14 ก.ค. เวลา 12:25 • ปรัชญา
เรื่องของพระรัตนะตรัย นั้นเป็นเรื่องของแสง สีรัตนะ ที่เป็นแสงสว่าง ที่เกิดขึ้นที่จิตของผู้ที่มีธรรม เข้าถึงธรรม แสงนั้นเกิดขึ้นที่จิต ..แล้วยังเรื่องราวต่างๆอีกมากมายในว่าแสงรัตนะ .
เรื่องของแสง ..กับ พญามาร วัสสดีมาร ..เค้าไม่ได้เกรงกลัวพระพุทธเจ้าหรอก เค้ากลัวแสงที่จิตของพระพุทธเจ้า
เวลาเรานึกถึงพระพุทธเจ้า พระธรรม เราก็นึกถึงพระธรรมคำสอนขององค์พระสัมสัมพุทธเจ้า พระสงฆ์ เราก็นึกถึง พระอัคราชสาวก พระอรหันต์ พระโมคคัลลา พระสารีบุตร พระอานนท์ พระกัสสปะ พระสีวรี พระอรหันต์ยุคต้นพุทธกายอีกหลายพระองค์ เอ่อ..ชื่อท่านไปเถิด ..ตอนที่กายเป็นมนุษย์ ..เป็นชื่อคำสูง ที่จิตท่านสะลาดสะอาดสะอ้าน จิตเป็นธรรแล้ว เราพูดไป แต่ต้องนอบน้อม
..สิ่งเหล่านี้ จะเกิดมาเป็นคุณให้กับจิตของเราเอง ..ในการประพฤติปฏิบัติธรรม เพราะพระอรหันต์ ทุกพระองค์ ท่านก็อาศัยรอยทั่งสี่ขององค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า นำกายนั่นมากระทำ .ฝึกให้กายนิ่งจิตนิ่ง .แล้วธรรม ก็จะค่อยไหลลงมาที่จิค.เรื่องนี้ก็พูดยาก เพราะเรายังทำไม่ถึง ..
. เรื่องของธรรมจักร ก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง ที่เรายากจะเข้าใจได้ ครั้งหนึ่งนั่งรถไปทอดกฐิน ..เราก็นั่งรถมองดไปเรื่อย มองขึ้นไปดูก้อนเมฆ เห็นเป็นดวงกลม มีรูปเทพล้อมรอบห้าออก ลอยตามไปตลอด เราก็ถามพระที่มาด้วยว่า คือ อะไร ท่านก็บอกว่า เป็นธรรมจักร เรื่องราวของธรรม นั่นก็มีมากมาย ที่จะช่วยเหลือจิต ให่เข้าไปหาธรรม..ช่วยให้จิตเดินทาง ไปสู่สถานที่ดีๆ ที่มีความสุข จนไปถึงยุติการเกิด
อย่างพวกเรา จิตมนุษย์ทั่วไป ..นั่นก็ยากที่จะไปรับรู้จักเรื่องราว ของแสงรัตนะ ที่เราเรียกว่า พระรัตนะ ที่เป็นที่พึ่งให้แก่จิต เมื่อเรามารู้จักเรื่องราวของพระพุทธเจ้า เราจะเป็นผู้ที่ประพฤติปฏิบัติ เดินนำกายวาจาใจ มากระทำ มีกิริยาของผู้ที่มีธรรม มีความสงบ กายวาจาใจ ไม่มีอารมณ์โลภโกรธหลง เราก็นำกายมาฝึกหัด ..ฝึกกาย สร้างบุญสร้างทาน ฝึกกายปฏิบัติธรรมขึ้นมา ..ยืน เดิน นั่งนอนในรอยของผู้ที่มีธรรม จิตไม่นึกคิดอะไร ภาวนาพุทโธไปอย่างเดียว จนครบกำหนดเวลาที่เรา ตั้งใจไว้
เวลาจะฝึกหัด เราจะขอนำกิริยาของพระมาฝึกหัด ในการเดินยืนนั่งนอน เราก็กราบ นอบน้อม ขอนำกายบิดามารดามาฝึกหัด ฝึกหัดเริ่มต้น ปฏิบัติธรรม เราก็กราบพระ ด้วยความนอบน้อม สำรวมจิต จิตของข้าพเจ้าอาศัยอยู่ในเรือนกายของคุณบิดามารดาของข้าพเจ้า ข้าพเจ้าขอนพเรือนกายมาประพฤติปฏิบัติธรรมตามรอยองค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า เพื่อนอบน้อมสักการะบูชา เป็นเวลากี่นาที เราก็พูดให้หูเราได้ยิน เสียงของเรา ส่งไปให้จิตของตัวเอง
เรื่องพระฉัพพรรณรังสี เคยไปนั่งในโบสถ์วัดแห่งหนึ่ง เห็นพระฉัพพรรรณรังสี ส่องแสง ขึ้นมาที่พระประธานในโบสถ์ ..แล้วก็เป็นภาพหลวงพ่อองค์พระศรีอารย์ ลอยใสแจ๋ว เป็นแก้ว อยู่ข้างหน้าพระประธาน เอาไปเล่าให้หลวงตาฟัง..ท่านก็บอกว่า นิมิตดีจัง .แล้วท่านก็บอกอีกว่า อย่าไปเล่าใครฟัง ..เดี๋ยว..เค้าว่าเราบ้าม.. อต่นันก็พอให้เราเจ้าใจเรื่องราว แสงรัตนะได้บ้าง
จิตที่อาศัยในกาย ต้องใช้วิญญาณหูรับเสียง ที่เราพูด ส่งไปให้จิตที่อยู่ในกายรับรู้ นั่นเรื่องหนึ่ง ที่จะช่วยให้จิต กระตือรือร้นที่จะประพฤติปฏิบัติธรรมขึ้นมา
คราวนี้เรามาดูในกายนี้ มีธาตุดินน้ำลมไฟอยู่ เป็นอนุธาตุน้อยๆ ที่อาศัยในเรือนกาย จิตนั่นอาอยู่ในเรือนกายที่ห้อมล้อมไปด้วย อารมณ์ต่างๆมามากมาย มีกรรมมากมาย แต่เราก็ไม่รู้จัก .กรรม เมื่อเรานำกาย มาน้อมน้อม เอาอนุธาตุน้อยมากราบพระ .อนุธาตุน้อยๆ ก็จะเป็นเหมือนเครื่องรับส่ง ..ส่งกระแสออก สื่ออกไปกับคำว่ามหาธาตุ .ส่งไปถึงศูนย์รัตนะ ศูนย์ธรรม คล้ายอย่างนั่น
แล้วก็มีพระ..ที่จิตขอวท่านก็อยู่กับคินฟ้าอากาศ ที่ก็ส่องแสงลงมา ช่วยขจัดสิ่งที่เป็นมลทินออกไป ที่ท่านบอกว่า อย่ามีสิ่งอื่นเป็นที่พึ่ง ให้มีพระเป็นที่พึ่ง เมื่อจิตเราหันมาหาท่าน เป็นเหมือนครูบาอาจารย์ ก็จะเกิดแสงของธรรมส่องลงมาที่จิต เหมือนจิตนั่นเป็นไส้เทียน กายก็เป็นลำต้นเทียน
เมื่อเราจุดเทียน เกิดมีแสงรัตนะเกิดขึ้น เราก็นำจิตนั่น มาตรวจสอบเรื่องราวของกาย เรื่องกรรม เรื่องธรรมเรื่องจิต เรื่องของการประพฤติปฏิบัติธรรม ในรอยทั้งสี่ขององค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า ทำให้ถูกวิธี ..เพราะหูทิพย์ตาทิพย์ เค้าจ้องมองมาเลย ..เราพูดจริง ปฏิบัติจริงตามที่พูดมั้ย
เรื่องราวของพระรัตนะนั้น เป็นแสง ที่เกิดขึ้นที่จิต เป็นฉัพพรรณรังสี ..นั้นก็ยากที่จะเห็น เข้าไปเรียนรู้ จิตที่ไม่นอบน้อม มีเรื่องราวไสยศาสตร์คาถาคม เมื่อต้องแสงรัตนะ เค้าจะหงุดหงิด ไม่สบายเนื้อสบายตัว แล้วสิางที่ทำให้หงุดหงิด ไม่ชอบไม่พอใจ นั่นก็คือกรรม ขัดขวาง ไม่ใก้จิตฝึกหัดปฏิบัติธรรมขึ้นมาได้
เรื่องราวของพระรัตนะ นั่นจะเกิดขึ้นมาได้ เราก็ต้องสร้างบุญกุศลบารมีขึ้นมา ให้จิตมีแสงเกิดขึ้นมา ถึงตรงนั่นแหละที่เราจะรู้จัก พระรัตนตรัยขึ้นมา ไม่ต้องรีบร้อน ให้ปฏิบัติธรรมให้มันจริงจังขึ้น เราก็จะได้เรียนรู้เอง แล้วก็อย่าไป เกี่ยวข้องในเรื่องราว มายาอิทธิฤทธิ์โลกีย์ เพราะจะทำให้กรรมของตัวเองมันเพิ่มพูนขึ้นมา
เราก็ลองไปดู สีผิวของพระ ที่ท่านปฏิบัติดีปฎิบัติชอบ เราไปสังเกตดูผิวพรรณท่านเป็นอย่างไร ผิวของท่านเหมือนมีแสงสว่างส่องมาจากภายในกาย .ผิพรรรณที่เรือนกาย ก็แลดู เหมือนมีแสงสว่างออกมาจากภายในกาย ในจิตของผู้ที่มีธรรม เรื่องราวทำนองนี้ จะไม่มีทางเกิดขึ้นได้ ..
เมื่อไม่นำกายพ่อแม่มาสร้างบุญกุศลบารมี มันก็มีกรรมปิดบังตา .เดินเหมือนคนตาบอด ..ไม่รู้จักกรรม เดินใช้กายวาจาใช้ ไปตามอารมณ์กรรม ก็เห็นว่าตัวเองดี .
ดีที่ตกเป็นทาสของอารมณ์ โดยไม่รู้จักอารมณ์ในตัวตนเลย
..ไม่รู้ว่า จะเอาอะไรมาช่วยดับไฟ ดับทุกข์ ..จิตมันก็มีจมอยู่อย่างนั่น ไม่มีใครช่วยให้รู้จักกรรม ไม่รู้ว่า จะหนีกรรมนั้นมเค้าทำกันอย่างไร ถึงหนีอารมณ์กรรมตัวกระทำทไปหาพระ เมื่อไม่ทำ จิตก็ถูกปิด ไม่มีใครช่วย สอนให้รู้จักกรรม รู้จักอารมณ์ของตัวเอง ได้เลย
เรื่องที่เขียนมา อย่าเชื่อ ..เพียงแต่งเล่าว่า เป็นอย่างนั่นอย่างนี้ มีคนเค้าว่า ..เรานั้นมันหลง ..เพราะฉะนั้นอย่าเชื่อ.. เราต้องลงมือปฏิบัติขึ้นมา จึงจะไปรู้จัก ว่าจริงๆ เป็นอย่างไร ..
เรื่องราวนำกาย ไปท่องคาถาอาคมอาคม อยากมีอยากได้ รอวันแก่แก่เฒ่าชรา จะไม่มีโอกาศได้สัมผัสเรื่องราวแสงรัตนะได้เลย .เตรียมตัวได้ ..ดูได้ หากว่าเราดูเป็น ..เค้าจะทุกข์ทรมานก่อนจะตาย ก่อนตายยังทุกข์ทรมาน .ขนาดนี้ จิตออกจากเรือนกายจะทุกข์ทรมานขนาดไหน .
ในการเรียนรู้ของจิตที่อาศัยกาย ..ท่านบอกเสมอว่า เรานั่นไม่ใช่คนโง่ เราเป็นผู้ที่มีปัญญา ฟังธรรมแล้ว ก็เอาปัญญาที่ตนเองมี ไปใคร่ครวญพิจารณาไตร่ตรอง ..เห็นว่าดี ก็กระทำขึ้นมา ..เห็นว่าไม่ดีก็ทิ่งมันไป.. เห็นว่า จะทำให้จิตไปหาทุกข์ ก็ทิ้งมันไป เห็นว่า จะทำใก้จิตไปหาสุข ก็สร้างมันขึ้นมา ..ด้วยจิตของตัวเราเอง
โฆษณา