12 ก.ค. เวลา 11:00 • ข่าวรอบโลก

EU ปรับความปลอดภัยอาหาร กระทบอาหารเกษตรเวียดนาม

เมื่อวันที่ 11 มิถุนายน ที่ผ่านมา สหภาพยุโรป (EU) ได้ออกระเบียบ Commission Implementing Regulation 2024/1662 ที่รวมถึงการยกเว้นบะหมี่สำเร็จรูปของเวียดนามจากการควบคุมความปลอดภัยอาหารที่เข้มงวด โดยก่อนหน้านี้ EU ได้จัดให้บะหมี่สำเร็จรูปของเวียดนามอยู่ภายใต้การควบคุมความปลอดภัยอาหารด้วยอัตราความถี่การตรวจสินค้าขาเข้า 20% เนื่องจากพบสารเอทิลีนออกไซด์ตกค้างในสินค้าปริมาณเกินกว่าที่กฎของ EU กำหนด
นอกจากนี้ EU ยังได้ปรับกฎระเบียบการตรวจสอบสำหรับผลผลิตการเกษตรอื่น ๆ จากเวียดนาม ดังนี้
แก้วมังกร: อัตราความถี่ของการตรวจสอบ ณ ชายแดน เพิ่มจาก 20% เป็น 30%
พริกไทย: อัตราความถี่ของการตรวจสอบคงเดิมที่ 50% แต่จำเป็นต้องมีใบรับรองความปลอดภัยอาหารและผลการทดสอบยาฆ่าแมลงที่ตกค้างในผลิตผล
กระเจี๊ยบ: อัตราความถี่ของการตรวจสอบยังอยู่ที่ระดับ 50% และต้องมีใบรับรองความปลอดภัยอาหารและผลการทดสอบยาฆ่าแมลงที่ตกค้างในผลิตผล
ทุเรียน: อัตราความถี่ของการตรวจสอบยังอยู่ที่ระดับ 10%
การส่งออกสินค้าอาหารเกษตรไปยังตลาดที่มีมาตรฐานสูงอย่าง EU อาจเป็นความท้าทายสำหรับบริษัทต่าง ๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากต้องการขยายไปยังตลาดที่มีมูลค่าสูงขึ้น ดังนั้นการติดตามข่าวสารเกี่ยวกับกฎระเบียบใหม่ ๆ อยู่เป็นประจำนั้นมีความสำคัญสำหรับธุรกิจอาหารเกษตร เพื่อรักษาคุณค่าแบรนด์ของบริษัท อีกทั้งการประสบความสำเร็จที่ได้การยอมรับตามมาตรฐานของตลาดเหล่านี้ยังส่งผลดีต่อการรับรู้ของผู้บริโภคจากประเทศผู้ผลิตสินค้าด้วย
ทั้งนี้ ตลาด EU มีความสำคัญอย่างมากต่อการส่งออกของเวียดนาม โดยเฉพาะอย่างยิ่งในภาคเกษตรกรรมและอาหาร โดยการส่งออกภาคการเกษตรไปยังตลาด EU อยู่ที่ราว 5,500 ล้านดอลลาร์สหรัฐต่อปี คิดเป็น 15% ของมูลค่ารวมของสินค้าการเกษตรของเวียดนามทั้งหมด โดยตลาด EU เป็นตลาดที่ใหญ่เป็นอันดับที่ 3 ที่เวียดนามส่งออกสินค้าการเกษตร รองจากประเทศจีนและสหรัฐฯ
แม้ว่าการค้าระหว่างกันจะเติบโตในไม่กี่ปีที่ผ่านมา สินค้าจากเวียดนามมีสัดส่วนเพียงแค่ 4% ของการนำเข้าสินค้าการเกษตรของ EU ซึ่งการนำเข้าสินค้าทางการเกษตรของ EU มีมูลค่าประมาณ 160,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐต่อปี ถือว่าเป็นอากาสทางธุรกิจอันมหาศาลของผู้ส่งออกอาหารเกษตรของเวียดนาม
ทั้งนี้ หลังจากความตกลงการค้าเสรี สหภาพยุโรป-เวียดนาม มีผลบังคับใช้ในวันที่ 1 สิงหาคม ปี 2563 โดย EU ได้ยกเว้นภาษีนำเข้าสินค้าแก่เวียดนามเป็นสัดส่วน 94% ของรายการสินค้าที่มีการค้าระหว่างกันทั้งสิ้น 547 รายการ สำหรับผักและผลไม้สดและแปรรูปจากเวียดนามซึ่งทำให้เวียดนามได้เปรียบทางการแข่งขันด้านการส่งออกเมื่อเปรียบเทียบกับประเทศเพื่อนบ้าน เช่น ประเทศไทยและจีน เนื่องจากทั้ง 2 ประเทศไม่มีความตกลงการค้าเสรีกับ EU
โฆษณา