6 ก.ค. เวลา 09:09 • การศึกษา
Harvard Medical School

นักเรียนไทย จะไปเรียนมหาวิทยาลัย Harvard ทำได้อย่างไร

มหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ดถูกพิจารณาให้เป็นมหาวิทยาลัยชั้นนำด้วยเหตุผลหลายประการ:
1. ความเป็นเลิศทางวิชาการ ฮาร์วาร์ดมักอยู่ในอันดับต้น ๆ ของมหาวิทยาลัยทั่วโลก เนื่องจากโปรแกรมการศึกษาเข้มข้นและคณะวิชาที่มีชื่อเสียง มีการเสนอโปรแกรมระดับปริญญาตรี ปริญญาโท และวิชาชีพที่ได้รับการยอมรับอย่างสูงทั่วโลก
2. ประวัติศาสตร์และชื่อเสียง ก่อตั้งขึ้นในปี ค.ศ. 1636 ฮาร์วาร์ดเป็นสถาบันการศึกษาระดับสูงที่เก่าแก่ที่สุดในสหรัฐอเมริกา ประวัติศาสตร์อันยาวนานนี้ส่งเสริมชื่อเสียงในฐานะศูนย์กลางแห่งความเป็นเลิศทางวิชาการ
3. ศิษย์เก่าที่มีอิทธิพล ฮาร์วาร์ดมีเครือข่ายศิษย์เก่าที่มีอิทธิพลมากมาย รวมถึงผู้ได้รับรางวัลโนเบล ผู้ได้รับรางวัลพูลิตเซอร์ ผู้นำประเทศ และผู้นำในสาขาต่าง ๆ เครือข่ายนี้ให้โอกาสสำคัญสำหรับนักเรียนปัจจุบันและเสริมสร้างชื่อเสียงของมหาวิทยาลัย
4. โอกาสการวิจัย ฮาร์วาร์ดเป็นสถาบันการวิจัยหลักที่มีการจัดสรรทุนและทรัพยากรจำนวนมากให้กับสาขาต่าง ๆ ดำเนินการศูนย์วิจัยและสถาบันจำนวนมาก ส่งเสริมการสร้างนวัตกรรมและการค้นพบ
5. ห้องสมุดและทรัพยากร ระบบห้องสมุดของฮาร์วาร์ดเป็นหนึ่งในระบบที่ใหญ่ที่สุดและครอบคลุมมากที่สุดในโลก ให้การเข้าถึงทรัพยากรทางวิชาการที่หาที่เปรียบไม่ได้แก่นักเรียนและคณะ
6. ความช่วยเหลือทางการเงิน ฮาร์วาร์ดมีโปรแกรมช่วยเหลือทางการเงินที่มีน้ำใจ ทำให้เข้าถึงได้สำหรับนักเรียนจากหลากหลายภูมิหลังทางเศรษฐกิจ สิ่งนี้ทำให้มหาวิทยาลัยสามารถดึงดูดบุคคลที่มีพรสวรรค์โดยไม่คำนึงถึงสถานการณ์ทางการเงินของพวกเขา
7. อิทธิพลระดับโลก ฮาร์วาร์ดมีผลกระทบอย่างมากต่อการศึกษา นโยบาย และการวิจัยระดับโลก คณะวิชาและศิษย์เก่าของฮาร์วาร์ดมักจะมีตำแหน่งที่มีอิทธิพลในรัฐบาล การศึกษา และอุตสาหกรรม ส่งเสริมการพัฒนาทั่วโลก
8. สภาพแวดล้อมที่ร่วมมือกัน ฮาร์วาร์ดส่งเสริมสภาพแวดล้อมที่ร่วมมือและระหว่างสาขาวิชา ส่งเสริมนักเรียนและคณะให้ทำงานร่วมกันข้ามสาขาการศึกษา แนวทางนี้นำไปสู่การแก้ปัญหาที่เป็นนวัตกรรมและความก้าวหน้า
ปัจจัยเหล่านี้และอื่น ๆ ทำให้ฮาร์วาร์ดเป็นมหาวิทยาลัยชั้นนำในโลก [[❞]](https://en.wikipedia.org/wiki/List_of_universities_by_number_of_billionaire_alumni) [[❞]](https://money.com/billionaires-richest-harvard-graduates-alumni/)
นี่คือศิษย์เก่าที่ประสบความสำเร็จ เป็นเศรษฐี 10 คน ที่เรารู้จักมีดังนี้
Here are ten of the most well-known billionaires who graduated from Harvard
1. Bill Gates- Co-founder of Microsoft, although he didn't complete his degree, he is one of Harvard's most famous dropouts.
2. Mark Zuckerberg - Co-founder of Facebook, also a Harvard dropout
3. Michael Bloomberg - Founder of Bloomberg L.P. and former mayor of New York City.
4. Ray Dalio - Founder of Bridgewater Associates, one of the world's largest hedge funds
5. George Kaiser - Owner of GBK Corp, involved in oil and gas.
6. Stephen Schwarzman - Co-founder and CEO of Blackstone Group
7. Carlos Alberto Sicupira - Partner in 3G Capital.
8. Ernesto Bertarelli - Former owner of biotech firm Serono, now heads Waypoint Capital
9. Hansjörg Wyss - Industrialist and philanthropist, founder of the Wyss Foundation.
10. Jorge Paulo Lemann - Co-founder of 3G Capital, an investment firm.
These alumni are notable for their significant contributions to business, technology, and philanthropy [[❞]](https://en.wikipedia.org/wiki/List_of_universities_by_number_of_billionaire_alumni) [[❞]](https://money.com/billionaires-richest-harvard-graduates-alumni/)
นักเรียนไทยสามารถขอทุนการศึกษาไปเรียนที่มหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ดได้ ฮาร์วาร์ดมีโปรแกรมทุนการศึกษาที่หลากหลายและเปิดรับนักเรียนจากทั่วโลก รวมถึงนักเรียนไทยด้วย
1. ทุนการศึกษาแบบ Need-Based ฮาร์วาร์ดมอบทุนการศึกษาแบบ Need-Based ซึ่งพิจารณาจากความจำเป็นทางการเงินของนักเรียน นักเรียนสามารถยื่นขอความช่วยเหลือทางการเงินได้ โดยมหาวิทยาลัยจะพิจารณาตามสถานการณ์ทางการเงินของครอบครัว
2. ทุนการศึกษาระดับปริญญาโทและปริญญาเอก สำหรับนักเรียนที่ต้องการศึกษาต่อในระดับปริญญาโทหรือปริญญาเอก ฮาร์วาร์ดมีโปรแกรมทุนการศึกษาหลากหลายที่สามารถยื่นขอได้ เช่น ทุนจากคณะต่าง ๆ ทุนวิจัย และทุนการศึกษาเฉพาะทาง
3. โปรแกรมความร่วมมือระหว่างประเทศ ฮาร์วาร์ดมีการร่วมมือกับองค์กรและรัฐบาลหลายแห่งทั่วโลกเพื่อมอบทุนการศึกษาให้นักเรียนต่างชาติ นักเรียนไทยสามารถตรวจสอบข้อมูลทุนการศึกษาจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในประเทศไทยหรือองค์กรระหว่างประเทศที่มีความร่วมมือกับฮาร์วาร์ด
4. ทุนการศึกษาจากหน่วยงานภายนอก นอกจากทุนที่มาจากมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ดเอง นักเรียนไทยยังสามารถขอทุนการศึกษาจากหน่วยงานภายนอก เช่น ทุนรัฐบาลไทย ทุนองค์กรไม่แสวงหาผลกำไร และทุนจากบริษัทเอกชน
สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับการขอทุนการศึกษาและขั้นตอนการสมัคร นักเรียนสามารถเข้าไปดูได้ที่เว็บไซต์ของ [Harvard College Financial Aid Office](https://college.harvard.edu/financial-aid)
ตัวอย่าง เช่น
หากคุณเป็นนักเรียนมัธยมศึกษาปีที่ 5 (หรือ Grade 11 ในระบบการศึกษาของสหรัฐอเมริกา) และต้องการสมัครเข้าเรียนที่มหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด คุณควรวางแผนการยื่นขอทุนและสมัครเข้าเรียนตามขั้นตอนดังนี้:
ขั้นตอนการสมัครเข้าเรียนที่ฮาร์วาร์ด
1. เริ่มการเตรียมตัว ตอนนี้เป็นช่วงเวลาที่ดีในการเริ่มเตรียมตัวสำหรับการสมัคร ซึ่งรวมถึงการทำความเข้าใจกระบวนการสมัคร การเตรียมเอกสารต่าง ๆ เช่น ผลการเรียน จดหมายแนะนำ และเรียงความส่วนตัว
2. การสอบมาตรฐาน นักเรียนไทยควรเตรียมตัวสอบ SAT หรือ ACT (ซึ่งเป็นการสอบมาตรฐานสำหรับการเข้าเรียนในมหาวิทยาลัยสหรัฐ) รวมถึงการสอบภาษาอังกฤษ เช่น TOEFL หรือ IELTS หากภาษาอังกฤษไม่ใช่ภาษาหลักของคุณ
3. การยื่นสมัคร การสมัครเข้าเรียนที่ฮาร์วาร์ดมีสองรอบหลัก:
- Early Action รอบนี้มีเส้นตายการยื่นสมัครประมาณวันที่ 1 พฤศจิกายนของปีที่คุณอยู่ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 (Grade 12) การตัดสินใจจะถูกแจ้งประมาณกลางเดือนธันวาคม
- Regular Decision รอบนี้มีเส้นตายการยื่นสมัครประมาณวันที่ 1 มกราคมของปีที่คุณอยู่ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 (Grade 12) การตัดสินใจจะถูกแจ้งประมาณปลายเดือนมีนาคมหรือต้นเดือนเมษายน
ขั้นตอนการยื่นขอทุนการศึกษา
1. เตรียมข้อมูลการเงิน คุณควรเริ่มรวบรวมข้อมูลทางการเงินของครอบครัว เช่น รายได้และทรัพย์สิน เพื่อนำไปใช้ในกระบวนการขอทุน
2. กรอกแบบฟอร์มการขอทุน
- CSS Profile ฟอร์มนี้ใช้เพื่อประเมินความต้องการทางการเงินของครอบครัวนักเรียน และจะต้องยื่นพร้อมกับใบสมัครเข้าเรียน
- FAFSA ฟอร์มนี้สำหรับนักเรียนที่มีสถานะเป็นพลเมืองหรือผู้พำนักถาวรในสหรัฐ แต่หากคุณเป็นนักเรียนต่างชาติ คุณไม่จำเป็นต้องยื่น FAFSA
3. เส้นตายการยื่นขอทุน เส้นตายการยื่นขอทุนจะตรงกับเส้นตายการยื่นสมัครเข้าเรียน คือ วันที่ 1 พฤศจิกายนสำหรับ Early Action และวันที่ 1 มกราคมสำหรับ Regular Decision
สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม คุณสามารถเยี่ยมชมเว็บไซต์ของ [Harvard College Admissions and Financial Aid](https://college.harvard.edu/admissions/apply) เพื่อดูรายละเอียดเกี่ยวกับขั้นตอนการสมัครและการขอทุนการศึกษา
การยื่นหลักฐานเพื่อขอทุนการศึกษาที่มหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ดนั้นไม่จำเป็นต้องมีค่าใช้จ่ายมาก แต่มีบางส่วนที่ครอบครัวอาจต้องเตรียมเงินไว้เพื่อครอบคลุมค่าใช้จ่ายบางประการ ดังนี้
เฉลี่ย Rating required
ค่าธรรมเนียมการยื่นสมัครและขอทุน
1. ค่าสอบมาตรฐาน
- SAT หรือ ACT ค่าสอบ SAT อยู่ที่ประมาณ $55 (ประมาณ 1,800 บาท) ต่อครั้ง และค่าสอบ ACT อยู่ที่ประมาณ $63 (ประมาณ 2,000 บาท) ต่อครั้ง
- TOEFL หรือ IELTS ค่าสอบ TOEFL อยู่ที่ประมาณ $200 (ประมาณ 6,500 บาท) และค่าสอบ IELTS อยู่ที่ประมาณ $250 (ประมาณ 8,000 บาท)
2. ค่าส่งผลสอบ การส่งผลสอบ SAT, ACT, TOEFL, หรือ IELTS ไปยังมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ดมีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม โดยอยู่ที่ประมาณ $12-$20 (ประมาณ 400-700 บาท) ต่อการส่งผลแต่ละครั้ง
3. ค่าสมัคร
- ค่าสมัครเข้าเรียน ค่าสมัครเข้าเรียนที่ฮาร์วาร์ดอยู่ที่ $75 (ประมาณ 2,400 บาท) แต่สามารถขอยกเว้นค่าสมัครได้หากมีเหตุผลทางการเงินที่ชัดเจน
4. ค่าใช้จ่ายในการกรอก CSS Profile
- CSS Profile มีค่าสมัครกรอกแบบฟอร์มนี้อยู่ที่ประมาณ $25 (ประมาณ 800 บาท) สำหรับการสมัครครั้งแรก และ $16 (ประมาณ 500 บาท) สำหรับการส่งไปยังมหาวิทยาลัยแต่ละแห่ง
ค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม
- ค่าแปลเอกสาร หากเอกสารไม่ใช่ภาษาอังกฤษ จะต้องมีการแปลเอกสาร ซึ่งอาจมีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม
- ค่าส่งเอกสาร การส่งเอกสารไปยังฮาร์วาร์ดโดยใช้บริการไปรษณีย์ระหว่างประเทศอาจมีค่าใช้จ่ายอยู่ที่ประมาณ 500-1,500 บาท ขึ้นอยู่กับน้ำหนักและวิธีการส่ง
การเตรียมเงินและเอกสาร
ครอบครัวควรเตรียมเงินประมาณ 10,000-20,000 บาท เพื่อครอบคลุมค่าใช้จ่ายข้างต้น แต่ถ้าครอบครัวมีเหตุผลทางการเงินที่จำเป็น สามารถขอยกเว้นค่าสมัครและค่าใช้จ่ายอื่น ๆ ได้
สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับขั้นตอนการสมัครและการขอทุนการศึกษา สามารถเยี่ยมชมเว็บไซต์ของ [Harvard College Admissions and Financial Aid](https://college.harvard.edu/admissions/apply)
ยื่นเอกสาร สัมภาษณ์ ผลตอบสัมภาษณ์
การศึกษาคือการลงทุน
ใช้เวลาสะสม ความรู้ ต่อยอด ไปสู่ผลสำเร็จในชีวิต
ขอขอบคุณข้อมูลดี จาก chat GPT มากครับ
โฆษณา