อองค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า เพื่อฝากไว้เป็นเนื้อนาบุญ ในศาสนา ไม่ได้เจาะจงลงไปที่ ภิกษุที่ครองผ้า ..เค้าทำบุญฝผ่านเครื่องหมายธรรม .
แล้วสิ่งที่จะช่วยเหลือญาติโยมได้ นั้นก็คือ เมื่อครองผ้า มาบวชแล้ว มีการประพฤติปฏิบัติธรรม ตามรอยองค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า หรือไม่ หากไม่มีก็เป็นหนี้ ..ข้าวปลาอาหาร ปัจจัยอะไรต่างๆ ที่ญาติโยมเค้าบำเรอให้ ยิ่งไปยึดยศศักดิ์ สอนคนอื่นให้ยึด ตะกรุดผ้ายันต์ ไสยศาสตร์ นั่นมัน สอนเค้าออกนอกแนวทางคำสอนขององค์ พระสัมมาสัมพุทธเจ้า ที่ต้นศาสนา ท่านหนี ออกจากเวียงวัง ไปอยู่ป่า สะสางกายอารมณ์โลภโกรธหลงออกไป ..เมื่อไม่มีก็ขาดทุน มีแต่หนี้เวรกรรม ไม่รู้ตัวเลย
ส่วนเราว่า ..เป็นฆราวาสนั้นก็ดีอย่าง เราก็ฝึกหัดปฏิบัติธรรมตามรอยคำสอนท่านไป สร้างบุญกุศลไป ลดละอารมณ์กรรมตัวกระทำ ให้สติของจิตเกิดขึ้น ..เราไม่รีบร้อน..เข้าไปครองผ้ากาสาวพัสตร์ ..เราก็ศึกษาธรรมขององค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้ ..รอยของท่านฝากไว้ กับดินฟ้าอากาศ ..ไม่ได้ฝากกับผู้หนึ่งผู้ใด ..ไม่ได้ฝากไว้ในคำภีร์ตำตรา รอยทั้งสี่ของท่าน ..สามารถนำมาฝึกหัดประพฤติปฏิบัติธรรมกันได้ทุกคน ในเมื่อเรายังไม่พร้อมที่จะเข้า ไปใช้ชีวิต ตามรอยองค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้ เพราะปัญญาธรรมเรายังไม่มี
โฆษณา