25 ก.ย. เวลา 06:08 • ไลฟ์สไตล์

ต้องเก่งแค่ไหนถึงได้เลื่อนตำแหน่ง? ผู้เชี่ยวชาญจากฮาร์วาร์ด เผย Self-awareness คือคุณลักษณะ No.1

หลายคนอาจมองว่าพนักงานที่ได้เลื่อนตำแหน่งสู่ระดับผู้จัดการ หรือระดับผู้บริหารนั้น จะต้องเป็นคนทำงานเก่ง ทำงานหนัก ผลงานดี เลิกงานดึกกว่าใคร แต่จริงๆ แล้ว การพิจารณาเลือกใครสักคนให้ขึ้นมาดำรงตำแหน่งงานที่สูงขึ้น เจ้านายหรือเจ้าของบริษัทอาจไม่ได้ดูแค่ผลงาน แต่พิจารณาในแง่มุมที่ละเอียดอ่อนมากไปกว่านั้น
บิล จอร์จ ผู้บริหารจาก Harvard Business School และเป็นอดีต CEO ของบริษัทดูแลสุขภาพ Medtronic อธิบายว่า โดยพื้นฐานในโลกการทำงาน หากใครมุ่งมั่นทำงานจนมีผลงานดีเกินกว่าเป้าหมาย รวมถึงการมีทัศนคติที่ดี มีความโดดเด่นในการเป็นผู้นำ นั่นก็เพียงพอที่จะทำให้คุณได้รับการเลื่อนตำแหน่งแล้ว แต่บางครั้ง เจ้าของบริษัทก็มองหา “ผู้นำที่ดี” มากกว่าผู้นำแบบทั่วๆ ไป
เจ้าขององค์กรอาจพิจารณาไปถึงบุคลิก ลักษณะนิสัย และซอฟต์สกิลของแต่ละคน เพื่อคัดเลือกว่าพนักงานคนไหนเหมาะสมที่จะดันให้เลื่อนขั้นต่อไป หลักๆ คือการพิจารณาว่าคุณเป็นผู้นำที่สามารถสร้างแรงบันดาลใจให้กับทีมอื่นๆ ได้ด้วย, เป็นผู้นำที่คุ้มค่าที่จะเลื่อนตำแหน่งให้, เป็นผู้นำที่คนรอบข้างไว้ใจ ฯลฯ
1
“แคนดิเดตที่เหมาะสมจะได้รับการเลื่อนตำแหน่งนั้น พวกเขาไม่ใช่แค่สามารถสื่อสารให้เพื่อนร่วมงานทำตามคำสั่งได้เท่านั้น แต่พวกเขาต้องเก่งในการสร้างความไว้วางใจกับผู้คนรอบข้างด้วย ซึ่งการจะทำแบบนั้นได้ต้องอาศัยทักษะ Self-awareness หรือความตระหนักรู้ในตนเองในระดับหนึ่ง จึงจะบรรลุเป้าหมายดังกล่าวได้” อดีต CEO บอกเพิ่มเติม และอาจพูดได้ว่าทักษะ Self-awareness คือคุณลักษณะอันดับหนึ่ง ที่เจ้านายมองหาในตัวพนักงานเพื่อการพิจารณาโปรโมทตำแหน่งให้
ข้อมูลจากหนังสือเรื่อง “True North: Emerging Leader Edition” ที่ บิล จอร์จ เขียนและถูกตีพิมพ์ในปี 2022 เขาสะท้อนแง่มุมต่อเรื่องนี้ไว้ว่า บางครั้งวัยทำงานก็มุ่งมั่นทำงานหลายๆ ปี โดยไม่รู้ว่าตัวเองเป็นใคร เพราะพวกเขามัวแต่จดจ่ออยู่กับการพยายามสร้างความประทับใจให้คนอื่นมากจนปล่อยให้โลกหล่อหลอมพวกเขา แทนที่จะหล่อหลอมตัวเองให้เป็นผู้นำแบบที่พวกเขาอยากเป็น
“ยิ่งคุณมีสติ และมีการตระหนักรู้ในตนเองมากขึ้นเท่าใด ความเป็นผู้นำของคุณก็จะจริงใจมากขึ้นเท่านั้น และคนอื่นก็จะอยากคบหากับคุณโดยธรรมชาติแบบไม่ต้องบังคับ” เขากล่าว
อ่านต่อ:
โฆษณา