11 ก.ค. เวลา 07:20 • บันเทิง

นิทานโลกแฟนตาซี เรื่อง พ่อมดบราวน์

เรื่องราวที่มีจุดเริ่มต้น ที่เกิดขึ้นอยู่ในผืนป่ากรีนวู้ด ป่าที่เต็มไปด้วยต้นโอ๊คและต้นเมเปิ้ล ที่ขึ้นเรียงรายสลับกันไปมา แต่ท่ามกลางบรรดาต้นไม้ ที่ร่มรื่นทั้งหลาย ภายในผืนไพรแห่งนี้ ยังแฝงไว้ด้วยพวกสิงสาราสัตว์ ทั้งสัตว์น้อยสัตว์ใหญ่
รวมไปถึงบรรดาสิ่งมีชีวิตในตำนาน ที่มีรูปร่างหน้าตาแปลกประหลาดพิสดาร ซึ่งไม่สามารถพบเจอได้ในโลกยุคปัจจุบัน ไม่ว่าจะเป็นม้ายูนิคอร์น ที่มีเขาอยู่กลางหน้าผาก ม้าเพกาซัส ม้าที่มีปีกเป็นนก ที่สามารถบินไปไหนก็ได้ และยังมีเหล่ากริฟฟิน ซึ่งเป็นสัตว์ผสมระหว่างนกอินทรีย์กับสิงโต
นอกจากจะเป็นผืนป่า ที่มากไปด้วยเหล่าสัตว์ ที่ดูแปลกหูแปลกตาแล้ว หากเดินเลาะขึ้นไปทางเหนือของดินแดนแห่งนี้ สายตาทั้งสองข้าง จะมองเข้าปะทะกับหุบเขาลูกหนึ่ง แต่ทว่าหุบเขาลูกนี้ ช่างมีรูปร่างประหลาดตาซะเหลือเกิน เพราะตัวหุบเขานั้น จะมีลักษณะเป็นรูปงาช้างคู่หนึ่ง ที่ตั้งอยู่ห่างกัน ในระยะเเค่ไม่กี่เมตร
บริเวณรอบๆหุบเขา ยังปกคลุมไปด้วยต้นหญ้าเมธัส มันคือหญ้าวิเศษในตำนาน ที่สามารถช่วยสมานรอยแผล ที่อยู่ตามร่างกาย ให้หายสนิทเป็นปลิดทิ้ง เพียงแค่นำเอาหญ้าเมธัส ไปลูบและทาตรงจุดที่ร่างกายมีรอยแผล จากนั้น เพียงแค่อึดใจเดียว แผลที่กำลังฟกช้ำ ก็จะจางลงและหายสนิทในทันที แต่สิ่งที่น่าอัศจรรย์ไปกว่านั้น เกี่ยวกับหญ้าวิเศษชนิดนี้ นั่นก็คือ พอตกกลางคืน หญ้าทุกเส้นจะกลายสถาพเป็นลำแสงสีเขียวมรกต ที่ส่องสว่างเป็นประกาย ทำให้ทั่วทั้งบริเวณผืนไพรแห่งนี้ เกิดความสว่างไสวอยู่ตลอดเวลา
ในความอัศจรรย์ที่เหนือธรรมชาติ แท้จริงแล้ว หุบเขาแห่งนี้ คือที่อยู่อาศัยของพ่อมดผู้วิเศษผู้หนึ่ง เขามีขนาดรูปร่างที่สูงอยู่ราวๆ 150 ซม. ผิวพรรณของเขาขาวราวกับหิมะ นัยน์ตาทั้งสองข้าง ที่แลดูเป็นประกายของเขา นั้นเป็นสีม่วงอำพัน โดยเฉพาะ บรรดาเส้นผม ที่อยู่บนศีรษะ รวมถึงหนวดเคราอันยาวดกของเขา ที่ถูกย้อมทับด้วยสีน้ำตาลเข้ม ก็เพราะเส้นผมและหนวดเครา ที่เป็นสีน้ำตาลนี่เอง ทำให้เหล่าสรรพสัตว์และสิ่งมีชีวิตทั้งหลายในกรีนวู๊ด ต่างพากันเรียกชื่อของเขาว่าพ่อมดบราวน์
หลายคนอาจมองว่าพ่อมดเป็นพวกที่ชอบใช้มนต์ดำ ไปในทางที่ผิดๆ แต่มุมมองพวกนั้น ไม่ใช่กรณีสำหรับพ่อมดบราวน์ แม้เขาจะเป็นพ่อมดก็จริง แต่เขาก็เป็นพ่อมด ที่มีจิตใจโอบอ้อมอารีย์และมีไมตรีจิต ต่อผู้อื่นอยู่เสมอ เขามักจะคอยช่วยเหลือ ผู้ที่ตกทุกข์ได้ยาก โดยไม่เลือกปฏิบัติ และไม่คาดหวังสิ่งใดตอบแทน
แต่ละวันของการใช้ชีวิตในผืนป่า พ่อมดมักจะออกลาดตระเวนไปตามผืนป่า ด้วยรถม้าคู่ใจของเขา ส่วนผู้ที่คอยทำหน้าที่ ในการลากรถม้าให้กับเขา เพื่อไปยังจุดต่างๆของผืนไพร จะเป็นใครไปไม่ได้ นั่นก็คือ เหล่าม้าม้ารอสโกเบลล์ทั้ง 7 ตัว แต่ต้องบอกก่อนนะว่าอาชาทั้ง 7 ไม่ใช่ม้าธรรมดาทั่วไป แต่พวกเขาคือม้าวิเศษ ที่สามารถวิ่งได้ทั้งบนแผ่นดิน บนท้องฟ้าและบนผืนน้ำ ส่วนความเร็วฝีเท้าของอาชาทั้ง 7 นี้ บอกเลยว่าแม้กระทั่งความเร็วในระดับมนุษย์หมาป่า ก็ยังไล่ตามไม่ทัน
ในระหว่างทางที่ท่องป่า หากพ่อมดบราวน์บังเอิญเจอสัตว์ในป่าตัวไหน ที่กำลังบาดเจ็บสาหัต หรือมีอาการป่วย เขาก็จะรีบให้การช่วยเหลือสัตว์ตัวนั้น ด้วยความรักแบบบริสุทธิ์ และด้วยความเป็นผู้วิเศษ ในการรักษาแต่ละครั้ง เขาจะทำการ่ายเวทมนต์ ลงบนไม้เท้าวิเศษ ที่เขามักจะพกติดตัวอยู่ตลอดเวลา แต่ทันทีที่เขาลืมตาขึ้น ก็จะค่อยๆบังเกิดแสงสว่าง ที่ส่องทะลุออกมาจากไม้เท้า ที่เขาถือไว้ในมือ
มันเป็นแสงสีเขียวๆอันเจิดจ้า แสงสว่างที่ให้ความรู้สึกอันอบอุ่น ทั้งร่างกายและจิตวิญญาณ
เมื่อแสงแห่งความอบอุ่น ได้ปรากฏอยู่บนไม้เท้าวิเศษ พ่อมดผู้ชำนาญในเวทย์มนต์ จะใช้ปลายไม้เท้าวิเศษ เเตะเข้าที่ร่างของสัตว์ ที่กำลังนอนหมดสภาพ ด้วยอาการบาดเจ็บ เเต่เพียงชั่วอึดใจเดียว สภาพอาการของสัตว์ตัวนั้น ที่เรียกว่าเกือบจะเอาชีวิตไม่รอด ก็จะค่อยๆดีวันดีคืน จนกระทั่งสามารถกลับมาใช้ชีวิตได้เป็นปกติ ราวกับว่าได้รับชีวิตใหม่ ยังไงยังงั้น
เพราะความที่จิตใจของพ่อมดนั้น เต็มไปด้วยการช่วยเหลือสรรพชีวิตด้วยกัน จึงไม่น่าแปลกที่เขาจะเป็นที่รักใคร่และเป็นที่เคารพ ต่อเหล่าสัตว์และสิ่งมีชีวิตทั้งหลายในกรีนวู้ด สรรพชีวิตในผืนป่า ยังยกย่องเขาให้เป็นผู้วิเศษ เป็นที่พึ่งทั้งทางกายและทางจิตวิญญาณ นอกเหนือจากนี้ เขายังสอนให้ชาวกรีนวู๊ด รักและให้เกียรติซึ่งกันและกัน รวมถึงเคารพการตัดสินใจของผู้อื่นด้วย
ในบ่ายแก่ๆของวันหนึ่ง ขณะที่พ่อมดผู้ท่องไพร กำลังเพลิดเพลินไปกับการผจญภัยในผืนป่า กิจวัตรที่เขามักจะทำอยู่เป็นเนืองนิตย์ ในระหว่างทาง สายตาของเขา ก็เกิดไปปะทะเข้ากับร่างกวางมูสตัวหนึ่ง ที่ร่างกายอยู่ในสภาพอิดโรย แถมยังเป็นกวางในวัยชราด้วย ทันทีที่เขาเห็นกวางมูสผู้ชราตกอยูในสภาพเช่นนั้น มีหรือที่ผู้วิเศษแห่งผืนป่า ที่มีจิตใจเมตตาอย่างเขา จะไม่มีความรู้สึกรู้สาอะไร
พ่อมด ผู้ทรงเวทย์ เกิดความรู้สึกสงสาร กวางชราตัวนั้นขึ้นมาอย่างจับใจ น้ำตาอันขาวใส ค่อยๆเริ่มไหลออกมา จากดวงตาทั้งสองข้าง เขาเลยตัดสินใจที่จะหยุดพักและปักหลัก ลงบนพื้นที่แห่งนั้นของป่า เขาจึงได้หยุดรถม้า และค่อยๆก้าวเท้ากระโดดลงมาจากรถม้า พร้อมกับก้าวเข้าไปหากวางมูสผู้ชรา ที่กำลังอยู่ในสภาพที่สะบักสะบอม
"สวัสดี กวางมูสสหายรักของข้า นี่เจ้ากำลังจะไปที่ไหน?" พ่อมดเอ่ยถามกวางมูสขึ้นมาอย่างเวทนาจิต
กวางมูสสบตากับพ่อมดอยู่ชั่วครู่ ก่อนจะให้คำตอบในสิ่งที่พ่อมดถาม ด้วยน้ำเสียงที่เหนื่อยล้า
"เฮ้ยยยย พอดีข้าอาศัยอยู่ในป่าฟากนู้น แต่จู่ๆข้าก็เกิดกระหายน้ำขึ้นมา แต่ในเขตที่ข้าอาศัยอยู่ ไม่มีแหล่งน้ำให้ข้าได้ดื่ม ทุกครั้งที่ข้าเกิดกระหายน้ำ ข้าเลยต้องเดินเลาะไปตามทุ่งหญ้าฟากโน้นนนน จนกว่าจะเดินไปถึงต้นไม้ใหญ่ เพราะตรงบริเวณต้นไม้ใหญ่ต้นนั้น จะมีหนองน้ำอยู่แห่งหนึ่งให้ข้าได้ดื่ม"
ทันทีที่พ่อมดกวาดตามองเข้าไปในเขตป่า ตามคำบอกกล่าวของกวางชรา สายตาเขาก็พบเข้ากับหุบเขาลูกหนึ่ง แต่ทว่าหุบเขาลูกนั้น มันช่างมีหน้าตาแปลกประหลาด เพราะลักษณะของหุบเขาลูกนั้น มันช่างมีรูปร่างและสัดส่วน คล้ายกับเขาของกวาง อย่างไม่มีผิดเพี้ยน
บริเวณรอบๆของหุบเขา รูปร่างหน้าตาประหลาดนั้น ยังมีทั้งพวกเศษใบไม้และใบหญ้า ที่ขึ้นปกคลุมกันอย่างหนาแน่น แววตาของพ่อมด ยังหันไปมองทุ่งหญ้า ที่ทอดยาวออกไป จนสุดลูกหูลูกตา ไม่ใช่แค่ทุ่งหญ้าเท่านั้น ที่สายตาของเขาพบเจอ แต่เขายังเห็นต้นไม้ใหญ่ต้นหนึ่ง ตามคำบอกกล่าวของกวางชรา ที่มันกำลังตั้งเด่นเป็นสง่า อยู่ท่ามกลางทุ่งหญ้าอันกว้างใหญ่แห่งนี้ด้วย
ต้นไม้ในท้องทุ่งที่พ่อมดได้เห็น ทำให้เขาเข้าใจว่าถ้าเดินไปถึงต้นไม้ต้นนั้น ก็คงจะเป็นหนองน้ำ ที่กวางชรามักจะไปดื่มอยู่ประจำ กว่าจะเดินไปถึงหนองน้ำ ก็ต้องเดินหลายก้าวพอสมควร
“นี่สหายรักของข้า เจ้าไม่ต้องเดินไปยังหนองน้ำแห่งนั้นแล้วหละ เพราะข้าจะทำให้แหล่งน้ำที่ใสสะอาด มาอยู่ต่อหน้าเจ้าเอง”
ทันทีที่พ่อมดพูดจบ เขาก็ค่อยๆหลับตาลงอย่างช้าๆ พร้อมกับชูไม้เท้าวิเศษในมือ ขึ้นไว้เหนือศีรษะ จากนั้น ริมฝีปากเขาก็ค่อยๆขยับ และเกิดเป็นเสียงประโยคที่ฟังดูเป็นภาษาแปลกๆ ซึ่งมันก็คือภาษาเวทย์มนต์นั่นแหละ
แต่เพียงชั่วอึดใจ ไม้เท้าที่อยู่ในมือของเขา ก็เกิดสั่นไปสั่นมา แบบไม่มีสาเหตุ แล้วจู่ๆไม้เท้าของพ่อมด ก็ค่อยๆมีสภาพกลายเป็นแสงสว่าง ที่มีสีเขียว แสงสว่างจากธรรมชาติ ทำให้กวางมูสที่อยู่ในเหตุการณ์อันน่าเหลือเชื่อ รู้สึกแสบตา จนเขาต้องหลับตาลง
ต่อมา แสงที่กำลังส่องสว่าง ก็ได้จางหายไป พอเมื่อทั้งคู่ได้ลืมตาขึ้นมา พวกเขาก็พบเข้ากับหนองน้ำแห่งหนึ่ง ที่ได้มาปรากฏขึ้นต่อหน้าพวกเขาแถมน้ำที่อยู่ในหนองน้ำ ก็เป็นน้ำที่มีความใสราวกับแก้ว จากนั้น พ่อมดบราวน์ก็ได้พูดกับกวางมูสขึ้นมาว่า“สหายรักของข้า จากนี้ไปที่นี่จะเป็นแหล่งน้ำของเจ้า เวลาที่เจ้าเกิดกระหายน้ำ เจ้าไม่จำเป็นต้องเดินใกล้ๆอีกต่อไป เจ้าจะได้มีความสะดวก” พ่อมดพูดพร้อมกับเดินขึ้นไปบนหลังม้า
ความช่วยเหลือของพ่อมด ทำให้กวางชราเกิดความซาบซึ้งใจเป็นที่สุด จนเขาได้เผลอร้องไห้ออกมา “ขอบใจมากนะท่านพ่อมด บุญคุณครั้งนี้ สักวันหนึ่งข้าจะต้องตอบแทนท่านให้ได้” กวางชราพูดกับพ่อมด จากส่วนลึกของหัวใจแห่งความมีปิติ “สักวันหนึ่ง เจ้าจะได้ตอบแทนข้าอย่างแน่นอนสหายรัก” พ่อมดพูดกับกวางชรา ก่อนที่เขาจะควบม้าจากไป
และแล้ว วันเวลาแห่งการตอบแทนของกวางมูสผู้ชราก็มาถึง ในวันหนึ่ง ขณะที่พ่อมดบราวน์กำลังลัดเลาะท่องไพร อันเป็นกิจวัตรประจำวัน ทันทีที่ดวงตะวันลับขอบฟ้า ขณะที่พ่อมดกับม้าวิเศษคู่ใจของเขา กำลังเดินทางกลับที่พัก ในระหว่างทาง ก็เกิดมีลมพายุพัดอย่างรุนแรง จนทำให้มีฝนที่ตกลงมาอย่างหนัก ทั่วร่างกายของพ่อมดเปียกชุ่ม ไปด้วยหยดน้ำฝน ทำให้ภายในวันนั้น พ่อมดบราวน์จึงไม่สามารถเดินทางกลับสู่ที่พัก ได้อย่างปลอดภัย
พ่อมดได้ควบม้ามาจนถึงหนองน้ำ ที่เขาได้ใช้เวทมนต์สร้างมันขึ้นมา ให้กับกวางมูสผู้ชรา แต่ดูเหมือนว่าโชคจะไม่เข้าข้าง เมื่อพ่อมดนักเวทย์ เดินทางมาถึงหนองน้ำแห่งนี้ เขาก็เกิดอาการเหนื่อยล้าและอ่อนเพลีย ประกอบกับความชราของเขา จึงทำให้แววตาสองข้างของเขา ค่อยๆหลับอย่างช้าๆ จากนั้น ร่างกายที่อ่อนล้าของเขา ก็นอนหมดสติลงไปในที่สุด
ในความโชคร้าย ก็ยังมีความโชคดีอยู่ ในระหว่างที่ผู้วิเศษ กำลังหมดสติ ท่ามกลางฝนฟ้าที่ตกลงมา ขณะนั้นเอง กวางมูสผู้ชราที่พึ่งกลับจากการไปเยี่ยมเยียนเหล่าสหาย เขาได้เดินผ่านมาตรงหนองน้ำแห่งนั้นพอดี พอสายตาเขามองไปเห็นร่างที่ใบหน้า มีแต่หนวดเคราสีน้ำตาลเข้ม เขาก็จำได้ทันทีว่าชายคนนี้ ก็คือพ่อมดบราวน์ ผู้ที่เคยเนรมิตสร้างหนองน้ำให้กับตน
กวางมูสผู้ชราบอกให้ม้าวิเศษของพ่อมด นำเอาร่างของพ่อมด กลับไปยังที่พักของตน ม้าวิเศษนำพาร่างของนายอันเป็นที่รัก แบกขึ้นไว้บนหลัง จากนั้น ม้าผู้วิเศษก็ค่อยๆเดินตามหลังของกวางชรา เพื่อไปให้ถึงที่พักอย่างว่าง่าย พอเมื่อไปถึง กวางมูสได้นำร่างของพ่อมดเข้าไปในหุบเขา อันเป็นที่พักของตน
พ่อมดได้นอนหมดสติไปจนถึงเช้า พอเข้าสู่ช่วงสายๆ สายตาของเขาก็ค่อยๆเปิดขึ้น และเขาได้เห็นกวางมูส ที่กำลังนั่งอยู่ข้างๆ
“ตื่นแล้วรึท่านพ่อมด ข้าเป็นผู้ที่พาท่านมายังที่พักของข้า เพราะเมื่อคืนนี้ได้เกิดฝนตกหนัก ตอนที่ข้ากำลังจะกลับที่พัก บังเอิญว่าข้าพบกับท่านที่กำลังหมดสติอยู่พอดี” กวางชราเอ่ยปากถามพ่อมด จากก้นบึ้งของความห่วงเป็นใย
“อาการของข้าในตอนนี้ ก็นับได้ว่าย่ำแย่เอาการ เพราะฝนฟ้าที่ตกลงมาอย่างหนักเมื่อคืน ส่วนข้าก็แก่ชรามากแล้ว เลยทำให้พลังเวทย์มนต์ของข้า ถดถอยลงไปมาก ตอนนี้ข้าเลยใช้พลังเวทย์ ได้ไม่ดีเท่าที่ควรข้าคงต้องพักรักษาตัวไปอีกนาน รบกวนเจ้าจริงๆ ที่ข้าต้องมาตกเป็นภาระของเจ้า”พ่อมดพูดออกมาด้วยความท้อแท้
“ไม่เป็นไรท่าน ท่านอย่าคิดว่าท่านเป็นภาระข้าเลย ข้าสามารถดูแลท่านได้ เพราะท่านเองก็เคยช่วยสร้างแหล่งน้ำ เพื่อให้ข้ามีความสะดวก ในการเดินไปดื่มน้ำ ให้ข้าได้ตอบแทนท่านบ้างเถอะ”
“อืม ขอบใจเจ้ามากๆเลยนะสหาย ที่เจ้าไม่เห็นว่าข้าเป็นภาระ แถมยังอาสาจะดูแลข้าอีก” พอพูดจบประโยค พ่อมดก็ค่อยๆหลับตาลงอย่างช้าๆ
ในช่วงสายของวันนั้น กวางชราได้นำเอาเรื่องที่พ่อมดบราวน์มีอาการป่วยหนัก ไปแจ้งแก่เหล่ากรีนวู๊ด ข่าวคราวการล้มป่วยของพ่อมด ได้กระจายตัวออกไปเป็นวงกว้างอย่างรวดเร็ว ทำให้บรรดาสรรพชีวิต ที่พอได้ทราบข่าว ต่างก็แวะพากันมาเยี่ยม และเข้ามาดูแลพ่อมดบราวน์ ในช่วงที่เขาป่วย
สรรพชีวิตในกรีนวู๊ดทั้งหลาย ได้ช่วยกันดูแลพ่อมดผู้วิเศษที่พวกเขารักกันอย่างดี บางส่วนที่เข้ามาดูแล ก็ต่างเคยได้รับการรักษาอาการเจ็บป่วย ด้วยเวทมนต์ชั้นดีของพ่อมด มาบัดนี้ พวกเขาได้ตอบแทนพระคุณของผู้วิเศษ บุคคลที่พวกเขารักยิ่ง ผู้ที่เคยช่วยชีวิตและทำให้พวกเขายังคงมีลมหายใจ
การเป็นผู้มีจิตใจที่เต็มเปี่ยมไปด้วยการช่วยเหลือ และการคิดดีทำดีต่อผู้อื่นอยู่เสมอของพ่อมดบราวน์ ไม่ใช่เรื่องเสียเวลาและเป็นสิ่งไร้ค่า เพราะช่วงที่เขาใช้ชีวิตอยู่ในผืนป่า กิจวัตรและงานส่วนใหญ่ของเขา ก็ล้วนแต่เป็นการรักษาและช่วยชีวิต เพื่อให้ทุกสรรพชีวิตสามารถใช้ชีวิตได้อย่างมีคุณค่า แต่พอเขาเป็นฝ่ายที่ถูกความเจ็บป่วยเข้าเล่นงาน บรรดาสิ่งมีชีวิตในผืนป่าที่เขารัก ก็เดินทางเข้ามาดูแล และปรนนิบัติรับใช้เขา อย่างเต็มใจและด้วยความรัก
พอเวลาล่วงเลยผ่านไปได้ 1 เดือน ความเจ็บป่วยที่แม้แต่ผู้วิเศษอย่างพ่อมดบราวน์ ยังต้องหมดสติ ก็ปลิวหายเป็นปลิดทิ้ง พลังเวทย์ของเขา จากที่เคยลดน้อยถดถอย ก็ฟืนกลับคืนมา จนเข้าสู่สภาพเดิม ก่อนที่พ่อมดจะเดินทางกลับที่พัก เขากล่าวคำอำลาและเอ่ยคำขอบคุณแก่ชาวกรีนวู๊ดทุกชีวิต ที่เป็นห่วงเขา และมาคอยช่วยกันดูแลเขา ในช่วงที่เขาเจ็บไข้ได้ป่วย จนกระทั่งที่เขาหายดี เขายังส่งมอบคำขอบคุณให้กับกวางมูสผู้ชรา ที่ได้ให้ที่พักอาศัยแก่เขา เพื่อให้เขาได้หลับนอน และยังคอยดูแลเขาเป็นอย่างดี
ต่อมา ทั้งพ่อมดบราวน์และม้าวิเศษคู่ใจของเขา ก็มุ่งหน้ากลับสู่ที่พัก แต่ทันทีที่กลับมาถึง เขาก็เห็นที่พักของเขา อยู่ในสภาพที่พังเสียหาย จากการถูกฟ้าผ่า เพราะฝนที่ตกหนักเมื่อคืน จากนั้น เขาก็ได้หลับตาลง พร้อมกับท่องเวทย์มนอะไรบางอย่าง แต่พอเขาลืมตาขึ้น จู่ๆ ก็พลันมีแสงสว่างสีเขียว ปรากฎขึ้นอยู่บนไม้เท้าวิเศษ ที่เขาถืออยู่ในมือ
พ่อมดได้ทำการชี้ไม้เท้า ไปยังที่พักของตน ที่ตกอยู่ในสภาพที่พังระเนระนาด ต่อมา เพียงอึดใจเดียว ทั่วพื้นที่บริเวณแห่งนั้น ก็ถูกปกคลุมไปด้วยแสงสีเขียว ที่ส่องสว่างเจิดจ้า แต่พอแสงสว่างนั่นมอดดับลง ที่พักของผู้วิเศษ จากที่เคยมีสภาพที่พังยับเยิน แต่มาคราวนี้ มันกลับอยู่ในสภาพที่สมบูรณ์ทุกอย่าง ราวกับว่าไม่มันไม่ได้สิ่งใดถูกทำลายลง
นับแต่นั้นมา ในช่วงบั่นปลายของชีวิตที่เหลือ พ่อมดบราวน์ก็ใช้ชีวิต ในการพักอาศัยอยู่ในหุบเขาของผืนป่าอันเงียบเชียบ และออกท่องเที่ยวป่า เพื่อช่วยเหลือและทำการรักษาบรรดาชาวกรีนวู้ด ที่ได้รับความเดือดร้อนอย่างมีความสุข 1

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา