15 ก.ค. เวลา 13:14 • สิ่งแวดล้อม

ระวังให้ดี หากกดดันจนฉันทนไม่ได้ ระเบิดขึ้นมาเมื่อไร ถามว่าใครคือคนเดือดร้อน

ไม่รู้ว่าฉลาดหรือโง่กันแน่ กับพฤติกรรมของมนุษย์บนโลกใบนี้ ที่ตัดไม้ในป่าเอามาใช้เป็นฟืนเผาไฟ ทั้งที่ตัวเองไม่ได้ปลูก สูบเอาน้ำมันพลังงานจากฟอสซิลใต้ดินขึ้นมากลั่นแล้วก็เผา ทั้งที่ตัวเองไม่ได้สร้าง
คนกลุ่มหนึ่งพยายามบอกว่า ให้หยุดเผา หยุดถางป่า หยุดทำลายล้าง แต่เมื่อเทียบกับกลุ่มทำลายสัดส่วนเทียบกันไม่ได้ อัตราการปลูกป่าจึงน้อยกว่าการทำลายหลายเท่าตัว ภาพถ่ายทางอากาศย้อนหลังไปสัก 10-20 ปี จะเห็นได้ชัดว่าสัดส่วนสีเขียวบนพื้นโลกหายไปมาก ถูกแทนที่ด้วยสีน้ำตาลสัญลักษณ์พื้นที่แห้งแล้ง เหมือนทะเลทราย ส่วนหนึ่งกลายเป็นป่าคอนกรีต ที่อยู่อาศัยของคนเมือง
ราคาน้ำมันสูงขึ้น ด้วยเปอร์เซ็นต์ที่สูงกว่าอัตราเงินเฟ้อ เพราะการเผาผลาญที่ใช้เป็นเชื้อเพลิงยิ่งเพิ่มขึ้นเป็นทวีคูณ จากจำนวนประชากรโลกที่เพิ่มขึ้น และเทคโนโลยีที่ถูกพัฒนาให้ก้าวหน้ามากขึ้น
อุณหภูมิที่สูงขึ้นทุกๆปี คือสัญญาณเตือนภัย ราวกับบอกให้รู้ว่า มนุษย์ต้องหยุดทำลายสิ่งแวดล้อมได้แล้ว แต่แทนที่จะเข้าใจแล้วหยุดการทำลาย มนุษย์กลับทำในสิ่งตรงกันข้าม คือการเผาพลังงานเพิ่มขึ้นในรูปแบบของระบบปรับอากาศ สู้กับอากาศร้อน ผลที่ได้คืออุณหภูมิที่เย็นสบายในอาคาร แต่นอกอาคารร้อนระอุ ส่งผลให้การสะสมก๊าซเรือนกระจกที่ห่อหุ้มโลกในชั้นบรรยากาศยิ่งหนาขึ้น อบโลกให้ร้อนขึ้น ย้อนกลับมาเผาตัวเองในที่สุด
สังคมโลก โดยที่ประชุมสหประชาชาติ ได้มีการวางมาตรการควบคุมการปล่อยก๊าซเรือนกระจกขึ้นสู่ชั้นบรรยากาศ เพื่อชะลอภาวะโลกร้อนให้ช้าลง มีมติเห็นชอบเมื่อวันที่ 11 ธันวาคม 2540 ที่เมืองเกียวโต ประเทศญี่ปุ่น จึงเรียกข้อตกลงนี้ว่า พิธีสารเกียวโต มีผลใช้บังคับในอีก 8 ปีต่อมา เมื่อวันที่ 16 กุมภาพันธ์ 2548
191 ประเทศ จากสมาชิกสหประชาชาติทั้งหมด 193 ประเทศ ลงนามในข้อตกลง ส่วนประเทศที่ลงนามแต่ไม่ได้ให้สัตยาบัน มีสหรัฐอเมริกา ออสเตรเลีย อัฟกานิสถาน อันดอร์รา และเซาท์ซูดาน
ส่วนแคนาดา ถอนตัวจากพิธีสารฯ ในปี 2554 นั่นแสดงให้เห็นว่ามีบางประเทศยังเอาเปรียบประเทศอื่นอยู่
จึงเป็นความวิตกกังวลว่าการดำเนินการจะไม่ได้ผล เพราะประเทศใหญ่อย่างสหรัฐอเมริกาซึ่งปล่อยก๊าซเรือนกระจกมากเป็นอันดับ 2. ของโลกไม่ให้ความร่วมมือ
อาจจะต้องหามาตรการบังคับ ให้ทุกประเทศต้องรับผิดชอบต่อกิจกรรมที่ตนเองทำให้เกิดภาวะโลกร้อน อย่างยุติธรรม ต่อจากนี้ไป ทุกผลิตภัณฑ์ที่ออกสู่ตลาด อาจจะต้องแสดงเครื่องหมายบอกให้รู้ว่า ตลอดกระบวนการผลิตได้ปล่อยก๊าซเรือนกระจกออกไปเท่าไร ผู้บริโภคจะเป็นคนบังคับให้ต้องปฏิบัติตามข้อตกลงตามพิธีสารเกียวโตเอง โดยการปฏิเสธสินค้านั้นๆ
นับจากนี้ต่อไป การปลูกไม้ยืนต้น เพื่อขายคาร์บอนเครดิต จะได้รับความนิยมมากขึ้น ประเทศไหนตื่นตัวก่อนจะได้เปรียบ เพราะจะได้ประโยชน์ 2 ต่อ ต่อแรกจะได้ผลิตภัณฑ์จากการปลูกต้นไม้เพื่อเก็บกักก๊าซคาร์บอน เรียกว่าคาร์บอนเครดิต ขายให้กับประเทศอุตสาหกรรมที่ปล่อยก๊าซเรือนกระจกเกินโควต้า ประโยชน์ต่อที่ 2. ได้สภาพแวดล้อมที่ดีต่อการใช้ชีวิตในการอยู่อาศัยของคนในประเทศ
น่าเสียดายที่รัฐบาลยังขาดความจริงใจต่อการรักษาสิ่งแวดล้อม ปล่อยให้กลุ่มทุนทำลายป่าผ่านทางนอมินี่ โดยใช้ชาวบ้านเป็นเครื่องมือ บุกรุกป่า จนต้องออกเอกสารสิทธ์ให้เข้าทำกิน สักพักก็ขายให้กับกลุ่มทุน แล้วก็บุกรุกใหม่ เป็นวัฏจักรที่ไม่รู้จบ
ล่าสุดที่กำลังฮ็อตเห็นจะเป็นกรณี อุทยานแห่งชาติทับลาน ที่ส่วนใหญ่เป็นการบุกรุกไว้ล่วงหน้านานแล้ว กว่า 260,000 ไร่ คิดเป็น 20% ของพื้นที่อุทยาน หากการออกกฎหมายเพื่อทำให้การบุกรุกป่าสงวนครั้งนี้สำเร็จ ถือเป็นการทำลายป่าครั้งใหญ่ที่สุดในครั้งเดียวเป็นอันดับ 1. ของโลก
ความจริงเริ่มถูกเปิดเผยออกมามากขึ้นเรื่อยๆ เมื่อหลายสำนักข่าวขุดคุ้ยให้เห็นเบื้องหลังของการจัดสรรขายพื้นที่ป่า ที่ดำเนินการโดยกำนันผู้มีอิทธิพลในพื้นที่ ซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐ ให้กับนายทุน ภาพถ่ายทางอากาศระบุพิกัดชัดเจน ให้เห็นโครงการรีสอร์ตทั้งที่สร้างเสร็จแล้ว และที่กำลังก่อสร้าง ผุดขึ้นใหม่ราวกับดอกเห็ด ในเขตพื้นที่ป่าสงวนอุทยานแห่งชาติ
ส่วนที่เกาะสมุย เจ้าหน้าที่เข้ารื้อวิลล่าหรู 52 หลัง ที่บุกรุกในพื้นที่ป่าสงวนบนความลาดชันเกินกว่าที่กฎหมายกำหนด ยังสงสัยว่า เจ้าหน้าที่ที่รับผิดชอบโดยตรงไปทำอะไรอยู่ที่ไหน จึงปล่อยให้เกิดการทำลายทรัพยากรจนเสียสภาพแวดล้อมดั้งเดิมไป โดยไม่ระแคะระคาย
สิ่งที่เกิดขึ้นวันนี้ไม่ใช่เรื่องใหม่ แต่ซ้ำซากจนนับครั้งไม่ถ้วน ประชาชนถูกกลุ่มทุนและนักการเมืองฉ้อฉลบางคน หลอกใช้เป็นเครื่องมือ เป็นด่านแรกในการบุกรุก อ้างเหตุผลว่าไม่มีที่ทำกิน เมื่อได้ที่ทำกินก็ขายต่อให้นายทุน หากใครยังสงสัย ถามว่าวิลล่าหรูหลังละหลายสิบล้านบาท ชาวบ้านหาเช้ากินค่ำมีปัญญาสร้างได้ไหม
เมื่อทุกฝ่ายเอาแต่แย่งชิงทรัพยากร ด้วยการวางแผนเป็นขั้นเป็นตอน อย่างที่เป็นอยู่ในขณะนี้ ได้เวลาก็แก้กฎหมาย ให้ผิดกลายเป็นถูก อนาคตไม่ไกล้ไม่ไกลก็ต้องถึงจุดจบ
เหมือนไข่ในเตาไมโครเวฟ ถูกอบไปเรื่อยๆ สุดท้ายก็ระเบิด
โลกที่เป็นบ้านของเราใบนี้ก็ไม่ต่างกับใข่ใบนั้น ระวังให้ดี อย่าให้โลกน้อยใจจนต้องตัดพ้อออกมาว่า หากกดดันจนฉันทนไม่ได้ ระเบิดขึ้นมาเมื่อไร ถามว่าใครคือคนเดือดร้อน
โดย.. พี่ชื่อวิช
โฆษณา