10 ก.ค. 2024 เวลา 05:36 • ข่าว

รู้จัก “No Spend Challenge”เทรนด์ฮิตที่ชวนคนมาหยุดซื้อ ใช้เท่าที่จำเป็น กินไม่หรู อยู่อย่างประหยัด

ทำงานเหนื่อยขนาดนี้ขอเปย์ตัวเองหน่อยแล้วกัน! ขึ้นชื่อว่าในยุคที่สังคมมีความไม่แน่นอน และไม่สามารถคาดเดาอนาคตได้ ใครหลายคนจึงต่างไขว่คว้าหาความสุขให้กับตัวเอง และสิ่งหนึ่งที่ดูเหมือนกับว่าจะตอบโจทย์ได้ดีที่สุด ก็คือ การใช้เงินซื้อ “ความสุข” นั่นเอง
จนเกิดวลีที่ว่า “อดตายไม่ว่า แต่เสื้อผ้าห้ามซ้ำ” “ตัดใจไม่เก่ง เท่าตัดบัตร” หรือแม้กระทั่ง “เงินกินไม่ค่อยมี CF แต่ละทีนึกว่าคุณหนูดูไบ” ทั้งหมดนี้คือเทรนด์ช็อปปิ้งที่เรามักจะเห็นกันอยู่ทั่วไป
แต่ด้วยสถานการณ์เศรษฐกิจปัจจุบันยังคงมีความไม่แน่นอน รวมทั้งปัจจัยเสี่ยงด้านภูมิรัฐศาสตร์ และสงครามการค้า กำลังซื้อชะลอตัว แม้ว่าเงินเฟ้อไทย ล่าสุดจะพลิกกลับมาลดลง 0.62% รั้งอันดับ 23 ของโลกแล้วก็ตาม
ทำให้จากเดิมที่คนส่วนใหญ่จะใช้เงินแบบไม่สนอนาคต ตอนนี้ได้มีการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมมาใช้เงินอย่างประหยัดมากขึ้น จนทำให้เกิดเป็นเทรนด์ใหม่ที่ชื่อว่า No Spend Challenge หรือ No Buy Month ใครจ่ายน้อยกว่า เจ๋งสุด!
โดยเป็นการท้าแข่งกันเซฟเงิน ลดการซื้อของที่ไม่จำเป็น จนเป็นกระแสไปหลายประเทศ เพราะเข็ดขยาดกับการเป็นหนี้เกินตัวจากการเปย์ตามอารมณ์
ทั้งนี้ แม้ Challenge นี้จะช่วยฝึกนิสัยการจัดการเงินที่ดี แต่การหักดิบ ห้ามใจไม่ให้ซื้ออะไรเลยเป็นเวลานานๆ ก็อาจทำให้อึดอัดจนเกิดโยโย่เอฟเฟกต์ กลับมาเปย์กระหน่ำหนักกว่าเดิมทีหลัง แล้วเราจะอยู่กับวิถีนี้ไปได้ยาวๆ ได้อย่างไร มาดูกัน
1. คิดจะเปย์…คิดถึงเป้าหมาย
จะต้องมีการตั้งเป้าหมายและกำหนดจำนวนเงินที่ต้องเก็บ ก่อนจะย่อยเป้าหมายเป็นเงินเก็บรายเดือน ที่เหลือแบ่งไว้ใช้จ่ายตามไลฟ์สไตล์ที่ชอบบ้าง ที่สำคัญคือ “เก็บก่อนใช้” เงินเดือนออกก็โอนเงินย้ายไปบัญชีเงินเก็บ จะได้ไม่เผลอใจ พอทำได้แล้วค่อยๆ ตั้งเป้าหมายเงินเก็บต่อเดือนเพิ่มขึ้น เป็นการขยับ Challenge ไปทีละนิด แม้จะไม่ได้หักดิบ แต่ก็ถือว่าได้ผลดีเลยทีเดียว
1
2. ไม่เล่นใหญ่ ค่อยๆ ไปทีละนิด
การห้ามตัวเองให้หยุดช็อปทั้งเดือน อาจทำให้ท้อจนต้องล้มเลิก หรือเก็บกดจนเบื่อหน่ายกับชีวิต ดังนั้นเราต้องลองเปลี่ยนเป็นเริ่มตั้งเป้าเล็กๆ จากไม่กี่วัน แล้วขยับไปเป็นสัปดาห์ ถ้าไหวค่อยก้าวไปสู่หลักเดือน แล้วชวนเพื่อนมาทำไปด้วยกัน จะได้ยืดเวลาการทำชาเลนจ์ต่อไปแบบไม่เครียด แถมยังสนุกไปกับมันอีกด้วย
3. ห่างกันสักพักกับโลกออนไลน์ กด Wishlist ก่อนกดเปย์
แน่นอนว่าบนโลกออนไลน์มีแต่ของล่อตาล่อใจให้ซื้อ โดยเฉพาะ Mega Sale Days เทศกาลลดราคา ที่จัดขึ้นในวันพิเศษต่างๆ เช่น 6.6, 7.7 ซึ่งเราอาจจะต้องลองเว้นวรรคจากการส่องรีวิว หรือกดของที่อยากได้ใส่ตะกร้า หรือ Wishlist ทิ้งไว้ก่อน ผ่านไป 1-2 อาทิตย์ แล้วค่อยกลับมาดูว่ายังอยากได้เท่าเดิมไหม ทั้งหมดนี้ก็เพื่อลดอาการมือลั่น กดสั่งตามอารมณ์ หรือความเครียดไปได้บ้าง
4. ย้อนวันวานให้กลับมาเก๋า ผ่านการปัดฝุ่นไอเทมเก่า ให้กลับมาใหม่
เสื้อผ้าเต็มตู้ แต่บอกไม่มีชุดใส่! แน่นอนว่าทุกบ้านคงจะเจอบ่อยครั้งกับการหาชุดไม่ได้ แม้ในตู้จะแน่น ดังนั้นเทรนด์นี้จะเป็นการชาเลนจ์โดยใส่ไอเดียในการมิกซ์แอนด์แมตช์เข้าไป ทำให้สิ่งของที่เรามีอยู่กลับมาดูเก๋มีสไตล์ไม่เหมือนใครอีกครั้ง แถมไม่ต้องเสียเงินซื้อของใหม่ด้วย
5. ชาเลนจ์ 700 บาท ใน 1 เดือน
ชาเลนจ์นี้จะเป็นการออกมาโพสต์ใน TikTok ถึงการใช้เงินใน 1 เดือน ด้วยงบที่แตกต่างกันออกไป บ้างก็เป็นการบอกเล่าเรื่องราวผ่านการทำอาหาร บ้างก็เป็นการบอกเล่าเรื่องราวผ่านการเดินทาง ซึ่งแต่ละชาเลนจ์เรียกได้ว่าไม่ง่ายเลยทีเดียว
อ้างอิง UOB
โฆษณา