15 ก.ค. เวลา 02:37 • หุ้น & เศรษฐกิจ

หุ้น EA ..... กับสิ่งที่อยากให้ทบทวนกันดีๆ

วิกฤตการณ์ปัญหาของ EA ที่สำคัญตอนนี้ ไม่ใช่เรื่องของ มาร์จิ้นแตก ไม่ใช่เรื่องของคดีความเก่าแก่เมื่อสิบปีที่แล้ว
แต่....มันคือ การขาดความเชื่อมั่นค่ะ !!
สิ่งที่เราเข้าใจเกี่ยวกับตลาดหุ้น ตลาดทุน คือ มันขับเคลื่อนล้อไปกับ ความเชื่อ ความหวัง ของผู้คนเสมอ หากขาดสิ่งเหล่านี้ไป ตลาด หรือ การทำธุรกิจ กิจการ ไปต่อได้ยากมากค่ะ
การขาดความเชื่อมั่นนี้ เคทเห็นมีหลายๆคน พยายามไม่พูดถึง ซ้ำร้ายยังบิดไปว่าเป็นความเข้าใจผิดของผู้คนต่างๆนานา (ซึ่งเป็นเรื่องน่าตกใจพอสมควร) โดยที่ละเลยพื้นฐานสำคัญหลายๆอย่าง
เคทอยากให้ทุกท่านพิจารณาโดยเอาข้อเท็จจริงมาวาง เพื่อจะได้วิเคราะห์ปัญหาได้ถูกจุด
สิ่งแรกเลย เราต้องเข้าใจก่อนว่า EA มี หนี้สินอยู่
เกือบๆ 7 หมื่นล้าน
ใน 7 หมื่นล้านนั้น เป็น หนี้หุ้นกู้อยู่ถึง 3.1 หมื่นล้าน !!
จริงอยู่ที่ว่า หนี้หุ้นกู้ทั้งหมดจะครบดีล ปี 2576 (ซึ่งอีกนาน)
แต่... ภายในปีนี้ จะมีหุ้นกู้ครบกำหนด 5,500 ล้านบาท
โดยจะครบกำหนดในวันที่ 15 ส.ค. 2567 มูลค่า 1,500 ล้านบาท (ซึ่งเหลืออีกแค่ 30วัน) และวันที่ 29 ก.ย. 2567 อีก มูลค่า 4,000 ล้านบาท
จริงอยู่ที่ EA มีกระแสเงินสดอยู่ในมือ 2 พันกว่าล้านบาท
หนี้ชุดแรก น่าจะไม่มีปัญหา แต่ หนี้ชุดถัดไปด้วยรายได้ของบริษัท ณ ขณะนี้ ทำให้ต้องออกหุ้นกู้ใหม่ (rollover) ซึ่งตรงนี้แหละที่เป็นความเสี่ยง
ด้วยปัญหาที่ถาโถม ปฏิเสธไม่ได้ว่า มันทำให้ภาพระยะใกล้นั้นดูแย่
น่ากังวล และส่งผลต่อความเชื่อมั่นมาก ตรงนี้เลยเกิดเป็นความเสี่ยง
เสี่ยง....ว่าจะขายหุ้นกู้ไม่ได้ตามเป้า และกรณีที่จำหน่ายออกไม่ได้ตามเป้า สิ่งต่อมาที่ต้องทำคือ "การเพิ่มทุน"
ถ้าเกิดการเพิ่มทุน ยังไงหุ้นก็ต้องเกิดไดลูทอยู่แล้ว
อย่างไรก็ตาม ความเสี่ยงที่ว่านี้อาจจะจบลงหากหุ้นกู้สามารถขายได้หมด สะท้อนการเรียกความเชื่อมั่นกลับมาได้ (แต่จะรู้ว่าขายได้หมดกี่วัน)
ถึงตรงนี้ นักลงทุนอาจมองว่า เป็น โอกาสครั้งใหญ่
ซึ่งก็อาจจะเป็นแบบนั้น ปฏิเสธไม่ได้ว่า
โอกาส กับ ความเสี่ยง เป็นของคู่กัน
ความเสี่ยงสูง ก็ รีเทิร์นสูง
แต่ การลงทุน กับ การพนัน เราต้องแยกให้ดีๆนะคะ
การลงทุน มันวางอยู่บน Calculate Risk (ความเสี่ยงที่เราประเมินแล้ว) ตลอดรวมถึงการมี Margin of Safety ...แต่ การพนัน คือ Non-calculate risk
Calculate Risk ในแง่พื้นฐานเป็นอย่างไรบ้าง
ปัจจุบัน EA มี มูลค่าอยู่ที่ 4.8 หมื่นล้าน
รายได้ล่าสุด ไตรมาส 1 = 888ล้าน
PE มองแบบ conser จะได้ราวๆ 13-15
มองแบบกลางๆ ณ ราคานี้ ก็ไม่ได้แพง แต่ก็ไม่ถูก
(แต่อย่าลืมว่า กำไรไม่ได้เติบโตเหมือนอดีต ดังนั้น ตลาดมักจะกด PE ได้ต่ำลงไปได้อีกเยอะ เพื่อให้เกิด MOS หรือถอยไปตั้งหลัก)
ถ้าเราประเมินว่า อนาคตกำไรจะกลับไปโต ยังไงซื้อวันนี้ อนาคตก็กำไร
ทีนี้มาดูสภาพคล่อง หรือรายการเทียบเท่าเงินสด
ในงบมีบันทึกอยู่ที่ 2,244.51 ล้านบาท
อัตราส่วนสภาพคล่อง เท่ากับ 1.07
อัตราส่วนสภาพคล่องหมุนเร็ว เท่ากับ 0.51
ตรงนี้แหละที่น่าห่วง
ตรงอัตราสภาพคล่องหมุนเร็ว หรือ Quick Ratio มันสะท้อนสินค้าคงคลัง (Inventory) ที่มีอยู่มาก (สินค้าเหลือเยอะก็สะท้อนความต้องการของตลาดเช่นกัน)
เวลาเกิดมีปัญหาในการชำระหนี้เวลาจะขายแปรเป็นเงินสด ก็จะขายได้ราคาต่ำ ดังนั้นมูลค่าจริงๆของสินทรัพย์ที่เราเห็นในงบ ต้องเผื่อส่วนที่จะหายไปตรงนี้ให้ดีๆ
สินทรัพย์ของกิจการที่ถูกบันทึกมูลค่านอกจากที่ดินและโรงงาน ก็เป็นส่วนของสินค้าคงคลังและหนี้ทางการค้าซะเยอะ
และที่น่าห่วงมากๆคือ หนี้จาก บริษัทในเครือ อย่าง NEX และ BYD
NEX ขายรถบัสให้ BYD หรือ ThaiSmile
ใช่ค่ะ รถเมล์บัสไฟฟ้าที่วิ่งกันอยู่ ซึ่ง EA แบกหนี้ไว้
1
ปัญหาคือ กิจการ ThaiSmile บัส ยังเหนื่อยอยู่ ต้องลุ้นอีกเยอะพอสมควร
นั่นก็หมายความว่า หนี้สินยังคงต้องค้างคากันไปอีกนาน
เป็นปัญหา สภาพคล่อง ในระบบ
ย้อนกลับไปที่สินทรัพย์ในส่วนของ โรงงาน โรงงานที่ว่านั่นก็คือ โรงงานแบตเตอร์รี่ ที่ EA กำลังเดิมพันใหม่ กับ ธุรกิจรถบรรทุกEV และอาจรวมถึงรับจ้างผลิตในอนาคต ซึ่งการแข่งขันเดือดมาก แต่ถ้า EA ไปได้ ก็จะเป็น New S-Cuve ที่สำคัญของบริษัท
แต่ที่ว่ามานี้ EA ต้องใช้ปริมาณเงินอีกมาก ต้องการสภาพคล่องเพื่อต่อลมหายใจ เพื่อให้ยังอยู่ในลู่วิ่งได้ และนี่คือ ปัญหาหลักของ EA
เมื่อกิจการไม่มีสภาพคล่อง ก็ต้องกู้ยืม แต่ถ้ากู้ยืมไม่ได้ ก็......
มิ้วติ้ววนไป
เพื่อนๆพี่ๆมีความเห็นอย่างไร แชร์แลกเปลี่ยนกันได้นะคะ หากผิดพลาดประการใดแจ้งแก้ไขได้ และขออภัยไว้ ณ ที่นี้ด้วยค่ะ
โฆษณา