14 ก.ค. เวลา 09:28 • กีฬา

ตำแหน่ง "เซอร์" ในโลกฟุตบอล ถ้าเซาธ์เกตได้แชมป์ยูโร จะกลายเป็น "เซอร์ แกเร็ธ"

ถ้าแกเร็ธ เซาธ์เกต พาทีมชาติอังกฤษคว้าแชมป์ยูโร 2024 ก็แบเบอร์ 100% ว่าเขาจะได้สถาปนายศ "เซอร์" นำหน้าชื่อแน่นอน
3
ผู้จัดการทีมชาติคนสุดท้าย ที่คว้าแชมป์รายการเมเจอร์ คือ อัลฟ์ แรมซีย์ ในเวิลด์คัพ 1966 ก็ได้รับพระราชทานยศอัศวิน กลายเป็น เซอร์ อัลฟ์ แรมซีย์ ในเวลาต่อมา ดังนั้นถ้าเซาธ์เกตทำได้ ก็จะได้รับยศอัศวินอยู่แล้วครับ ไม่มีพลิกโผ แม้ว่ากองเชียร์บางส่วน อาจไม่ชอบสไตล์การเล่นของเขา แต่นั่นไม่ใช่เรื่องสำคัญ
2
ไม่ใช่แค่ฟุตบอล แต่กีฬาอื่นๆ ก็เช่นกัน อย่างรักบี้ ตอนไคลฟ์ วูดเวิร์ด พาอังกฤษได้แชมป์รักบี้โลกในปี 2003 จากนั้น เขาก็รับการแต่งตั้งยศอัศวิน เป็นเซอร์ ไคลฟ์ วูดเวิร์ด ในภายหลัง
1
คำถามที่ผมจะตั้งทิ้งไว้ก่อน คือ ถ้าเซาธ์เกตได้รับยศอัศวิน การเรียกแบบไหนที่ถูกต้อง ระหว่าง "เซอร์ แกเร็ธ" หรือ "เซอร์ เซาธ์เกต" เรื่องนี้จะมีคำตอบช่วงท้ายบทความนะครับ
แรกสุดเลย เรามาดูกันก่อนว่า เซอร์ (sir) มันแปลว่าอะไร
คำว่า เซอร์ ความหมายที่เราใช้กันอยู่ คือ "คุณผู้ชาย, นายท่าน" ดังนั้น เวลาคน พูดว่า yes sir ก็แปลว่า "ครับท่าน"
เซอร์ ใช้สำหรับคุณผู้ชาย และ "แมม" (ma'am) ที่ย่อจากคำว่า มาดาม (madame) สำหรับเรียกคุณผู้หญิง
ที่อังกฤษ ถ้าหากมีบุคคลที่สร้างความดีความชอบให้กับประเทศ กษัตริย์ หรือ ราชินี ก็จะมอบยศศักดิ์ให้คนนั้นเป็นอัศวิน อัศวินชาย คือ sire ก่อนจะที่ลดตัวอักษร เอา e ออก เหลือแค่ sir ในปัจจุบัน ส่วนอัศวินหญิงเรียกว่า dame (เดม) ซึ่งมีรากศัพท์ มาจากภาษาลาติน คำว่า domina แปลว่า "เจ้านาย"
ที่ในชีวิตประจำวันเดี๋ยวนี้ เราเรียกคุณผู้ชายว่า "เซอร์" ก็ได้รับอิทธิพลมาจากยศอัศวินนี่เอง เซอร์ ถือเป็นคำเรียกที่ให้เกียรติอีกฝ่าย ถือเป็นคำสุภาพ
สำหรับการถูกแต่งตั้งเป็นเซอร์นั้น คุณไม่จำเป็นต้องถือดาบไปรบกับศัตรู แค่ทำสิ่งที่ตัวเองถนัดให้ยอดเยี่ยม เป็นบุคคลดีเด่น หรือ สร้างชื่อเสียงให้ประเทศชาติ ก็มีสิทธิ์ได้รับยศเป็นอัศวินได้เช่นกัน คล้ายๆ กับเครื่องราชย์ของไทย
การได้รับรางวัลจากราชวงศ์ มีเงื่อนไขหลักคือ คนที่ได้รับแต่งตั้ง ต้อง"ต้องมีชีวิตอยู่" ไม่สามารถให้ย้อนหลัง กับคนที่เสียชีวิตไปแล้วได้ และ ผู้ที่ได้รับ ต้องเป็นประชาชนของสหราชอาณาจักร หรือประเทศในเครือจักรภพ
ในวงการฟุตบอล จนถึงเวลานี้ กรกฎาคม 2024 มีผู้ได้รับแต่งตั้ง ยศเซอร์ ทั้งหมด 27 คน โดยคนที่เราน่าจะรู้จักกันดี เช่น เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน, เซอร์ แมตต์ บัสบี้, เซอร์ เคนนี่ ดัลกลิช, เซอร์ บ๊อบบี้ ชาร์ลตัน และ เซอร์ บ๊อบบี้ ร็อบสัน เป็นต้น
สำหรับ "เลเวล" ของเครื่องราชย์ ที่คนในวงการฟุตบอลจะได้รับนั้น มี 5 ระดับ ไล่จากสูงไปต่ำมีดังนี้
เลเวล 5 Knight (ยศอัศวิน - จะถูกแต่งตั้งเป็นเซอร์)
เลเวล 4 CBE
เลเวล 3 OBE
เลเวล 2 MBE
1
เลเวล 1 BEM
สำหรับแกเร็ธ เซาธ์เกต ตอนนี้เขามีเครื่องราชย์อยู่ในเลเวล 3 นั่นคือ OBE เทียบเท่ากับ เดวิด เบ็คแฮม, ไรอัน กิ๊กส์, เควิน คีแกน และ แฟรงค์ แลมพาร์ด
ขนาดพาทีมเข้าชิงยูโร 1 รอบ ยังได้ถึงระดับ OBE แล้วถ้าหากได้แชมป์ยูโรล่ะก็ ชื่อนำหน้าว่า เซอร์ ไม่หนีไปไหนครับ
สำหรับคำถามที่ผมตั้งไว้ตอนแรก คือ เราจะเรียกเซาธ์เกตตามข่าวแบบไหนดีถึงจะถูก?
กฎการเรียกยศอัศวินนั้น มีการระบุไว้ชัดเจน ว่า "เรียกยศแล้วต้องตามด้วยชื่อ หรือ ชื่อ-นามสกุล เท่านั้น การเรียกยศแล้วตามด้วยนามสกุล ถือว่าผิดหลัก"
เพราะฉะนั้น การเรียกเซอร์ แกเร็ธ เซาธ์เกต ถ้าเอาจริงๆ แบบให้ถูกเลย ก็คือ
✔️ ถูก - เซอร์ แกเร็ธ
✔️ ถูก - เซอร์ แกเร็ธ เซาธ์เกต
❌ ผิด - เซอร์ เซาธ์เกต
ถ้าเราสังเกต จะไม่เคยเห็นสื่ออังกฤษ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน ว่า "เซอร์ เฟอร์กี้" หรือ "เซอร์ เฟอร์กูสัน" เพราะเขาไม่ใช้กัน ก็เรียกไปเลยว่า "เซอร์ อเล็กซ์" ครับ
คือสุดท้าย ใครจะเรียกอะไรก็สุดแล้วแต่นะครับ บางคนอาจจะมองว่า เซอร์-เซาธ์เกต มัน ซ.โซ่ เหมือนกัน เรียกง่ายดี อะไรก็ว่ากันไป คือผมไม่ใช่ตำรวจภาษาอยู่แล้ว เพียงแต่ขออนุญาตเล่าให้ฟังว่า นี่คือวิธีการใช้ที่ควรจะเป็นครับผม
ขณะที่ศัพท์ที่สื่อฝรั่งใช้กันตอนนี้ คือคำว่า Arise (ลุกขึ้น) เช่น หนังสือพิมพ์เดลี่ เอ็กซ์เพรสส์ ลงข่าวว่า Arise Sir Gareth Southgate! ความหมายคือแบบนี้ครับ
1
เวลาที่กษัตริย์จะแต่งตั้งยศเซอร์ให้กับใคร คนที่ได้รับรางวัลต้องคุกเข่าหนึ่งข้าง แล้วกษัตริย์จะเอาดาบมาแตะไหล่ฝั่งซ้ายหนึ่งครั้ง ฝั่งขวาหนึ่งครั้ง แล้วก็จะพูดว่า "Arise" ลุกขึ้นยืนได้ ณ บัดนี้ ท่านได้รับแต่งตั้งเป็นอัศวินแล้ว
เมื่อมีข่าวการแต่งตั้งยศอัศวิน ก็เลยเห็นคำว่า Arise ขึ้นมาในหน้าข่าวบ่อยๆ นั่นเองครับ
แต่เอาล่ะครับ ท้ายที่สุดแล้ว การที่เซาธ์เกตจะได้รับยศอัศวินมาครอง จำเป็นต้องพาอังกฤษได้แชมป์ยูโรเสียก่อน แค่ตำแหน่งรองแชมป์ เชื่อว่ายังไม่เพียงพอที่จะได้รับยศสูงระดับนั้นได้
อังกฤษจะเจอกับสเปน ในนัดชิงคืนนี้ โดยสื่อทั่วโลกมองว่าสเปนได้เปรียบกว่า จากผลงานชนะรวด 6 เกม
ส่วนเส้นทางตั้งแต่รอบแรกนั้น สเปน เจอ โครเอเชีย (9), อิตาลี (10), อัลแบเนีย (66), จอร์เจีย (74), เยอรมัน (16) และ ฝรั่งเศส (2) ค่าเฉลี่ยอันดับโลกของทั้ง 6 ทีม คือ 29.5
ส่วน อังกฤษ เจอ เซอร์เบีย (32), เดนมาร์ก (21), สโลวีเนีย (57), สโลวะเกีย (45), สวิตเซอร์แลนด์ (19) และ เนเธอร์แลนด์ (7) ค่าเฉลี่ยอันดับโลกของทั้ง 6 ทีม คือ 30.1
สรุปคือ โดยรวมเส้นทางของสเปนแข็งกว่ามาก เจอทั้งเจ้าภาพ และทีมในระดับท็อปเท็นของโลกถึง 3 ทีม แต่ก็ยังเอาชนะได้รวด ตรงข้ามกับอังกฤษ ที่เจอทีมท็อปเท็นแค่ทีมเดียว (เนเธอร์แลนด์) แต่กว่าจะทะลุถึงรอบชิงได้ ก็ทุลักทุเลอย่างมาก
ขณะที่สถิติการเข้าชิงนั้น สเปน ชิง 4 ครั้ง ในยูโร ได้แชมป์ไป 3 หน ส่วนอังกฤษ เข้าชิง 1 ครั้ง ไม่เคยได้แชมป์ ในภาพรวมถือว่าสเปน สถิติดีกว่า
1
สถิติต่างๆ และทรงบอล ดูสเปนเป็นต่ออยู่สเต็ปหนึ่ง มันแปลว่า ถ้าหากอังกฤษต้องการชนะจริงๆ นักเตะทั้งหมดต้องระเบิดฟอร์มท็อปที่สุด หรือถ้าไม่อย่างนั้น ก็ต้องดวงแข็งสุดๆ แบบที่แคล้วคลาดทุกสิ่งทุกอย่าง
อังกฤษจะได้แชมป์เมเจอร์ครั้งแรก ในรอบ 58 ปีหรือไม่ คืนนี้เราจะได้รู้คำตอบกันครับ
และถ้าหากอังกฤษทำได้ล่ะก็ ไม่ว่าคุณจะชอบหรือไม่ แต่เซาธ์เกต ก็จะกลายเป็นอัศวินคนใหม่ และถูกเรียกว่า เซอร์ แกเร็ธ อย่างแน่นอนครับผม
โฆษณา