16 ก.ค. เวลา 18:30 • ความคิดเห็น

บอกตัวเองว่าถึงเวลาปล่อยวางแล้ว

อังริน…
วันนี้ฉันวุ่นวายหลายอย่างมากเลย โชคดีที่ฝนตกฉันเลยไม่ต้องรดน้ำต้นไม้ วันนี้ฉันทำหน้าที่แอดมินกลุ่มฉันเลยรู้สึกมีชีวิตชีวาเพิ่มมากขึ้น การมีงานที่ต้องรับผิดชอบมากกว่าหนึ่งงานก็ทำให้ฉันไม่ว่างดี ซึ่งมันดีเหมือนกันที่ฉันไม่ว่าง
ฉันอ่านหนังสือ “HOW TO FIX A BROKEN HEART” จบแล้ว เป็นหนังสือที่ฉันรอมาสองปี จนตอนนี้ฉันไม่ได้ broken heart แล้ว ฉันคิดว่าแผลมันคงหายไปแล้วล่ะ แต่พออ่าน ๆ ไปฉันก็รู้สึกเข้าใจตัวเองในตอนนั้นมากขึ้น และเข้าใจตัวเองในหลาย ๆ มุม
จากที่ฉันอ่านหนังสือของ กาย วินช์ ทั้งสองเล่มฉันพอจะสรุปได้ว่า… อาการไม่ลืมความเจ็บปวดในอดีตของฉัน ทั้งที่ก็ไม่ได้อยากจำมันเป็นอาการของ ‘บาดแผลทางอารมณ์’ เป็นบาดแผลที่เกิดจากการที่ฉันคิดว่า ฉันไม่เป็นไรกับคำพูดที่ฉันไม่ชอบ, ฉันคิดว่าฉันไม่เป็นไรกับการกระทำจากบางคน หรือถึงฉันจะเป็นไรในตอนนั้น แต่ฉันก็ถูกสอนจากคนรอบกายว่า ‘ต้องไม่เป็นไร คนอื่นเขาเจอหนักกว่านี้’ … มันก็เลยสร้างบาดแผลให้ฉันโดยที่ฉันก็ไม่รู้ตัวหรอก
เหมือนกับ…เธอเคยอยู่ดี ๆ ก็มีแผลที่ขาที่มือ แต่นึกไม่ออกว่าไปโดนอะไรตอนไหนไหม ฉันคิดว่ามันคงคล้าย ๆ แบบนั้น หรือก็รู้แหละว่าเป็นแผล แต่ไม่ได้รักษาให้ดีปล่อยให้หายเอง มันก็หายได้แหละนะแต่มันช้าไง แล้วก็อาจจะอักเสบขึ้นมาได้อีก ฉันเข้าใจว่าแบบนี้นะ
ฉันชอบบทที่สี่ที่สุดเป็นบทที่พูดถึง ‘การเยียวยาเริ่มต้นที่ใจ’ มีหลายประโยคที่ฉันขีดเส้นใต้เอาไว้ ฉันอยากให้เธอลองอ่านประโยคนี้ เขาบอกว่า…
“มีความแตกต่างอย่างมากระหว่างการอยากให้ความเจ็บปวดทางอารมณ์จบลง กับการตัดสินใจลงมือทำให้มันหยุด การหวังว่าเราจะเดินหน้าต่อไปได้ไม่เหมือนกับการหาทางทำให้ตัวเองเดินหน้าต่อไป หากต้องการเยียวยาจิตใจที่แตกสลายให้หายดี เราต้องส่องกระจก (ทั้งในเชิงเปรียบเทียบและอ่านตรงตามตัวอักษร) และบอกตัวเองว่าถึงเวลาปล่อยวางแล้ว และการทำเช่นนั้นอาจยากเย็นแสนเข็ญ…”
ใช่!! อยากแต่ไม่ลงมือทำมันจะไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงเลย และฉันก็ดีใจนะที่ฉันหาหนทางให้ตัวเอง ถึงแม้มันจะดูเชื่องช้าไปบ้าง ก็ฉันมีแต่หนังสือแนวนี้เป็นที่ปรึกษานี่นา ก็เพิ่งจะมีเธอที่ยอมรับฟังฉันอีกคนนี่แหละ
วันนี้ฉันรู้สึกมีพลังชีวิตดีจัง ฉันกลับมาสวดมนต์อีกครั้งได้สามวันแล้ว ฉันเลยมีเรื่องคุยกับเจ๊นา ไม่สิ… เจ๊นาเลยคุยกับฉันมากกว่า ไม่อย่างนั้นเวลาส่งข้อความไปพี่สาวฉันก็มักจะอ่านอย่างเดียวหรือไม่ก็ไม่อ่านเลยจนข้ามวัน
ตอนค่ำฉันทำเนยถั่วให้ม๊า ที่จริงว่าจะทำพรุ่งนี้ เพราะมืดแล้วฝนตกและยุงก็เยอะ แต่ฉันก็รู้ว่าม๊ารอกินมาสองวันแล้ว มันเป็นสิ่งที่ม๊ายังกินได้อย่างเอ็นจอย ฉันก็ควรดีใจและทำให้ม๊าเลยดีกว่า ระหว่างรอไปทำม๊าก็จุดยากันยุงให้ฉัน แล้วพอฉันทำเนยถั่วเสร็จม๊าก็กินทันทีเหมือนทุกครั้งที่ผ่านมา ฉันขอให้ม๊าอยู่ดีมีสุข กินอิ่มกินอร่อย นอนหลับสนิทหลับสบายไร้กังวล และสุขภาพแข็งแรงไปอีกนาน ๆ
วันนี้ฉันรู้สึกดีมากจริง ๆ
26 มิถุนายน 2567
#ไดอารี่ของอังริน
โฆษณา