14 ก.ค. เวลา 18:30 • ความคิดเห็น

ความเจ็บปวดในอดีต ลืม ๆ มันไปมั่งก็ได้

อังริน…
เช้านี้ฉันตื่นเพราะได้ยินเสียงถุงเงินทะเลาะกับน้องแมวของเพื่อนบ้าน ฉันออกไปห้ามถุงเงินและเห็นเจ้ามะลิหมาตัวจิ๋วยืนเห่าอยู่หน้าบ้านหลังถัดจากฉันไปสองหลัง มันคงจะห้ามทั้งสองแมวไม่ให้ทะเลาะกัน มะลิเป็นหมาที่ตัวสูงเท่าแมวและเคยมาเล่นกับถุงเงิน แต่ถุงเงินไม่เล่นด้วยและวิ่งหนีมันเพราะรำคาญ แต่มะลิก็ชอบตามมาเล่นกับถุงเงินและทุกแมวในซอยอยู่ดี ฉันว่ามะลิมันตลกดี
1
เสร็จจากเรื่องแมวแล้ว ฉันก็ทำกิจวัตรประจำวันตอนเช้าตามปกติ ‘งานบ้าน‘ ตอนที่ฉันออกไปกวาดหน้าบ้าน ฉันคุยกับพี่พรที่อยู่บ้านเยื้องกับบ้านฉัน พี่พรออกมาใส่หินให้แคคตัสเราเลยคุยกันเรื่องแคคตัส แล้วพี่พรก็ให้แคคตัสฉันมาสองต้น ฉันคงต้องหาโอกาสออกไปหากระถางเพื่อเปลี่ยนให้แคคตัสทั้งสอง รวมถึงน้อง ๆ แคคตัสของฉันด้วย
ฉันคิดว่าการมีเพื่อนบ้านที่ดีกับเราก็ถือว่าเป็นเรื่องโชคดี แม้ว่าปกติฉันกับพี่พรจะไม่ค่อยได้คุยกันบ่อย ๆ ก็ตาม ขอบคุณพี่พรที่ให้แคคตัสกับฉัน
1
เมื่อวันเสาร์พี่ ๆ และหลาน ๆ ของฉันมาที่บ้านและพวกเราออกไปกินข้าวที่ร้านปานชีวากัน ม๊าชอบแกงส้มที่ร้านนี้มาก เจ๊นาเลยพาไปกินเป็นการฉลองวันเกิดให้ม๊าด้วย ม๊าใส่เสื้อตัวใหม่ที่เปิ้ลให้เป็นของขวัญ ฉันว่าเสื้อตัวนี้ก็เหมาะกับม๊าจริง ๆ
พวกเราไปถึงร้านกันช่วงบ่ายมากแล้ว จึงไม่ค่อยมีลูกค้าเราจึงไม่ต้องระวังสำรวมอะไรกันมากเพราะในห้องริมน้ำนั้นมีพวกเราแค่โต๊ะเดียว หลังจากกินอิ่มก็ถ่ายรูปเล่นกัน คุยกันแล้วก็กลับบ้าน ม๊าสั่งแกงส้มกลับมากินที่บ้านถุงนึงด้วยคงชอบจริง ๆ
เจ๊นาถามทุกคนว่าอิ่มกันไหม เจ๊จันตอบว่า ‘อิ่มเป็นเรื่องรอง เรื่องหลักคือดีใจที่พวกเราได้เจอกัน’ ฉันก็คิดแบบนั้นและคิดว่าพี่ ๆ ของฉันทุกคนก็คงคิดเหมือนกัน
1
ฉันโพสต์รูปหมู่ลงเฟซบุ๊กเป็นโพสต์แรกในรอบ 49 วันที่ฉันเอาตัวเองออกมาจากโซเชียล มีคนมาอวยพรวันเกิดม๊าหลายคนทั้งเพื่อนลูกและญาติที่อยู่ไกลกัน แล้ว ’พี่จบ‘ พี่ที่เคยสนิทสนมคุ้นเคยกับครอบครัวฉันก็ลงรูปเก่า ๆ ที่เคยไปเที่ยวเชียงใหม่กับครอบครัวฉัน ตอนนั้นฉันอายุ 12-13 ปีเห็นจะได้ มีอี๊ของฉันไปด้วยเป็นการเที่ยวเชียงใหม่ครั้งแรกของอี๊เลย
ม๊าส่งรูปให้อี๊ดูแต่อี๊บอกว่าจำไม่ได้เลยว่าเคยไป นึกไม่ออกเลยว่าไปตอนไหน แล้วม๊าก็บอกฉันว่าช่วงที่ไปเป็นช่วงที่อี๊กำลังมีปัญหาชีวิต แต่ม๊าก็ไม่อยากพูดถึงกลัวว่าจะไปสะกิดใจอี๊ ฉันบอกม๊าว่าดีแล้วล่ะอย่าพูดถึงเลย แล้วม๊าก็พูดขึ้นมาว่า ‘บางทีความเจ็บปวดในอดีตเราลืม ๆ มันไปมั่งก็ได้ ถ้าคิดถึงทีไรใจก็เจ็บก็ไม่ต้องไปจำมัน’
ฉันอึ้งไปสักพัก แต่ก็เห็นด้วยกับม๊า นั่นสินะ… ‘ลืม ๆ มันไปมั่งก็ได้’ ฉันไม่รู้ว่าที่ม๊าพูดเพราะอยากจะส่งสารอะไรถึงฉันหรือเปล่า แต่ฉันก็รู้สึกเห็นด้วยอยู่ดี และเมื่อใช้เวลาคิดทบทวนดูเหมือนฉันจะเคยพูดอะไรทำนองนี้กับม๊าเมื่อนานมาแล้ว ฉันพูดเพราะอยากให้ม๊ามีความสุขกับปัจจุบัน แล้ววันนี้ม๊าก็พูดประโยคนั้นแม้จะไม่ได้พูดกับฉันโดยตรงก็เถอะ
ฉันคิดว่า…ชีวิตปัจจุบันของเราก็มีส่วนนะ ถ้าเราชอบชีวิตของเรา ภูมิใจในชีวิตของเรา เราจะไม่ค่อยไปควานหาความเจ็บปวดในอดีตหรอก เหมือนตอนที่ฉันพูดประโยคนี้กับม๊า ก็เป็นช่วงเวลาที่ฉันยืนได้ด้วยตัวเอง ฉันจึงมีความภูมิใจในตัวเองและคิดถึงแต่สิ่งที่ต้องทำในตอนนั้นและวันต่อไป
1
แต่ยังไงฉันก็นึกขอบคุณม๊านะที่พูดประโยคนี้ในวันที่ฉันหลงลืมมันไป ม๊าก็คงอยากให้ฉันกับอี๊มีความสุขกับปัจจุบันเช่นกัน
เธอมีความเจ็บปวดในอดีตบ้างไหม… ‘ลืม ๆ มันไปมั่งก็ได้‘ ฉันหวังว่าเธอจะลืมมันได้ รวมทั้งตัวฉันด้วย
1
24 มิถุนายน 2567
#ไดอารี่ของอังริน
โฆษณา