7 ก.ค. เวลา 14:09 • ท่องเที่ยว

ปล่อยจอย กินหอยนางรมย่าง เดินเมืองโบราณที่ฮอยอัน

ฮอยอันเป็นเมืองที่มีเอกลักษณ์และเสน่ห์อย่างคาดไม่ถึง นอกจากนี้ยังมีส่วนของเมืองโบราณ หรือ Hoi An Ancient Town ที่ได้รับการแต่งตั้งให้เป็นหนึ่งในมรดกโลกในประเทศเวียดนามโดยยูเนสโก
ส่วนหนึ่งของย่านเมืองโบราณที่ฮอยอันยามค่ำคืน
ฮอยอันตั้งอยู่ทางตอนกลางของประเทศ การเดินทางมาฮานอยสะดวกสบายมาก เรานั่งสับปะหงก 3 รอบจากสุวรรณภูมิก็ถึงสนามบินเมืองดานังแล้ว (หมายเหตุ ก่อนเดินทางทำงานตลอด ตื่นเช้ามาขึ้นเครื่อง ยอมรับว่าการได้หลับบนเครื่องถือเป็นการรีชาร์จไปอีกแบบ 555)สนามบิน Da Nang International Airport จัดว่าเป็นสนามบินที่ทันสมัยและสะดวกสบายเลยทีเดียว ระยะเวลาในการบินจากกรุงเทพฯมาดานัง ใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมงครึ่งนะ
ด้วยความที่เราตั้งใจจะไปปักหลักเที่ยวที่ฮอยอันก่อน ก็เลยเรียกแท็กซี่จากที่สนามบินไปฮอยอัน ใช้เวลาเดินทางไม่นาน 45 นาที นั่งดูวิวไปแป๊ปเดียวก็ถึงฮอยอันแล้ว ระหว่างทางเราจะได้เห็นภาพของความเป็นเมืองในดานังสู่ความเป็นธรรมชาติที่ฮอยอัน สิ่งที่เห็นบ่อย ๆ เมื่อถึงฮอยอันคือร้านกาแฟและกองลูกมะพร้าว เรากับเพื่อนจึงปักหมุดไว้ว่าจะต้องชิมกาแฟและน้ำมะพร้าว หลังจากที่เช็คอินเรียบร้อย จุดหมายแรกที่ไปคือ หาดอันบาง (An Bang Beach)
หาดอันบางยามบ่ายกับคลื่นลูกโตและแผงขายอาหารเวียดนามหน้าตาน่าหม่ำ
หาดอันบางเป็นหาดที่คลื่นแรงเร้าใจสำหรับซีเลิฟเวอร์อย่างเรา คือ คลื่นไม่ได้ตู้มต้ามมากจนเกินไปแต่มีมาเรื่อย ๆ แบบเชิญชวนให้ลงไปเล่น มีนักท่องเที่ยวเยอะอยู่ ส่วนใหญ่จะเป็นชาวต่างชาติและชาวเวียดนามที่มาพักผ่อนหย่อนใจพาครอบครัวมาเที่ยวช่วงเด็กปิดเทอม เราไปถึงก็บ่ายแล้วเดินเล่นที่ชายหาดนิดนึงแล้วก็หาร้านอาหารเพื่อทานอาหารกลางวัน ใช้วิธีเปิดเมนูและดูบรรยากาศร้านเอา เลือกร้านได้แล้ว เพราะความหิวแน่นวลที่ทำให้เราสั่งอาหารกันแบบไม่ยั้ง ซึ่งไม่แนะนำนะ แหะๆ
Grilled Seafood set หอยย่าง 10 เต็ม 10 ไม่มีหักเลยจ้า
เซ็ตอาหารทะเลย่าง ซึ่งเราสามารถเลือกได้ว่าจะเอาเซ็ตแบบไหนตามใจชอบนั้น เราให้ 10 เต็ม 10 ไปเลย โดยเฉพาะ “หอยนางรมย่าง” เซ็ตนี้เราเลือกเพราะอยากกินหอยเชลล์และหอยนางรมย่าง นอกจากหอยแล้วในเซ็ตที่เราเลือกก็มีกุ้งและปู น้ำจิ้มที่มาเสิร์ฟมาด้วยนั้นก็น่าสนใจสุด ๆ น้ำจิ้มที่พนักงานเสิร์ฟบอกว่าเป็นน้ำจิ้มซีฟู้ดก็รสชาติไม่เหมือนน้ำจิ้มบ้านเรา อร่อยไปอีกแบบ หวาน ๆ เค็ม ๆ
กาแฟใส่น้ำมะพร้าว
หอยนางรมย่างคือยืนหนึ่งในใจ ทางร้านใส่ใบต้นหอมเหมือนกับผัดมาวางบนตัวหอยและท็อปด้วยถั่วบุบเป็นชิ้นหยาบ ๆ ทำให้เมนูหอยย่างทั้งหอยเชลล์และหอยนางรมหอมและอร่อยมาก จะทานเปล่า ๆ ก็อร่อยเพราะความสดของหอย ยิ่งใส่น้ำจิ้มก็ยิ่งอร่อย
อีกเมนูหอยที่ขายบริเวณทางเข้าหาด
พูดถึงน้ำจิ้มแล้ว ตอนขากลับเดินผ่านเคาน์เตอร์เห็นพนักงานกำลังเตรียมน้ำจิ้มก็เลยถามเค้าว่าใส่อะไรบ้าง เค้าบอกที่เห็นคือพริกไทยและเกลือ นี่แหละคือส่วนประกอบที่ทำให้น้ำจิ้มบ้านเค้าไม่เหมือนบ้านเรา และที่โดนอีกอย่างคือ Qua Cam (King Orange) ซึ่งเป็นส้มเปลือกสีเขียวสด ผิวขรุขระเล็กน้อย แต่อร่อยและสดชื่นมากถึงมากที่สุด ทริปนี้ นอกจากกาแฟแล้ว น้ำส้มกั๋มเป็นอะไรที่เราสั่งกินบ่อย
ส้มเวียดนามทำเป็นน้ำส้มแล้วอร่อยสดชื่นมั่ก
ด้วยความหน้ามืดเพราะหิวแล้วสั่งเมนูอย่างอื่นมาด้วยจนต้องพยายามทานให้ไม่หมดก็มีทั้งก๋วยเตี๋ยวเมืองฮอยอันที่ใส่หมูแดงมา ชิมแล้วก็ยังไม่โดนมาก คิดว่าน่าจะเป็นเพราะย่านนี้เป็นย่านอาหารทะเลเราก็ควรจะเน้นไปที่เมนูอาหารทะเล แล้วยังมีแพนเค้กเวียดนามสีเหลือง อร่อยดี ปอเปี๊ยะสดและทอดก็อร่อย เรากับเพื่อนสั่งน้ำมะพร้าวและกาแฟใส่น้ำมะพร้าวมาทานกัน น้ำมะพร้าวใช้ได้แต่รสชาติและความหอมสู้มะพร้าวน้ำหอมบ้านเราไม่ได้ แต่กาแฟให้สิบดาว เป็นกาแฟใส่น้ำมะพร้าว รสชาตินัว ๆ ไม่หวานจนเกินไป
เรือตะกร้าหน้าหาดอันบาง
ทานจนอิ่มแต่อาหารยังไม่หมดก็เลยบอกพนักงานว่า ขอลงไปเดินเล่นชายหาดก่อนแต่ช่วยเก็บโต๊ะไว้ให้ด้วย นางก็ใจดีเก็บโต๊ะไว้ให้ เราลงไปถ่ายรูปกัน น้ำทะเลมีคลื่นให้เล่นได้ทั้งใกล้และไกล แต่แดดแรงอยู่ ก่อนจะกลับก็ค่อนข้างจะเย็นแล้ว เราเห็นพ่อค้าแม่ค้าเริ่มทยอยวางเตาวางหม้อกันตรงชายหาด เดาว่าน่าจะเป็นก๋วยเตี๋ยว บรรยากาศตอนเย็นแถวชายหาดคงจะชิลน่าดู เพราะนอกจากหม้อและเตาแล้ว ก็มีการปูเสื่อด้วย ดูทรงแล้วถ้าใครอยากนั่งดื่มก็มีร้านอาหารอยู่ถัดจากหาด หรือถ้าอยากลองบรรยากาศแบบบ้าน ๆ ริมหาดก็น่าจะเอ็นจอยไม่น้อย
เก้าอี้นอนริมหาด
เรากับเพื่อนทานอาหารเสร็จก็กลับโรงแรม เพื่อเตรียมตัวไปเมืองโบราณกันต่อ จากที่พักไปเมืองโบราณไม่ไกลเท่าไหร่ ไปถึงก็ Golden Hour พอดี แสงสวย โรแมนติก นักท่องเที่ยวเริ่มทยอยมากัน ถ้าไม่ซื้อตั๋วแบบออนไลน์ล่วงหน้าก็สามารถมาซื้อตั๋วเมืองโบราณได้ที่ศาลาขายตั๋วตรงทางเข้า เจ้าหน้าที่จะให้แผนที่มาด้วยและบอกให้เราฟังว่า สามารถแวะดูจุดไหนได้บ้างในบริเวณเมือง ราคาตั๋วเข้าก็ไม่ถึงร้อยบาท
บริเวณทางเข้าเมืองโบราณฮอยอัน
ระหว่างทางเข้าไปเราก็จะได้เห็นบ้านเรือนที่ถูกดัดแปลงเป็นร้านค้าร้านกาแฟสวยงามมาก สีเหลืองน่าจะเป็นเอกลักษณ์ของเมืองโบราณฮอยอัน อาคารที่เห็นมักจะทาด้วยสีเหลืองตัดกับดอกไม้ต้นไม้ที่บานในช่วงซัมเมอร์ของฮอยอันอย่างดอกเฟื่องฟ้าสีม่วงสีชมพูสดจึงทำให้ซัมเมอร์ที่นี่แจ่มแมวมากแม่
จุดเช็คอินที่ต่อแถวถ่ายรูปกันรัวๆ
เดินไปได้นิดหน่อยก็เจอร้านกาแฟที่ขายบั๋นหมี่ด้วย เลยแวะเข้าไปนั่งทานกาแฟตอนเกือบ 6 โมงกัน 5555 กาแฟดีมาก บั๋นหมี่ (Banh Mi) ก็น่ากินแต่ไม่ได้สั่ง เพราะยังไม่หิว แต่แอบส่องเข้าไปในตู้แล้วก็ฟันธงว่าต้องอร่อยแน่นวล ไส้มีทั้งแฮมทั้งหมูทั้งไก่ และน้ำซอสดูดีน่ากิน กาแฟอร่อยเริ่ดอีกแล้ว
นี่ไงร้านกาแฟที่ต้องยอมใจ จัดไป 1 แก้วตอนเย็นแล้วมองบั๋นหมี่ตาละห้อย
จากนั้นก็เดินไปที่ Japanese Covered Bridge หรือสะพานญี่ปุ่นที่สร้างขึ้นในสมัยศตวรรษที่ 16 โดยพ่อค้าชาวญี่ปุ่นซึ่งในสมัยนั้นฮอยอันเป็นเมืองท่าที่สำคัญที่มีพ่อค้าเดินเรือมาขายสินค้ากันมากมาย ทำให้สะพานญี่ปุ่นเป็นหนึ่งในไฮไลต์ที่เราตั้งใจจะมาดูแต่เสียดายที่ช่วงเราไปสะพานปิดซ่อมอยู่ เดินขึ้นไปดูส่วนประกอบของสะพานก็ได้ฟีลถึงความเก่าและความขลังของสะพาน นักท่องเที่ยวเยอะมาก เท่าที่สังเกตจะมีทั้งนักท่องเที่ยวจากเกาหลี จีน เวียดนาม และฝรั่ง
สะพานญี่ปุ่นที่สร้างโดยพ่อค้าในช่วงศตวรรษที่ 16
ช่วงที่ไปนักท่องเที่ยวทยอยมากันเรื่อย ๆ พอตกค่ำนักท่องเที่ยวก็เรียกได้ว่าหนาแน่นจ้า เรากับเพื่อนเดินไปเจอวัด ข้างในสวยมาก มีรูปปั้นมังกรและสัตว์มงคลรวมทั้งนกฟีนิกซ์ที่เราชอบมาตลอด ถ่ายรูปเสร็จก็เดินออกมาเจอร้านน้ำชาดอกบัว ซึ่งเป็นอีกไฮไลต์ที่น่าจะเป็นเครื่องดื่มห้ามพลาดหรือ Must-try drink อะไรทำนองนั้น เราก็ลองไปหนึ่ง รสชาติดี เหมือนน้ำมะนาวไม่หวานไม่เปรี้ยวจนเกินไปมีรสชาติสมุนไพรผสมมาด้วย ให้ความรู้สึกดีว่า นอกจากจะสวยแล้วยังอร่อยด้วย
ชาใบบัว เมนูห้ามพลาด สดชื่นคลายร้อนแถมถ่ายรูปสวยอีกด้วย
ขอสารภาพว่า ในย่านเมืองโบราณนี้ เรากับเพื่อนค่อนข้างจะเดินตามใจตัวเองและเหนื่อยก็เลยเดินเท่าที่ไหว แต่เราก็เห็นนะว่า มีนักท่องเที่ยวบางคนขี่จักรยานชมวิวกับนั่งรถถีบแบบเวียดนาม เอาเป็นว่าสะดวกชมบรรยากาศแบบไหนก็มีให้เลือกตามใจชอบ ว่าแล้วก็เลยเข้าสปานวดขานวดเท้ากัน ส่องราคาแล้วพนักงานสปาแนะนำคอมโบเซ็ตมีนวดคอบ่าไหล่เท้า 45 นาที ประมาณ 400 บาท ก็เข้าร้านกันในทันที
นวดเท้าที่สปาซึ่งเสิร์ฟสมูทตี้มะม่วงและชาสมุนไพร
ก่อนเข้าห้องนวด พนักงานก็เอาถังน้ำอุ่นที่มีใบสะระแหน่ มะนาวเหลืองฝาน ตะไคร้หั่น ขิงฝาน มาให้แช่เท้า หอมมั่ก ระหว่างนั้นนางก็เอาสมูทตี้มะม่วงและน้ำเปล่ามาเสิร์ฟด้วย สมูทตี้อร่อยเฉยเลย จากนั้นก็เปลี่ยนชุดแล้วนวดด้วยน้ำมัน เดาว่านักท่องเที่ยวไทยคงมานวดที่ร้านนี้กันเยอะ พอบอกให้ช่วยนวดเบา ๆ หน่อย นางก็บอกเบา ๆ เป็นภาษาไทย ก็ขำกัน ระหว่างที่นวดนางก็เอายาหม่องตราเสือกล่องสีเขียวมาวางในห้องด้วย หอมมาก ตอนกลับเลยสอยยาหม่องกลับมาฝากที่บ้าน
ชาเสิร์ฟหลังนวดเสร็จ
นวดเสร็จที่ร้านก็เสิร์ฟชาสมุนไพร รสชาติดีมาก จึ้งมากกับความเซอร์วิสและค่านวดนี้ เลยต้องให้ทิปกันไป จากนั้นก็เดินเล่นต่อ ถ่ายรูปโหมดกลางคืนกัน มีอยู่จุดหนึ่งที่เป็นวัด สวยมาก ทางวัดเปิดไฟตกแต่งเลยทำให้บรรยากาศดี พอข้ามสะพานไปอีกฝั่งก็จะเป็นโซนร้านอาหารที่มีวงดนตรี บรรยากาศคึกคักมาก เหมาะนั่งดื่มและฟังเพลงเป็นอย่างยิ่ง หรือใครอยากนั่งเรือ ปล่อยโคมก็มีบริการ
บรรยากาศตอนกลางคืนที่เมืองโบราณ
เรากับเพื่อนเดินเล่นเสร็จก็กลับโรงแรม พักผ่อน เพราะวันถัดไป มีโปรแกรมไม่น้อย ทั้งนั่งเรือมะพร้าวและไปดูหมู่บ้านโบราณริมน้ำที่ชาวบ้านในอดีตปั้นถ้วยชามรามไห รวมทั้งพิพิธภัณฑ์ ตามอ่านกันได้จ้ะ
โฆษณา