22 ก.ค. เวลา 02:00 • ธุรกิจ

ไขความลับ ทำร้าน Drive Thru ยากขนาดไหน?

Drive-Thru คือ การขับรถเข้าไปซื้อของ หรือรับการบริการตามร้าน เป็นหนึ่งในช่องทางบริการที่สะดวกต่อผู้ใช้งาน คือเพียงแค่ สั่ง จ่าย รอรับสินค้า ไม่ต้องเสียเวลาลงจากรถ มีกรณีศึกษาในอเมริกาว่า Dunkin’s Drive-thru ใช้เวลาบริการลูกค้าน้อยที่สุดเพียง 216 วินาที แต่ส่วนหนึ่งอาจเป็นปัจจัยที่เกี่ยวเนื่องกับตัวสินค้าด้วย
กระแสของ Drive-Thru ยิ่งเป็นที่พูดถึงเมื่อตอนที่เกิดโควิดระบาด ซึ่งจุดเริ่มต้นของ Drive-Thru ต้องย้อนไปในช่วงปี 1921 จากร้านฟาสต์ฟู้ด Pig Stand ที่เสนอการให้บริการแบบใหม่ โดยลูกค้าที่สั่งอาหารไม่จำเป็นต้องลงจากรถแต่จะมีพนักงานของร้านเดินมารับออเดอร์ที่รถ ตลอดจนนำออเดอร์ที่เสร็จแล้วส่งมอบให้ลูกค้า
ซึ่งเรียกพนักงานที่ให้บริการแบบนี้ว่า “Carhop” โดยมีชื่อเรียกการให้บริการแบบนี้ว่า “Drive-In” และกลยุทธ์นี้ก็ได้รับความนิยมมีหลายแบรนด์นำไปใช้ หนึ่งในนั้นคือแบรนด์ Jack-in-the-Box และ Wendy’s ที่นำรูปแบบการให้บริการแบบนี้มาใช้ จนกลายเป็นชื่อเรียกแบบใหม่ว่า “Drive Thru” กระทั่งปี 1970 Mcdonald ได้เปิดตัวร้านแบบ Drive-Thru เป็นครั้งแรกในรัฐ Sierra Vista และ Arizona หลังจากนั้นก็เริ่มแพร่หลายไปในยุโรปและเอเชีย
ตัดกับมาที่ประเทศไทยหลายธุรกิจทหันมาใช้กลยุทธ์การตลาดแบบ Drive-Thru โดยใช้ทำเลที่ตั้งตามสถานีบริการน้ำมัน ถนนหนทาง เส้นทางที่มีรถสัญจรผ่านไปมา ทั้งในตัวเมือง และนอกเมือง โดยมีหลายแบรนด์ยกตัวอย่างเช่น
✅Daiso Sushi Drive Thru
✅KFC Drive Thru
✅Burger King Drive Thru
✅McDonald's Drive Thru
✅Starbucks Drive Thru
✅วราภรณ์ ซาลาเปา Drive Thru
✅Café Amazon Drive Thru
✅Dunkin' Donuts Drive Thru
ซึ่งไม่ใช่แค่ในกลุ่มอาหาร – เครื่องดื่มเท่านั้น แม้แต่สถาบันการเงินก็มี Drive Thru เช่นกัน ยกตัวอย่างธนาคารกรุงศรีอยุธยา ที่เปิดให้บริการแบบ DRIVE-THRU BANKING ตามสถานีบริการน้ำมันของปตท. หรือแม้แต่ไปรษณีย์ไทยก็เปิดบริการ “Laksi DRIVE-THRU POST” ที่หลักสี่ เพื่อให้บริการฝากส่งพัสดุไปรษณีย์เพียง 3 นาที โดยไม่ต้องลงจากรถยนต์ หรือรถจักรยานยน
และกลยุทธ์ Drive Thru ก็ดูจะไม่ใช่แค่กลยุทธ์ที่มาแบบเล่นๆ หลายแบรนด์เอาจริงเรื่องนี้มาก อย่าง แมคโดนัลด์ วางแผนเปิดสาขา Drive-Thru Stand Alone นอกศูนย์การค้ามากขึ้นด้วยเป้าหมายจะขยายสาขารวมอีก 200 สาขา โดยกว่าครึ่งหรือ 100 สาขาจะเป็น Drive-Thru และจะเน้นทำเลย่านชุมชน แหล่งท่องเที่ยว หรือจะเป็นทางด้าน KFC ที่จริงจังเรื่องนี้เหมือนกันพร้อมขยายสาขา Drive-Thru ให้มีมากกว่า 100 สาขาทั่วประเทศ
ไม่ใช่แค่เรื่องการขยายสาขาเท่านั้น แม้แต่เทคนิคการตลาดหลายแบรนด์คิดไอเดียมานำเสนอเพื่อสร้างภาพลักษณ์ว่าเป็น Drive-Thru ที่รวดเร็วสมชื่อ อย่างล่าสุด แมคโดนัลด์ ปิ๊งไอเดีย ชวนลูกค้าท้าความเร็ว กับแคมเปญ “McDrive-Thru 2 Minutes Challenge mujท้าให้ลองพิสูจน์ความเร็วง่ายๆ เมื่อใช้บริการจากไดรฟ์ ทรู และหากว่ารอรับอาหารนานเกิน 2 นาที รับฟรีทันที! ไก่ทอดแมค 1 ชิ้น เป็นต้น
หากมาลองวิเคราะห์ว่าทำไม Drive-Thru ถึงกลายเป็นช่องทางขายที่สำคัญจะพบว่ามี 3 ปัจจัยสำคัญคือ
1️⃣ลดเปอร์เซ็นต์การนั่งแช่ในร้านของลูกค้า เพราะการขายของแบบ Drive-Thru กระตุ้นให้ลูกค้าซื้อกลับบ้านมากกว่าทำให้ในหนึ่งวันร้านค้าสามารถรับลูกค้าได้มากขึ้น
2️⃣จำกัดเวลาในการตัดสินใจ ลดความลังเลในการเลือก ทำให้ขายสินค้าได้ง่าย ได้ทันที
3️⃣ผู้บริโภคมักตัดสินใจซื้อสินค้าทันทีที่เห็น ซึ่งผลการศึกษาพฤติกรรมของผู้บริโภค พบว่าลูกค้ามากกว่า 70% ตัดสินใจซื้อทันทีที่เห็นสินค้า ซึ่งการขายแบบ Drive-Thru ทำให้ผู้บริโภคมองเห็นมาตั้งแต่ระยะไกลว่ามีร้านค้าอยู่ตรงนี้ และมักตัดสินใจแวะตั้งแต่มองเห็น
ต่อคำถามที่ว่า “ทำร้าน Drive-Thru นั้นยากขนาดไหน” ก่อนอื่นต้องไปดูในภาพรวมการลงทุน Drive-Thru อาจต้องใช้งบลงทุนที่สูงขึ้นเฉลี่ยกว่า 5 ล้านบาทต่อสาขา (โดยขึ้นอยู่กับแบรนด์) นับรวมตั้งแต่ค่าก่อสร้าง งานวางระบบในร้าน และแม้จะเป็นร้านที่ใช้พนักงานไม่เยอะแต่ก็ต้องมีเทคโนโลยีในการบริหารจัดการที่มากกว่าร้านปกติทั่วไป แต่ถึงอย่างไรก็ถือว่าเป็นการทำตลาดเพื่อตอบโจทย์ผู้บริโภคที่มีความเร่งรีบได้เป็นอย่างดี ที่สำคัญเพิ่มยอดขายได้กว่า 25-30%
แต่ด้วยจำนวนการลงทุนที่ค่อนข้างสูง จึงเป็นการลงทุนที่เหมาะกับแบรนด์ใหญ่ มีเงินทุนมากพอ รวมถึงต้องเป็นแบรนด์ที่มีระบบบริหารจัดการอย่างดีเยี่ยม สำหรับธุรกิจขนาดกลาง – ขนาดเล็ก ไม่เหมาะสมกับการลงทุนแบบ Drive-Thru แต่ควรเน้นไปที่การขยายสาขามากกว่า ทั้งนี้คาดว่าในอนาคต Drive-Thru จะยังมีการเติบโตได้ต่อเนื่อง ที่สำคัญ Drive-Thru ยังเป็นภาพลักษณ์ว่าแบรนด์ดังกล่าวมีความสนใจของลูกค้าทั่วประเทศเป็นจำนวนมาก
#ธุรกิจแฟรนไชส์ #ร้านอาหาร #DriveThru #ขยายสาขา #การลงทุน #แฟรนไชส์ #รวมแฟรนไชส์ #ไทยแฟรนไชส์เซ็นเตอร์
โฆษณา