5 ก.ค. เวลา 11:05 • ความคิดเห็น
เราอาจตีความคำพูดนี้อย่างเถรตรงก็ได้ และมันอาจจะทำให้ได้ความหมายที่หลายคนอาจไม่ชอบนัก คือการไม่ให้คุณค่ากับสิ่งต่างๆ ที่เราแสวงหา แม้แต่เป้าหมายในชีวิตและการประสบความสำเร็จก็ตาม และสุดท้ายจะพาลให้หลายคนตีความว่า งั้นเราก็ไม่ควรต้องทำอะไร เพราะอะไรๆ ก็ไม่มีจริงทั้งนั้น
แต่ผมคิดว่าเรา(ผม)ยังสามารถตีความคำพูดนี้ได้อีกแง่มุมหนึ่ง แน่นอนว่าต้องมีแนวคิดปรัชญาทางศาสนาเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย ครับ ดังนั้นคำพูดนี้จึงเป้นคำพูดที่ลึกซึ้ง และมันจะหมาย สิ่งทั้งหลายนั้นมีธรรมชาติคือความ "ไม่มีอะไรจริง" อยู่แล้วโดยตัวมันเอง ความสำเร็จของเราจะสูญไปเมื่อกาลเวลาผ่านไป คำพูดนี้จึงสื่อถึงความเป็น "อนิจจัง" ของทุกสิ่งทุกอย่าง และมันไม่ได้มีความหมายว่างั้นเราก็ไม่ต้องแสวงหามันสิ! แต่มันมีความหมายว่า
แม้แสวงหามันจนได้มาและครอบครองมันแล้ว ก็อย่าติดใจกับมันมากนัก
โฆษณา