10 ก.ค. เวลา 03:20 • ความคิดเห็น
เรื่องของความสุข สุขกาย สุขใจ มันฟังดูง่าย .. แต่ทำยาก ..เพราะกายนั้น มันไม่เที่ยง กายนั้น เป็นเป็นแหล่งสะสมอารมณ์ ให้จิตที่อาศัยได้เรียนรู้ ได้ศึกษา ..ในสิ่งที่เป็นอารมณ์โลภโกรธหลง อารมณ์พอใจไม่พอใจ ชอบไม่ชอบ..เมื่อมันเกิดขึ้น ..ที่กาย.. หากจิตรู้จักอารมณ์ ที่เป็นไฟต่างออกไปได้ ..กายนั่นก็สงบ จะว่ากายนั้นเป็นสมถะ สงบ..ไม่มีอารมณ์
..จิตที่อาศัยอยู่กายก็ไม่ถูกไฟที่เร่าร้อน เช่นตัณหา ราคะอะไรต่างๆ กายก็เป็นสุข ใจก็เป็นสุข ..จิตที่อาศัยในเรือนกายก็เป็นสุข ..สุขที่กายนี้ ไม่มีอารมณ์มาแผดเผา ..ไม่มีอารมณ์ไปดึงตัวกระทำสีดำ ขึ้นมา ..ให้กิริยากายวาจาใจ ไปตามอารมณ์กรรมตัวกระที่เกิดขึ้น กายก็เป็น กายกรรมไม่มี ..
เค้าจึงบอกให้ ทำกายที่มีแต่กรรม ทำกายนี้ให้เป็นกายบุญ จิตที่อาศัยอยู่ในกายบุญ ก็เป็นสุขมีกำลัง ..แล้วก็นำกายบุญนั้น มาปฏิบัติธรรมคลี่คลายกรรม ที่ไหลออกมาจากธาตุทั้งสี่ ชำระสะสางออกไป ให้เป็นกายบารมี แล้วก็กายบารมี ..รวบรวมกาย ขันธ์ทั้งห้า วิญญาณทั้งหก มาเป็นธรรม ..จิตก็จะเป็นสุข สุขของธรรมเกิดขึ้น . สุขกายสุขใจ สุขที่กายนั้น ไม่มีอารมณ์ปรุงแต่ง..สุขที่กายเป็นธรรม กายก็นิ่ง จิตก็นิ่งได้ เป็นบรมสุขที่กายเป็นธรรม จิตเป็นธรรม
..สิ่งต่างๆเหล่านี้ จะเกิดขึ้นมาได้ ก็ต้องอาศัยจิตที่มีปัญญาธรรม ต้องค่อยพัฒนาปัญญาของจิตมีกรรม ปฏิบัติธรรมเพื่อเสาะแสวงหาหาธรรม ให้จิตนั้น ตื่นขึ้นมา แก้ไขทั้งกายวาจาใจ ..ให้อยู่ในรอยของธรรม ..รอยของผู้ที่ไปแล้วไม่กลับมา ..มาเกิดมาตายกันอีก
..พอแล้ว.กับการเกิด ..ยุติการเกิดเสียได้ ไม่มีอะไรให้เกิด ให้ยึดถือ ..ไม่ต้องมีหนี้สิน มีบัญชีที่เป็นกรรม ..มีหนี้เวรหนี้กรรมอีกต่อไป ..ทำไปเพื่อยุติการเกิด ..ให้มันเกิดน้อยลงๆ จนหยุดเกิด..มีสถานที่ใด ..ที่เหมาะสมให้จิตของผู้ที่ไม่เกิดได้อาศัย .. ให้จิตที่เป็นแก้วเจียระไน ได้อาศัย ..
นั่นแหละ ..เป็นความสุขที่เราอยากจะทำให้ได้ ..ไม่รู้ว่าชาติไหน..
โฆษณา