6 ก.ค. เวลา 11:50 • หุ้น & เศรษฐกิจ

📊 กางสถิติตลาดหุ้นสหรัฐฯปีเลือกตั้ง | ส่วนใหญ่เป็นบวกยกเว้นเกิดวิกฤติ

วันนี้นิคกี้เอาสถิติตลาดหุ้นสหรัฐฯในปีที่มีการเลือกตั้งมาให้ดูกันค่ะ ส่วนใหญ่ตลาดหุ้นสหรัฐฯจะสามารถทำผลงานเป็นบวกได้ในปีที่มีเลือกตั้ง โดยมีเพียง 4 ปีเท่านั้น (จากทั้งหมด 24 ครั้ง) ที่ตลาดหุ้นทำผลงานได้แย่จนติดลบ เช่น ปี 2008, 1932, 2000 และ 1940 ค่ะ ส่วนอีก 2 ปีที่เกิดเหตุการณ์ไม่ปกติอย่างปี 2000 และ 1980 ตลาดหุ้นยังทำผลตอบแทนเป็นบวกอยู่ได้ค่ะ
‼️เกิดอะไรขึ้นใน 4 ปีเลือกตั้งที่ตลาดหุ้นติดลบ
ในปี 2008 สหรัฐฯ ประสบกับวิกฤตการเงินที่ทำให้เกิดภาวะถดถอยทางเศรษฐกิจ หรือที่เรารู้จักกันในหลายชื่อ เช่น Global Financial Crisis, Hamburger Crisis หรือ Subprime Crisis ค่ะ สาเหตุหลักมาจากปัญหาในตลาดที่อยู่อาศัยและธนาคาร ทำให้เกิดการล้มละลายและการตกงานเป็นจำนวนมาก
ในปี 1932 เศรษฐกิจสหรัฐฯ อยู่ในช่วงของวิกฤตการณ์ที่เรียกว่า “Great Depression” ซึ่งเป็นภาวะถดถอยทางเศรษฐกิจที่รุนแรงที่สุดในประวัติศาสตร์ อัตราการว่างงานสูงมาก และมีการประท้วงจากกลุ่มทหารผ่านศึกที่เรียกว่า “Bonus Army” อีกด้วย โดยในปีนี้นั้นทางด้าน Franklin D. Roosevelt ได้รับเลือกเป็นประธานาธิบดี
ในปี 2000 เป็นช่วงเริ่มต้นของฟองสบู่ดอทคอม หรือ “Dot-Com Bubble” เป็นช่วงเวลาที่ตลาดหุ้นในกลุ่มเทคโนโลยีเกิดการเก็งกำไรอย่างมากทำให้บริษัทที่เกี่ยวข้องกับอินเทอร์เน็ตมีมูลค่าหุ้นที่พุ่งสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว โดยไม่สอดคล้องกับพื้นฐานทางการเงินหรือความสามารถในการทำกำไรของบริษัท ก่อนที่สุดท้ายฟองสบู่นี้แตกในปี 2000 ทำให้ตลาดหุ้นร่วงหนัก และนำไปสู่การล้มละลายของบริษัทเทคโนโลยีหลายแห่ง
1
ในปี 1940 เศรษฐกิจสหรัฐฯกำลังอยู่ในช่วงเริ่มฟื้นตัวจากภาวะถดถอย “Great Depression” ที่จบลงในปี 1939 ก่อนจะเข้าร่วมสงครามโลกครั้งที่ 2 และมีการเพิ่มการผลิตและการจ้างงานขนานใหญ่เพื่อทำสงคราม รวมถึงยังมีการออกกฎหมายเพื่อการเกณฑ์ทหารเป็นครั้งแรกอีกเช่นกัน
✅ เกิดอะไรขึ้นกับ 2 ปีเลือกตั้งที่มีเหตุการณ์ไม่ปกติ แต่ตลาดหุ้นปรับตัวขึ้น
ในปี 2020 ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ประสบกับความผันผวนอย่างมากเนื่องจากการแพร่ระบาดของ COVID-19 ทำให้ตลาดหุ้นถูกเทขายอย่างหนักในเดือนมีนาคม แต่ก็ฟื้นตัวกลับขึ้นมาได้เร็วเช่นกันในช่วงปลายปี ด้วยการสนับสนุนจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจและนโยบายการเงินขนานใหญ่
ในปี 1980 เศรษฐกิจสหรัฐฯ ประสบกับภาวะถดถอยทางเศรษฐกิจ หรือ “recession” ซึ่งเริ่มต้นในเดือนมกราคมและสิ้นสุดในเดือนกรกฎาคม สาเหตุหลักมาจากนโยบายการเงินที่เข้มงวดเพื่อต่อสู้กับเงินเฟ้อที่สูงมาก และผลกระทบที่ตามมาจากวิกฤตพลังงาน ก่อนที่สหรัฐฯจะเข้าสู่ภาวะถดถอยอีกครั้งในปี 1981 หรือที่เราเรียกกันว่า Double-dip recession
🎯 ดังนั้นแล้วสถิตินี้บอกเราว่า ถ้าไม่มีเหตุการณ์ไม่คาดฝันเกิดขึ้น ตลาดหุ้นสหรัฐฯปีนี้ก็มีโอกาสที่จะปิดบวกได้อีกปีค่ะ
Source: Bloomberg
โฆษณา