11 ก.ค. เวลา 13:42 • ความคิดเห็น
โลกนั่นเค้า ทำหน้าที่ขอเค้า หมุนโคจรไปเรื่อย เดินหน้าตลอด ตามกาลเวลา ไม่เคยหยุดนิ่ง สำคัญว่า เมื่อกายที่เราปรากฏขึ้นมาให้ตัวเรากายคือ จิตดวงหนึ่ง มาอาศัยกาย มาอาศัยอยู่เฉยเสียเมื่อไหร่ กายนี้มีตามีหูจมูกบิ้นกายใจ คอยสื่อสารรับรู้ ความเป็นไปของโลก ที่มีเรื่องราวต่างเกิดขึ้น หากตาบอดหูหนวก เราก็มองไม่เห็นหน้าพ่อหน้าแม่ ไม่รู้ว่าพ่อแม่ ทำอะไรกันบ้าง เตรียมสำรับกับข้าวให้เรากิน จิตของเรามีมีตามองเห็น เราก็ไม่มีภาพหน้าพ่อแม่ บันทึกจดจำเข้ามา
ทุกคนที่เกิดมา ต่างมาอาศัย ..วิญญาณทั้งหก ..เพื่อ.ใช้ประโยชน์จากวิญญาณทั้งหกที่กายอาศัย มันมีอารมณ์ต่างๆ เกิดขึ้น เนื่องด้วย ตาหูจมูกลิ้นกายใจ ที่มันเกิดสัมผัส เป็นอารมณ์ทั้งอยากไม่อยาก ราคะตัณหาต่างๆเกิดขึ้นในเรือนกาย แล้วจิตนั้นก็ทำไปตามอารมณ์ความรู้สึก ..ตามที่อารมณ์นั่นต้องการ ..พอได้มา หรือ สำเร็จตามอารมณ์ที่ปรุงแต่งนั้นชั่วโมง อารมณ์นั้นก็สงบองไป แล้วเดี๋ยว ก็เกิดขึ้นมาใหม่ ..เราก็หลงใหลทำตามอารมณ์ขึ้นมาอีก
โลกนั้น เค้าก็สมมุติอารมณ์มาให่เกิดขึ้นที่กาย กายของใครของมัน อารมณ์ที่กายใครกายมัน ที่เกิดขึ้น มันก็เป็นของสมมุติ ..แล้วเราก็หลงมายาที่เป็นสมมุติ มายาอารมณ์ที่ไม่มีตัวตน จับต้ิงไม่ได้ ..จิตเรายึดมายาสมมุติอยู่ มันจึงใช้กายนี้ ไปตามที่เค้าสมมุติอารมณ์เกิดจึ้นที่กาย ไม่ได้เกิดขึ้นที่ไหน เค้าเรียกว่า เราหลงสมมุติ
ใครมาติเตียน รูปไม่สวยไม่งาม เราก็มีอารมณ์ปรุงแต่ง ..ไม่ชอบใจไม่พอใจ .เสียใจ .. นั่นก็เป็นเรื่องราที่จิตยึดสมมุติในรูปที่จ้ตนั้นอาศัยอยู่ .มันยึดมันถึงมีอารมณ์ หาเราไม่ยึด ..มันก็ไม่มีอารมณ์ไม่ชอบใจไม่พอใจเกิดขึ้น นั้นก็ค่อจิตที่รู้จัก รูปสมมุติ ที่จิตอาศัยชั่วขณะหนึ่ง มาพ๊ยงจิต ก็ไปแต่จิต มาแล้วกรี๊ดจากลาโลกนี้ไป วิญญาณทั้งหกที่อยู่กับกาย ก็ไม่มีให้ใช้อีก
โฆษณา