9 ก.ค. เวลา 13:00 • บันเทิง
Butterbear Cafe Emsphere

Butterbear น้องหมีเนย: ความฝันที่มีชีวิต

“ความฝันที่มีชีวิต” 🧸🧈
.
.
.
เวลานี้ถ้าพูดถึงกระแสที่กำลังฮอตฉ่ำๆ
คงหนีไม่พ้น “น้องหมีเนย (Butterbear)”
ไอค่อนแห่งร้านขนมและของหวานเจ้าดัง
“Butterbear” ในเครือ Coffee Beans by Dao
และเป็นมาสคอตสุด Cute ที่ร้อนแรงแซงทุกอย่าง
สร้างปรากฏการณ์ฟีเวอร์แบบสับๆ
มีแฟนคลับทุกเพศทุกวัยทั้งในไทยและต่างประเทศ
โดยเฉพาะแฟนๆ ชาวจีนที่
พูดกันเต็มโซเชียลว่าถ้ามาไทยก็อยากเจอ
ให้น้องมาร้านได้มั้ย? จนที่ร้านต้องทำตารางบอก
ว่าจะเจอน้องวันไหนได้บ้าง
อย่างปลายปีก็จะมีผลงานโกอินเตอร์
มีแบรนด์จีนติดต่อมา
อะไรที่เหมาะกับน้องก็จะคอลแลบกัน
ทั้งในรูปแบบคาเฟ่ แฟชั่น accessories
ตั้งแต่ปลายเดือน ต.ค. เป็นต้นไป
(ใดๆ ซื้อสินค้าจาก official ดีที่สุดครับ
ช่วงนี้มิจเยอะมาก ยิ่งในกลุ่มซื้อvาย)
ทั้งการที่มีแฟนคลับมารอเข้าเอ็มสเฟียร์ตั้งแต่ตี 5
จนทุกวันนี้ห้างแตกกระเจิง เอนเกจกระจุย
โดยมีน้องเป็นจุดศูนย์กลาง
หรือ OPC ที่ตอนนี้ต้องขยายเพดานสมาชิก
จนทะลุไป 30,000 คน ต่อคิวรอเข้า
ยาวไปถึงดาวพลูโต แชทแตกรัวๆ 999+ แจ้งเตือน
ตลอดจนมีเทรนด์แฟชั่นผ้าโพกหัวในหมู่สาวๆ
เพื่อแต่งน่ารักๆ ตามรอยน้อง
โดยเรื่องราวมาจากการตกแฟนคลับ
ในคลิปเต้นงานวันเด็กที่มันดู Cute มากจริงๆ
จนทำให้มีคนเข้ามาดูเป็นล้านวิว ไวรัล
ก่อนจะมีคลิปเต้นคัฟเวอร์อื่นๆ ตามมา
และได้มีเพลงเป็นของตัวเองด้วย
อย่างเพลงแรก “It’s Butterbear!”
ที่เป็นเนื้อเพลงภาษาอังกฤษ
กับดนตรีและท่วงทำนอง
ที่ตะมุตะมิ สนุกสนาน น่ารัก
ดูค่อนข้างเจาะกลุ่มไปทางเด็กเล็กมากกว่า
จนมาถึงเพลงซิงเกิ้ลล่าสุด
อย่าง “น่ารักมั้ยไม่รู้ (Narak Mhai Mai Roo)”
ที่เป็นเนื้อเพลงภาษาไทย
ตีกลุ่ม T-Pop ฉ่ำๆกันไปเลย
ทำให้คนไทยทุกเพศทุกวัยเข้าถึงง่ายขึ้น
ด้วยเนื้อหา ทำนองและดนตรี
ที่ให้ไวบ์น่ารักๆ รู้สึกใจฟูฝุดๆ เวลาได้ฟัง
และยังได้มีโอกาสไป
ขึ้นสเตจกับทางดาราชายชื่อดัง
อย่าง “คุณมาย ภาคภูมิ” ด้วย
กลายเป็นประเด็นร้อนแสนน่ารัก
ที่พาให้สื่อและผู้คนต่างพากันพูดถึง
บนโลกโซเชียลเต็มไปหมด
ชนิดที่เข้าฟีดไถจอต้องเจอน้องตลอด
เรียกได้ว่าเวลานี้ถือว่าบ้านเรา
ได้มีไอดอลคนใหม่กำเนิดขึ้นแล้ว
มาดูกันว่าในเรื่องราวระหว่างทาง ของน้อง
มีแก่นอะไรสอดแทรกไว้บ้าง
เลยอยากชวนเหล่ามัมหมี
มาอ่าน ออกสเต็ปเบาๆ และดื่มด่ำกันครับ
.
.
.
1. “สาวน้อยที่พร้อมจะฮีลใจให้คุณ”
- ด้วยตัวตนของน้องเนยที่เป็นมาสคอตหมีอวบสุดน่ารักจิ้มลิ้ม มีความทะเล้นน่ารักนั้น ไม่เพียงแต่ช่วยยกระดับแบรนด์เท่านั้น น้องยังเป็นไอค่อนผู้ส่งต่อ “เสี้ยววินาทีแห่งความสุข” ถึงมัมหมีทุกคนในหลายมิติ ด้วยสโลแกนที่ว่า “Your Buttery Best Friend” ที่ใส่ความเป็นคนเข้าไปในมาสคอตให้ดูมีชีวิตจิตใจจริงๆ
ซึ่งได้ถูกนำมาถ่ายทอดเป็นเนื้อเพลงและ Story Telling ทั้งหมด เป็นการอ้อนหรือตกมัมหมีว่าอย่าลืมคืดถึงน้องเนยนะ มาหาน้องกัน น้องพร้อมจะเป็นเพื่อน พร้อมจะมอบความสุขและฮีลใจทุกคนที่มาเยือนมุมเล็กๆ ตรงนี้เสมอ ทำเอาทุกคนที่มาต่างได้รอยยิ้ม เสียงหัวเราะและความทรงจำดีๆ กลับไป อย่างแม่ลูกคู่หนึ่งที่มาซื้อสติกเกอร์ที่ร้าน แล้วเด็กหญิงตัวน้อยก็เดินออกมาด้วยความตื่นเต้น พร้อมสีหน้ายิ้มแป้น ดูใจฟูมากๆ หรือบางคนบอกน้องเนยทำให้อาการซึมเศร้าเบาลง และดีขึ้นตามมา
เรียกได้ว่า Butterbear นั้นเป็นมากกว่าร้านขนม ที่ไม่ใช่แค่นำเสนอ Branding แต่เน้น "Customer Experience" อย่างแท้จริง ในมุมที่ว่าลูกค้ามาแล้วจะได้ความสุขกลับไปเป็นของขวัญด้วยนั่นเอง
“น้องเป็นแบบนี้มาตั้งแต่วันแรก แต่ที่ดีใจกว่าว่าคนพูดเป็นเสียงเดียวกันว่าน้องเนยช่วยฮีลใจเขา มอบความสุขให้เขา เห็นแล้วมีความสุข เวลาเครียดๆ มาดูน้องแล้วฮีลใจ ปรากฏการณ์นี้มันดีจริงๆ ค่ะ” - คุณบูม ธนวรรณ เจ้าของ Butterbear
###
2. จากความชอบสู่ “ความผูกพัน”
- การสร้างภาพจำ ซ้ำๆ ต่างๆ ที่ทางทีมงานได้ใส่ไว้ใน MV และคอนเทนต์ต่างๆ ก็มีผลมากต่อการเปลี่ยนแปลงความรู้สึกในจิตใต้สำนึก ด้วยการใช้สีที่เป็นโทนเหลืองอ่อนละมุน สีแห่งความสว่างและอบอุ่น เป็นสีหลักของมาสคอตและแบรนด์ Butterbear
การสอดแทรกใส่โลโก้แบรนด์ให้เห็นอยู่ตลอดเพื่อเป็นการย้ำว่าเมื่อเห็นสีนี้ต้องคิดถึงถึงแบรนด์ทันที รวมทั้งการสร้างความรู้สึกจากเรื่องราวใน MV การใช้องค์ประกอบ สิ่งของ อาหารที่อาจจะดูคล้ายสินค้าในร้าน การทำท่าทางต่างๆ การใช้เสียงเด็กที่น่าเอ็นดู ที่เป็นแครักเตอร์ของน้องเนย ทั้งหมดนี้ก็เพื่อทำให้พวกเราทุกคนตกหลุมรักน้องทันทีโดยไม่ต้องขอ
###
3. “ความฝันที่มีชีวิต”
- อีก 1 ความแตกต่างที่ทาง Butterbear ทำสำเร็จ คือการทำให้คนเชื่อว่าน้อง “มีอยู่จริง” ด้วยการให้มุมมอง ให้ชีวิต ให้เรื่องราว ให้ทัศนคติ และทำทุกอย่างนั้นไปให้สุด เป็นสิ่งที่ร้านขนมแบบเดียวกันไม่เคยทำมาก่อน
อย่างใน MV น่ารักมั้ยไม่รู้ ทั้งสถานที่ที่เป็นภาพที่ถ่ายทำจริงทั้งหมด น้องหมีเนยก็เล่นเองจริงๆ ไม่ได้เป็น 3D เหมือนกับในเพลงแรก เป็นการบอกว่า “น้องมีอยู่จริง” และ “จับต้องได้“ เหมือนเด็กหญิงตัวน้อยคนหนึ่งที่กำลังสดใส ไร้เดียงสา อยากพาทุกคนมาสัมผัสโลกของเธอไปด้วยกัน
ตั้งแต่กิจวัตรประจำวัน การตื่นนอน, แปรงฟัน, ไปโรงเรียน, ทำขนม, มีการถ่ายทอดอารมณ์หลายด้านผ่านหน้าเปื้อนรอยยิ้มพิมพ์ใจและอิริยาบถ การกระทำต่างๆ พาให้รู้สึกอบอุ่น มีความสุข เหงา เศร้า คิดถึงตามไปกับเธอ
หรือในคอนเทนต์ ตลอดจนกิจกรรมแคมเปญต่างๆ ในชีวิตจริง ก็สื่อให้เห็นถึง 2 แง่มุมหลักด้วยกันคือ
.
.
3.1 ความสุขสดใสในวัยเด็ก
- ที่เรียบง่าย ไร้การปรุงแต่งใดๆ และเคยสนุกแค่ไหนกับการได้มีเพื่อนตุ๊กตาอยู่ข้างๆ โดยเฉพาะ "ตุ๊กตาหมี" เพื่อนรักคู่ใจตอนนั้นที่มักจะรับจบ เป็นทุกอย่างให้เราเสมอ ทั้งเพื่อนเล่นไปไหนไปกัน เวลาไม่รู้จะบอกอะไรใคร ก็มีน้องคอยรับฟัง แม้จะเป็นการคุยฝ่ายเดียว แต่มันก็รู้สึกดีที่มีเขาอยู่ข้างในทุกวัน
กับน้องเนยก็เช่นกัน ไม่สำคัญว่าคนข้างในชุดจะเป็นใคร แต่อยู่ที่คุณค่าแห่ง "ความสุขข้างใน" ซึ่งส่งผ่านห้วงเวลาดีๆ ของน้องและมัมหมีทุกคนเสมอมา แค่เปลี่ยนจากตุ๊กตามาในรูปแบบมาสคอตมีชีวิตที่ชัดเจนขึ้นนั่นเอง ถึงขนาดมีแฟนคลับมัมหมีรุ่นเด็กมาถามในไลฟ์ว่า “หมีเนยเป็นหมีจริงๆ ใช่มั้ยคะ?”
3.2 จินตนาการสำคัญดั่งความรัก
- ย้อนกลับไปตอนเด็กๆ ดีแค่ไหนที่ตอนนั้นเราได้ปล่อยใจให้ล่องลอย คิดฝัน สรรสร้างเรื่องราวอะไรได้มากมายจากสิ่งที่เห็น ทั้งคิตตี้ที่ไม่มีปาก เพื่อให้บรรดาเด็กหญิงได้คิดจินตนาการอารมณ์เอาเอง ทั้งการมองไปนอกหน้าต่างเห็นกระรอกวิ่งบนสายไฟก็ตื่นเต้น เห็นหมู่มวลก้อยเมฆบนท้องนภาอันกว้างไกลที่เติมแต่งกลายเป็นนิทานได้หลายเรื่อง
เฉกเช่นน้องเนยที่สามารถเป็นอะไรก็ได้ที่เราอยากให้เป็น เห็นอะไรก็ตามที่เราอยากจะแนะนำและนิยามออกมา โดยทุกคอนเทนต์ ทุกอิริยาบถที่ทำ ก็มาจากแนวคิด "Customer Centric" ซึ่งทุกอย่างล้วนมาจากอินไซต์ข้อมูลที่มัมหมีช่วยกันเสนอมา แล้วพัฒนาต่อยอดทั้งแครักเตอร์ ท่าทาง จริตนก้าน แฟชั่น กิจกรรม มีการเปลี่ยนชุดไปเรื่อยๆ เสื้อผ้าหน้าผ้าโพกหัวจัดเต็ม ทีมงานคอสตูม ทำงานกันฉ่ำๆ เต็มที่ ไม่มีที่จะเก็บแล้ว ก็ยังเติมได้ไม่มีขาด
หรือพอมีคนถามว่าวันธรรมดาน้องหายไปไหน เลยบอกน้องไป รร. ทำคอนเทนต์เป็น Story ว่าไปจริง ด.ญ.น้องเนย ห้องทานตะวัน มีการบ้านส่งครู ระหว่างทางที่ไม่ได้มาร้าน ก็จะอัปเดตชีวิตน้องให้ทางออนไลน์นะ ใน OPC มีใครแนะนำอะไรมา คุณบูมกับทีมก็จะพยายามไถดูให้ได้มากที่สุด แม้แชทจะแตกเพียงใด ทั้งหมดล้วนสื่อถึงความใส่ใจเสียงของลูกค้า ไม่ได้เมคขึ้นมาเอง เรียกได้ว่าเป็นแบรนด์ที่สร้าง Engagement ระหว่างร้านกับลูกค้าได้ดีจริงๆ เป็นเพื่อนรักของทุกคน ทุกเพศ ทุกวัย และเป็นได้ทุกจินตนาการ
ซึ่งทุกความสำเร็จนั้นไม่ได้เกิดขึ้นในวันเดียว เมื่อย้อนไปจากวันแรกที่เปิดร้านแล้วน้องยังไม่เป็นที่รู้จัก คนเดินผ่านมาก็ผ่านไป ไม่ได้สนใจ คุณบูมเลยมาคิดว่าแล้วจะทำยังไงให้รู้จักน้องกับขนมของร้านมากขึ้น มีทำการตลาดออนไลน์ ทำมีม มากระตุ้นความสนใจแบรนด์เพิ่ม ค่อยๆ คิด วิเคราะห์ พัฒนาเพิ่มเติม ลองผิดลองถูกมาเรื่อยๆ ก่อนจะมาถึงคลิปไวรัลวันเด็ก
“เราไม่ได้มีกลยุทธ์เหนือชั้นอะไรเลยค่ะ
แค่อยากทำให้คนรู้สึกมีความสุขนะ
แล้วความรู้สึกนี้มันจะส่งต่อกันยังไงได้บ้าง?
มีอะไรที่ร้านขนมปกติไม่ได้ทำ?
.
.
ซึ่งความสุขนั้นมีหลายรูปแบบ
ผ่านประสาทสัมผัสทั้ง 5
รูป รส กลิ่น เสียง สัมผัส
แบรนด์เลยมุ่งที่จะเติมเต็ม
ทุกสัมผัสความสุขนั้น
เกิดเป็นทั้ง MV ขนม เพลง และตัวน้องเนย
ทุกอย่างรวมกันได้ความรู้สึกนี้
.
.
เรื่องแฟนมีต ถ้าแฟนคลับอยากให้ทำ จัดได้
เราทำคอนเท้นต์ผ่านสิ่งที่แฟนคลับเรียกร้องมาตลอด
ค่อยๆ ทยอยทำตามสิ่งที่ทุกคนอยากได้มากที่สุด
คุณบูม
ก็ถือเป็นอีก 1 จุดประสงค์หลักจากทางแบรนด์เลยที่ทำได้สำเร็จไปอีกขั้น ในการยกระดับจาก “มาสคอต” เป็น “ไอดอล” สาวจอมทะเล้นน่ารัก
“น้องหมีเนย” จึงเปรียบเสมือนภาพสะท้อนของเพื่อนในจินตนาการวัยเด็กให้ออกมาเป็นความจริง ซึ่งผมก็เชื่อว่านั่นก็เป็นตัวตนของคุณบูมเช่นกัน มันเป็นภาพจำของการให้ การมอบความสุข การจะเป็นอะไรก็ได้ที่อีกคนจะจินตนาการ สิ่งนี้คือความชัดเจนและมั่นคงในความคิด เป็นหนึ่งในเคล็ดลับความสำเร็จ
ทำให้ตอนนี้ทุก movement ของน้องเนยนั้นดูน่าสนใจและน่าติดตามจริงๆ กับเส้นทางในบทบาทการเป็นไอดอลมาสคอตสาวแห่งวงการ T-Pop ไม่แน่ว่าวันหนึ่งเราอาจได้เห็นศิลปินในรูปแบบอื่นๆ (นอกจากมนุษย์) มากขึ้นก็ได้ ทั้ง AI และมาสคอต ที่กำลังจะเข้ามาขยายจินตนาการตรงนี้ให้กว้างไกลขึ้นไปอีกหลายขั้น อาจมีเรื่องราวเหล่านั้นที่ได้ฟังผ่านบทเพลง
.
.
.
“น่ารักมั้ยไม่รู้ แต่รอให้รักอยู่นะรู้มั้ย
ดูแลแบบไม่พัก เพราะหวังได้รักไม่ใช่ผลักไส
ได้ได้เป็นแค่ only friend
ไม่จำเป็นต้อง only แฟน
ได้ควงแขนเวลาเธอเหงาก็โอเค
ก็ไม่โดนเทแล้วหัวใจ,,,”
ขอบคุณภาพจาก: Butterbear.th
เขียนโดย: "แอด hAAt0"
โฆษณา