ประวัติพระคาถา "พญาไก่เถื่อน" 🙏😇🤍

พระคาถาพญาไก่เถื่อนนี้ ผู้ใดภาวนาได้ 3️⃣ เดือนทุกๆวันโดยไม่ขาด ผู้นั้นจะมีปัญญาดั่งพระพุทธโฆษาฯ และไก่ป่านี้ขันขานไพเราะนัก
ด้วยอำนาจแห่งพระคาถาพระยาไก่เถื่อนให้สวด 3️⃣ จบ จะไปเทศน์ ไปสวด ไปร้อง หรือไปเจรจาสิ่งใดๆ ดีนัก มีตบะเดชะนัก
ถ้าแม้นสวดได้ 7️⃣ เดือน อาจสามารถรู้ใจคน เหมือนดังไก่ป่ารู้กลิ่นตัวคนฉะนั้น ถ้าสวดครบ 1️⃣ ปีจะมีตบะเดชะเหนือกว่าคนทั้งหลายทั้งปวง แม้จะเดินทางไกลให้สวด 8️⃣ จบ เหมือนไก่ขันยาม เป็นสวัสดีกว่าคนทั้งหลาย
ใช้เสกหิน เสกแร่ ไว้ 4️⃣ มุมเรือน โจรผู้ร้ายไม่เข้าปล้นเหมือนไก่ป่าไม่ทิ้งรัง แม้ผีร้ายเข้ามาในเขตบ้าน ก็คร้ามกลัวยิ่งนัก เสกข้าวสารปรายหนทางก็ดี ประตูก็ดี ผีกลัวยิ่งนัก คนเดินไปถูกเข้าก็ล้มแล แพ้แก่อำนาจเรา
พระคาถานี้ได้เมื่อพระกกุสันโธเสวยพระชาติเป็นไก่ป่า เป็นอาการ 3️⃣2️⃣ ของพระพุทธเจ้าทั้ง 5️⃣ พระองค์ คือ
1️⃣ พระกกุสันโธ
2️⃣ พระโกนาคมโน
3️⃣ พระกัสสโป
4️⃣ พระโคตโม
5️⃣ พระศรีอริยเมตไตย
 
พระคาถาบทนี้ ถ้าจำเริญภาวนา จะมีอานุภาพมาก ผู้ใดภาวนาเป็นนิจสิน จะเกิดลาภยศมิรู้ขาด ทำมาค้าขึ้น ทำนา ทำสวน ทำไร่ เจริญงอกงามดี ทั้งทำให้บังเกิดสติปัญญาด้วย
ถ้าเดินทางไปทางบกหรือเข้าป่า สวดภาวนาให้คลาดแคล้วจากภัยอันตรายดีนักแล ในบั้นปลายก็จะบรรลุพระนิพพานด้วยเมตตาบารมีนี้เอง
พระคาถาพญาไก่เถื่อน เป็นพระคาถานำพระคาถาทั้งปวง ใช้ในทางสำเร็จประโยชน์ ผู้ใช้พระคาถานี้ ต้องมีสมาธิจิตเป็นเอกัคตาจิตขั้นสูง ถึงเมตตาเจโตวิมุตติ จึงจะใช้พระคาถานี้ได้ เพราะเป็นพระคาถามหาเมตตา "ปลดปล่อยสัตว์ และปลดปล่อยจิตตัวเอง"
พระคาถาพญาไก่เถื่อน เกี่ยวเนื่องกับไก่ป่ามากมาย และทรงกล่าวกับพระอริยเถราจารย์ครูบารุ่งเรืองว่า ไก่ป่านี้ปราดเปรียวคอยหนีคน หนีภัยอย่างเดียวเหมือนกับจิตของคน ไก่ป่าเชื่องคนยาก เหมือนจิตของคนเราก็เชื่องต่ออารมณ์ยากมากเหมือนกัน
ไก่ป่าแม้เสกข้าวด้วยเมตตาให้กิน แรกๆมันก็จะไม่กล้าเข้ามาหาคน นานๆเข้าจึงจะกล้าเข้าหาคนเหมือนจิตคนเราก็ชอบท่องเที่ยวไปไกลตามธรรมารมณ์ต่างๆ ฝึกตั้งจิตเป็นสมาธิแรกๆนั้น จิตมักจะอยู่พักเดียวก็เตลิด ต่อนานๆไปเมื่อจิตชินต่ออารมณ์ดีแล้ว จึงจะเชื่องและตั้งมั่นเป็นสมาธิ
พระอริยเถราจารย์ครูบารุ่งเรือง ถามพระอาจารย์สุกอีกว่า พระคาถาไก่เถื่อน 4️⃣ วรรค แต่ละวรรค กลับไป–กลับมา เป็นอนุโลม–ปฏิโลม หมายถึงอะไร?
พระอาจารย์สุกท่านตอบว่า แต่ละวรรคหมายถึง "โลกธรรม 8️⃣"
วรรค 1️⃣ หมายถึง มีลาภ เสื่อมลาภ
วรรค 2️⃣ หมายถึง มียศ เสื่อมยศ
วรรค 3️⃣ หมายถึง มีสรรเสริญ ก็มีนินทา
วรรค 4️⃣ หมายถึง มีสุข ก็มีทุกข์
"ทุกอย่างย่อมแปรปรวน มีดี และมีชั่ว ไม่แน่นอน ไม่ควรยึดติด มีหยาบ มีละเอียด"
ต่อมาพระอาจารย์สุก ทรงยกองค์คุณแห่งไก่ปา ในมิลินท์ปัญหามาให้พระอริยเถราจารย์ครูบารุ่งเรืองฟังว่า ผู้ที่จะได้บรรลุมรรคผล นิพพาน ต้องประกอบด้วยคุณสมบัติอันเปรียบเทียบได้กับองค์คุณแห่งไก่ หรือไก่ป่า มี 5️⃣ ประการดังนี้ คือ
1️⃣ เมื่อเวลายังมืดอยู่ ก็ไม่บินลง หากิน
2️⃣ พอสว่าง ก็บินลง หากิน
3️⃣ จะกินอาหาร ก็ใช้เท้าเขี่ยเสียก่อน แล้วจึงจิกกิน
4️⃣ กลางวันมีตาใสสว่างเห็นอะไรได้ถนัดแต่เวลากลางคืนตาฟางคล้ายคนตาบอด
5️⃣ เมื่อถูกเขาขว้างปา หรือถูกตะเพิดไม่ให้เข้ารัง ก็ไม่ทิ้งรังของตน
นี้เป็นองค์คุณ 5️⃣ ประการของไก่ผู้มุ่งมรรคผล ต้องประกอบให้ได้กับคุณสมบัติอันเปรียบเทียบได้กับองค์คุณเหล่านี้คือ
1️⃣ เวลาเช้าปัดกวาดที่อยู่ และจัดตั้งเครื่องใช้สอยไว้ให้เรียบร้อย อาบน้ำชำระกายให้สะอาด บูชากราบไหว้ปูชณียวัตถุ และวัฒบุคคล
2️⃣ ครั้นสว่างแล้ว จึงกระทำการหาเลี้ยงชีพ ตามหน้าที่แห่งเพศของตน
3️⃣ พิจารณาก่อน แล้วจึงบริโภคอาหาร ดังพุทธภาษิตว่า ผู้บริโภคอาหารพึงพิจารณา เห็นเหมือนคนบริโภคเนื้อบุตรของตน ในทางกันดารแล้วไม่มัวเมา มุ่งแต่จะทรงชีวิตไว้ เพื่อทำประโยชน์สุขแก่ตนและผู้อื่น
4️⃣ ตาไม่บอด ก็พึงทำเหมือนคนตาบอด คือไม่ยินดี–ยินร้าย ดุจภาษิตที่พระมหากัจจายนะกล่าวไว้ว่า
– มีตาดี ก็พึงทำเป็นเหมือนคนตาบอด
– มีหูได้ยิน ก็พึงเป็นเหมือนคนหูหนวก
– มีลิ้นเจรจาได้ ก็พึงเป็นเหมือนคนใบ้
– มีกำลังก็พึง เป็นเหมือนคนอ่อนเพลีย
เรื่องร้ายเกิดขึ้น ก็พึงนอนนิ่งเสีย เหมือนคนนอนเฉยอยู่ฉะนั้น
5️⃣ จะทำ จะพูด ไม่พึงละสติ–สัมปชัญญะ ประหนึ่งไก่ป่าไม่ทิ้งรังฉะนั้น ถ้าปฏิบัติได้อย่างนี้จะบรรลุมรรคผล นิพพาน
#ทางสายกลาง
#ขอให้ทุกคนพ้นทุกข์บรรลุสู่นิพพาน
#บันทึกไว้whatilearned
โฆษณา