12 ก.ค. เวลา 14:39 • ความคิดเห็น
เอาง่ายๆคือวิทยาศาสตร์บ้านเรายังไม่เจริญรุ่งเรืองขนาดนั้นครับ อุตสาหกรรมต่างๆที่ต้องใช้ความรู้ทางวิทยาศาสตร์ยังกระจุกตัวอยู่ในบางพื้นที่แค่นั้น ทำให้พื้นที่ส่วนใหญ่ก็เป็นสังคมเกษตร ประชาชนส่วนใหญ่จึงสนใจเพียงแค่ว่าฝนแล้งจะทำยังไง ค่าปุ๋ยแพงจะทำยังไง สนใจแต่ข่าวเรื่องราคาข้าว ราคาสินค้าเกษตร ถ้าเป็นวัยรุ่นหน่อยก็จะสนใจแต่พวกดารานักร้อง อะไรทำนองนี้ครับ วิทยาศาสตร์จึงเป็นเรื่องห่างไกลกับประชาชนทั่วไป
พอเป็นเป็นแบบนี้เมื่อเกิดเหตุการบางอย่างที่ไม่คาดฝันขึ้น เช่น คนในครอบครัวเกิดอุบัติเหตุ ที่ทางการแพทย์ไม่สามารถรักษาให้หายขาดได้ ประกอบกับความห่างไกลทางวิทยาศาสตร์จึงหันไปพึ่งความเชื่อแทน จึงยิ่งหางไกลวิทยาศาสตร์ไปอีก
ผมมองว่าหากจะให้มีคนใจวิทยาศาสตร์มากขึ้น ภาครัฐจะต้องสนับสนุนให้มีอุตสาหกรรมต่างๆที่ต้องใช้คนที่มีความรู้ทางวิทยาศาสตร์ เข้าไปทำงานหรือเป็นแรงงาน เมื่อมีงานรองรับคนจะสนใจศึกษาวิทยาศาสตร์มากขึ้นเองครับ
ด้วยความที่มันไม่มีงานรองรับนี้แหละครับ ถึงไม่มีคนสนใจ โอเคแหละถ้าเป็นวิทยาศาสตร์ประยุกต์ พวกวิศวกร แพทย์ ยังพอมี แต่ในสายวิทยาศาสตร์บริสุทธิ์ หรือ Pure Science แทบไม่มีงานรองรับเลย แตกต่างจากประเทศสหรัฐอเมริกา ญี่ปุ่น ที่มีงานรองรับในสาขาเหล่านี้เยอะมาก
โฆษณา