12 ก.ค. เวลา 12:44 • กีฬา

อธิบายดราม่าโคปาอเมริกา เมื่อนักเตะอุรุกวัย บุกไปดวลหมัดกับกองเชียร์โคลอมเบีย

การตะลุมบอนของแฟนอุรุกวัย กับ แฟนโคลอมเบีย ในศึกโคปาอเมริกาเกิดขึ้นได้อย่างไร แล้วดาร์วิน นูนเยซ ไปเกี่ยวด้วยตรงไหน เราจะไปลำดับเหตุการณ์ตั้งแต่แรกนะครับ
ศึกโคปา อเมริกาครั้งนี้ ความจริงเจ้าภาพคือเอกวาดอร์ แต่เอกวาดอร์ขอแคนเซิล สหรัฐอเมริกาจึงยื่นข้อเสนอ ขอโอกาสเป็นเจ้าภาพแทน
ทำให้โคปา อเมริกา 2024 คือทัวร์นาเมนต์พิเศษ ที่เป็นการรวมร่างกันของ โซนอเมริกาใต้ (CONMEBOL) กับ โซนอเมริกาเหนือ (CONCACAF)
เหตุผลที่สหรัฐฯ ยื่นขอเป็นเจ้าภาพ เพื่อเป็นการซ้อมใหญ่ ก่อนที่ตัวเองจะเป็นเจ้าภาพฟุตบอลโลก 2026 จะได้เทสต์ระบบเต็มรูปแบบ ว่าการจัดงานสมบูรณ์แบบแล้วหรือยัง ต้องแก้ไขอะไรอีกหรือไม่
ในรอบรองชนะเลิศ ระหว่างอุรุกวัย กับ โคลอมเบีย จัดแข่งที่สนามแบงค์ ออฟ อเมริกา สนามเหย้าของทีม NFL แคโรไลน่า แพนเธอร์ส และ สโมสรซอคเกอร์ ชาร์ลอตต์ เอฟซี โดยนัดนี้มีแฟนบอลเข้ามาชมมากถึง 70,644 คน
การแข่งขันเริ่มต้นขึ้น โคลอมเบีย ขึ้นนำ 1-0 จากลูกโหม่งของเจฟเฟอร์สัน เลอมาร์ แต่อุรุกวัยก็มีโอกาสหลายครั้งมาก โดยเฉพาะจากดาร์วิน นูนเยซ แต่ยิงหลุดกรอบออกไปหมด สุดท้ายโคลอมเบียรักษาสกอร์ได้ และเอาชนะไปด้วยสกอร์นี้ เข้ารอบชิงชนะเลิศไปเจออาร์เจนติน่า
เกมไม่จบเฉยๆ มันมีดราม่าหลังเกมเกิดขึ้น เริ่มจากในสนามก่อน เมื่อนักเตะโคลอมเบีย มิเกล บอร์ฆา ใส่เสื้อด้านในมีข้อความว่า "พระเจ้ายิ่งใหญ่" แล้วไปสะใจต่อหน้านักเตะอุรุกวัย จนหลุยส์ ซัวเรซ โมโหวิ่งไปผลักแล้วเอามือชี้หน้าด่า บอกว่าให้เกียรติกันบ้าง จนสตาฟฟ์ต้องมาแยกทั้งคู่กันอย่างชุลมุน
ขณะที่บนสแตนด์ แฟนบอลอุรุกวัย กับแฟนบอลโคลอมเบีย เริ่มตะลุมบอนกันหลายจุด ไม่มีใครทราบว่าเหตุผลคืออะไร คนชนะอาจดีใจเกินเบอร์ หรือ คนแพ้อาจโมโห แต่ประเด็นคือ หนึ่งในการตะลุมบอนเกิดขึ้น ใกล้กับพื้นที่ของ "ครอบครัวนักเตะอุรุกวัย" ที่อยู่บนสแตนด์ฝั่งประธาน
ตรงจุดนั้นมีการด่าทอ เย้ยหยัน แล้วก็เริ่มขว้างแก้วน้ำใส่กัน ทำให้ครอบครัวของนักเตะอุรุกวัยต้องวิ่งหนีกันจ้าละหวั่น
คือนาทีนั้น คนตะลุมบอนก็ไม่รู้แล้วใครเป็นใคร เราจึงเห็นภาพภรรยาของเซบาสเตียน กาเซเรส นักเตะอุรุกวัย ต้องอุ้มลูกสาววัย 5 ขวบขึ้นมา เพราะกลัวเด็กจะล้มแล้วโดนเหยียบ รวมถึงเห็นภาพมิน่า โบนีโน่ แฟนสาวของเฟเดริโก้ บัลเบร์เด้ อุ้มลูกชาย เบนิซิโอ วิ่งหนีลงไปในสนามบอล ซึ่งเธอกับลูกก็โดนขว้างแก้วใส่ เฉียดตัวไปนิดเดียวเท่านั้น
เมื่อความเดือดเกิดขึ้น นักเตะอุรุกวัยหลายคนก็น็อตหลุด แต่คนที่หนักที่สุดของดาร์วิน นูนเยซ ที่ปกติก็อารมณ์ร้อนอยู่แล้ว ยิ่งมีเรื่องครอบครัวมารวมด้วยอีก ยิ่งหยุดไม่อยู่ นูนเยซหยิบเก้าอี้มาขว้างใส่แฟนบอลโคลอมเบีย แต่โชคดีที่การ์ดสนามรีบเอามือขวางไว้ก่อน ไม่อย่างนั้นอาจมีคนเจ็บหนักก็ได้
นอกจากนั้นนูนเยซ ยังตัดสินใจปีนจากสนามบอลขึ้นไปบนสแตนด์ ไปร่วมวงกับแฟนบอลอุรุกวัย ที่กำลังซัดกับแฟนโคลอมเบียอยู่ และสาวหมัดใส่ ซึ่งเขาเองก็โดนต่อยเหมือนกัน นี่เป็นภาพที่เหลือเชื่อมาก ว่านักฟุตบอลสักคน จะร่วมวงต่อยแฟนบอลของทีมคู่แข่งแบบนี้
จริงๆ ไม่ได้มีแค่นูนเยซ ที่อยู่ในเหตุวิวาท มีโรนัลด์ อเราโฆ่, มาเธียส โอลิเวร่า และ กัปตันโฆเซ่ จิมิเนซ ส่วนโรดริโก้ เบนตาคูร์ พยายามขว้างขวดใส่กลุ่มแฟนบอลโคลอมเบีย (แต่ไม่โดน)
1
เหตุชุลมุนเกิดขึ้นถึง 10 นาที กว่าที่เจ้าหน้าที่ตำรวจจะเข้ามาสมทบ และสถานการณ์ก็ทุเลาลงในที่สุด นักเตะได้อยู่กับครอบครัวโดยปลอดภัย เราจึงเห็นภาพนูนเยซ กำลังอุ้มลูกชายดาร์วิน จูเนียร์ และปลอบประโลมว่าไม่ต้องกลัว
แต่แน่นอน เมื่อเหตุการณ์มันเกิดไปแล้ว นำมาสู่คำถามว่า แล้วเรื่องนี้ใครผิดกันแน่?
ทั้งสองฝ่ายโทษกันไปมา กัปตันทีมอุรุกวัย โฮเซ่ จิมิเนซ บอกว่า "ครอบครัวของเราอยู่บนสแตนด์ และหลายครอบครัวก็มีเด็กเล็กด้วย นี่มันหายนะชัดๆ ตำรวจไม่มาปกป้องครอบครัวของเราเลย นี่คือความผิดของแฟนบอลบางคน ที่ไม่รู้จักคอนโทรลว่าควรดื่มเหล้าแค่ไหน"
แต่ฝั่งโคลอมเบียก็โจมตีอุรุกวัย โดยเฉพาะนูนเยซที่โดนด่าหนักว่า แค่น็อตหลุดที่แพ้ ก็เลยบุกมาต่อยแฟนโคลอมเบียเอามันส์หรือเปล่า
เพราะถ้าดูจากคลิป ครอบครัวของนูนเยซ ก็ปลอดภัยดี ลงไปจากสแตนด์ก่อนเหตุวิวาทด้วยซ้ำ แล้วถ้าอ้างว่าอยากปกป้องครอบครัว ก็ไปดูแลครอบครัวสิ จะมาสาวหมัดใส่ทำไม?
ตอนนี้ สหพันธ์ฟุตบอลอเมริกาใต้ หรือ CONMEBOL ประกาศแล้วว่า จะดำเนินการสืบสวนเรื่องราวทั้งหมด โดยมีนักเตะอุรุกวัยและสตาฟฟ์ รวม 10 คน ที่อาจโดนบทลงโทษจากการวิวาทครั้งนี้
ถามว่าการตะลุมบอน การซัดนัวแบบนั้น ผิดไหม โอเคล่ะ มันก็ไม่ใช่การกระทำที่ดีแน่ๆ แต่ก่อนที่จะไปโทษนักเตะ ในมุมของผม เรามองข้ามฝ่ายจัดการแข่งขันไม่ได้เลย ที่ทำให้ทุกอย่างมันวุ่นวายขนาดนี้
ในปีนี้ผู้จัดการแข่งคือ CONMEBOL ร่วมกับ CONCACAF รวมถึงเจ้าภาพเมืองชาร์ลอตต์ ทั้งหมดประเมินสถานการณ์ได้ผิดพลาด จนนำมาสู่ความชุลมุน
ในทัวร์นาเมนต์ทีมชาตินั้น หลายครั้งไม่สามารถแบ่งโซนได้เป๊ะอย่างสมบูรณ์ กองเชียร์ทีม A ทั้งหมด นั่งทิศเหนือ กองเชียร์ทีม B ทั้งหมดนั่งทิศใต้ มันไม่ง่ายขนาดนั้น
คือในสนามจะมี โซนของแฟนบอลทั้งสองทีม ที่ซื้อตั๋วผ่านสมาคมฟุตบอล พวกนี้ก็จะนั่งรวมๆ กัน แต่ก็จะที่นั่งอีกจำนวนหนึ่ง ที่แฟนบอลซื้อผ่านเอเยนต์ขายตั๋ว บางทีมันก็กระจัดกระจายกันไป ไปนั่งตรงไหนสักจุดในสนาม ใครจะไปรู้ คุณอาจนั่งอยู่ข้างๆ แฟนบอลทีมคู่แข่งก็ได้
1
ฟุตบอลยูโร ก็เป็นแบบนี้ เราเห็นแฟนบอลสองทีม นั่งข้างๆ กันเลย แต่ในยูโรนั้น ยังไม่มีการใช้กำลังต่อยตีอะไรเกิดขึ้น
นอกจากนั้น ในธรรมเนียมของอเมริกันเกมส์ แฟนกีฬาทั้งสองทีม สามารถนั่งร่วมกันได้โดยปกติ ต่างคนต่างเชียร์กันไป อยู่อย่างสันติได้ไม่มีปัญหา
ด้วยความที่ไม่กังวลว่าจะเกิดเหตุร้ายขึ้น ทำให้ผู้จัดขอกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจมาน้อยมาก มีแค่พอจำเป็น ยืนเฝ้าตามจุดต่างๆ เฉยๆ
1
ริชาร์ด เมนเดซ นักข่าวชาวเวเนซุเอล่า ที่อยู่ในเมืองชาร์ลอตต์ด้วย เล่าว่า "ตำรวจ และ พนักงานรักษาความปลอดภัยที่ชาร์ลอตต์ ใจดีเกินไป พวกเขาไม่ได้เตรียมพร้อมเลย ว่าเรื่องแบบนี้จะเกิดขึ้นได้ พวกเขาต้องศึกษาข้อมูลของแฟนบอลมาก่อนสิ ว่าพวกอเมริกาใต้ เขาเชียร์ฟุตบอลด้วยแพสชั่นอย่างมาก มันไม่ง่าย เหมือนแฟน NFL หรือ MLS นะ"
คำแนะนำจากเมนเดซ คือตำรวจต้องโหด เพื่อขู่ไม่ให้พวกแฟนบอลกล้าทำอะไร และต้องเอาตำรวจมาเยอะกว่านี้ หลายร้อยนายเลยก็ได้ อย่างเคสนี้ กว่าตำรวจจะมาถึง ก็ใช้เวลา 10 นาที ซึ่งถือว่านานเกินไป ถ้าหากมีการวางแผนรับมือได้ดีแต่แรก เหตุอาจสงบเร็วกว่านี้อีก
อีกประเด็นหนึ่ง ที่เป็นความผิดพลาดเช่นกันของฝ่ายจัด คือ การเอาที่นั่งครอบครัวของนักกีฬามาไว้ ใกล้กับแฟนบอลกลุ่มอื่นๆ
จริงๆ ในสนามชาร์ลอตต์ ก็มีบ็อกซ์วีไอพี เป็นห้องรับรองอย่างดี มีกระจกกั้น คุณสามารถเอาครอบครัวผู้เล่นไปรวมกันอยู่ตรงนั้นได้ หรือถ้าจะเอามาอยู่ที่สแตนด์ด้านล่าง ก็ควรมีตำรวจ หรือหน่วยรักษาความปลอดภัยล้อมกรอบอย่างดี แต่อันนี้ไม่มีเลย ครอบครัวนักกีฬานั่งอยู่ชิดกับแฟนบอลกลุ่มอื่นๆ แบบติดกันเลย
เอาจริงๆ ถ้าเป็นการแข่งฟุตบอลในยุโรป หรือ เอเชีย หรือเป็นอเมริกันเกมส์ เรื่องนี้ก็คงไม่เป็นปัญหา แต่เมื่อเป็นฟุตบอลอเมริกาใต้ ที่เชียร์กันดุ เชียร์กันโหด และพร้อมจะสร้างความรุนแรงตลอดเวลา มันทำให้ครอบครัวของนักกีฬาเกิดความเสี่ยงได้ทันที
และเมื่อครอบครัวอยู่ในความเสี่ยง นักฟุตบอลเองก็เป็นมนุษย์เหมือนกัน เขาเองก็ต้องบุกตะลุยไปช่วยครอบครัวของตัวเองเป็นธรรมดา
คือถ้าคิดตามคอมม่อนเซนส์ นักเตะอุรุกวัยจะไม่บุกขึ้นสแตนด์แบบนั้นเลย ถ้าหากผู้จัดการแข่งแยกครอบครัวของพวกเขาเอาไว้จุดอื่นตั้งแต่แรก
ตอนนี้ CONMEBOL กำลังจะออกบทลงโทษนักเตะที่เกี่ยวข้อง บางคนอาจโดนแบนทั้งทีมชาติและสโมสรนานหลายเดือนทีเดียว แต่ทางสมาคมฟุตบอลอุรุกวัย จะสู้คดีด้วยเหตุผล 3 ข้อ
ข้อ 1 นักฟุตบอลต้องทำแบบนี้เพื่อป้องกันตัว เมื่อพวกเขาเห็นครอบครัวตัวเองอยู่ในอันตราย
ข้อ 2 การมีเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยน้อยเกินไป ทำให้เกิดปัญหาขึ้น
ข้อ 3 ย้อนกลับไปในเกมฟุตบอลโลกรอบคัดเลือก ระหว่างบราซิล กับ อาร์เจนติน่า ที่สนามมาราคาน่า ในปี 2023 ที่เกิดความวุ่นวายขึ้น นักเตะอาร์เจนติน่าก็บุกเข้าไปในสแตนด์เพื่อปกป้องครอบครัวเหมือนกัน หนึ่งในนั้นคือ เอมิเลียโน่ มาร์ติเนซ แต่สุดท้ายนักเตะอาร์เจนติน่าก็ไม่โดนโทษแบนเหมือนกัน ถ้าหากคราวนี้อุรุกวัยโดนลงโทษ ก็คือการกระทำที่สองมาตรฐาน
เรื่องราวก็จบลงตรงนี้ครับ ขั้นตอนต่อไปก็รอดูว่า CONMEBOL จะมีบทลงโทษอย่างไร
สโมสรของนักเตะที่เกี่ยวข้อง อย่าง ลิเวอร์พูล (นูนเยซ), บาร์เซโลน่า (อเราโฆ่), สเปอร์ส (เบนตาคูร์ ), แอตเลติโก้ มาดริด (จิมิเนซ) ก็กำลังลุ้น เพราะถ้าเจอแจ๊กพอตแตก นักเตะอาจโดนแบนในระดับสโมสรด้วย และมีโอกาสไม่ได้ใช้งานในช่วงต้นซีซั่น
บทสรุปของเรื่องนี้ ผมคิดว่าผู้จัดประมาทไปหน่อย อาจจะดูจากทวีปอื่นๆ เขาสู้กันเดือดแทบตาย แต่ก็ไม่มีใครลงไม้ลงมือกัน
เอเชียนคัพต้นปี ในรอบรอง เกาหลีใต้ แพ้ จอร์แดน ตกรอบเจ็บปวด แฟนเกาหลีก็ไม่มีใครไปไล่ต่อยแฟนจอร์แดน หรือในยูโร รอบรอง สเปนกับฝรั่งเศส แฟนบอลแซะกันทั้งเกม แต่จบแล้วก็แล้ว ไม่ใช้กำลังอะไรกัน
แต่ฝั่งอเมริกาใต้นั้น มันเชียร์บอลกันคนละแบบเลย แพสชั่นมาเต็ม ความรุนแรงก็ตามมา แล้วในมุมของอุรุกวัย บอลเพิ่งแพ้มาปั๊บ ก็มาเจอเหตุตะลุมบอนใกล้ๆ ครอบครัวตัวเองอีก มันก็อาจน็อตหลุด และตอบสนองด้วยการใช้กำลัง นาทีนั้นคงไม่ทันจะมาคิดอะไรกันให้ดีแล้ว
นี่จะเป็นบทเรียนสำคัญของสหรัฐฯ เจ้าภาพฟุตบอลโลกปี 2026 ว่าต้องดูข้อมูลของทีมที่จะแข่งให้ดี ทีมไหนมีข่ายความเสี่ยง ก็ต้องมีการควบคุมที่เข้มงวดมากขึ้น รวมถึงการจัดที่นั่งให้ครอบครัวนักกีฬา ก็ต้องมีความปลอดภัยมากกว่านี้ อย่าให้โดนลูกหลงได้ คือนักเตะจะเล่นได้อย่างสบายใจได้อย่างไร ถ้าครอบครัวของตัวเองมีความเสี่ยงจะบาดเจ็บ
ขณะที่เรื่องของการใช้ความรุนแรง มันผิดแน่ๆ อยู่แล้ว ภาพสาวหมัดซะขนาดนั้น มันออกมาแย่มากๆ
แต่ถ้าต้องทำเพื่อปกป้องครอบครัวก็ต้องให้ความเป็นธรรมกับฝั่งอุรุกวัยด้วยเหมือนกัน
หน้าที่ของ CONMEBOL ตอนนี้ จึงต้องสืบสวนให้ละเอียด ว่านักเตะอุรุกวัยทุกคนที่ไปร่วมวงใช้ความรุนแรงกับแฟนบอลโคลอมเบีย เกิดขึ้นเพราะอะไร
พวกเขาแค่โมโหที่ทีมแพ้ เลยไปร่วมสาวหมัดด้วย หรือมีเจตนาจริงๆ ที่จะปกป้องครอบครัวของตัวเองให้พ้นจากอันตราย
โฆษณา