Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
REAL
•
ติดตาม
16 ก.ค. เวลา 09:00 • ประวัติศาสตร์
โอลก้า นักบุญฝังแค้น ฆ่าล้างเมือง
นักบุญโอลก้า (Saint Olga) แห่งเคียฟเป็นหนึ่งในบุคคลสำคัญในประวัติศาสตร์ของศาสนาคริสต์นิกายออร์โธดอกซ์และของประเทศรัสเซีย เธอเกิดประมาณปี ค.ศ. 890 ในเขตปสคอฟ ปัจจุบันอยู่ในประเทศรัสเซีย โอลก้าแต่งงานกับเจ้าชายอิกอร์ แห่งเคียฟ และกลายเป็นผู้ปกครองเคียฟหลังจากที่สามีของเธอถูกสังหารโดยชาวเดรฟเลียนในปี ค.ศ. 945
เจ้าชายอิกอร์ สามีของนักบุญโอลก้า ถูกสังหารโดยชาวเดรฟเลียนในปี ค.ศ. 945 เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นหลังจากที่อิกอร์ได้เดินทางไปเก็บส่วยจากชาวเดรฟเลียนเป็นครั้งที่สองในปีเดียวกัน เนื่องจากชาวเดรฟเลียนมองว่าการเก็บส่วยครั้งที่สองนี้เป็นการกดขี่และไม่ยุติธรรม พวกเขาจึงตัดสินใจทำการลอบสังหารอิกอร์อย่างโหดร้ายเพื่อต่อต้านการกดขี่นี้ นักประวัติศาสตร์ชาวกรีกได้บันทึกไว้ว่าพวกเขาได้ตัดต้นไม้ทับไปที่ขาของเจ้าชายอีกอร์และปล่อยให้ต้นไม้ตั้งตรงอีกครั้งและจึงฉีกล่างออกจากกัน
หลังจากที่เจ้าชายอิกอร์ถูกสังหาร โอลก้าภรรยาของเขาได้ขึ้นมาปกครองเคียฟแทน ทำให้เจ้าชายมอร์ แห่งเดรฟเลียนที่รู้ว่าเจ้าหญิงกำลังโสดหลังจากสูญเสียสามีไป ก็ได้วางแผนที่จะแต่งงานกับเจ้าหญิงโอลก้าเพื่อที่จะทำให้เขามีอำนาจในอาณาจักรมากขึ้นและได้ส่งคณะทูตไปที่เมืองเคียฟ เพื่อขอเจ้าหญิงโอลก้าแต่งงาน
แต่เจ้าหญิงไม่ต้องการที่จะแต่งงานกับคนที่ฆ่าสามีของเธอ เธอจึงวางแผนที่จะแก้แค้นให้กับสามีของเธอด้วยการส่งสารไปหาเจ้าชายมอร์ เพื่อบอกว่าต้องการจะทำสัญญาสันติภาพและขอให้พวกเขาส่งตัวแทนมาเจรจา เมื่อเหล่าตัวแทนของชาวเดรฟเลียนมาถึงเคียฟ โอลก้าได้สั่งให้พวกเขาถูกฝังทั้งเป็นในหลุมลึกที่ขุดไว้แล้ว
หลังจากนั้น โอลก้าได้ส่งสารไปยังชาวเดรฟเลียนอีกครั้งโดยบอกว่าเธอยินดีที่จะแต่งงานด้วย แล้วขอทหารองค์รักษ์มือดีที่สุดเพื่อที่จะคุ้มกันเธอไปที่อาณาจักรของชาวเดรฟเลียน โดยที่เธอจัดงานเลี้ยงไว้เตรียมพร้อมอย่างดี เมื่อพวกเขามาถึง โอลก้าก็สั่งให้ฆ่าพวกเขาทั้งหมดในขณะที่พวกเขาอยู่ในสภาพเมามาย จากนั้น โอลก้าก็เดินทางไปยังดินแดนของชาวเดรฟเลียนและใช้วิธีการเผาหมู่บ้านเพื่อลงโทษพวกเขา
นอกจากนี้ เธอยังใช้วิธีการทารุณกรรมหลายรูปแบบ เช่น การเผาชาวเดรฟเลียนทั้งเป็น และการทำลายล้างเมืองของพวกเขา ว่ากันว่ามีทหารชาวเดรฟเลียนตายไปประมาณ 5000 คน จากการล้างแค้นโหดของโอลก้าในครั้งนี้
เมื่อเห็นว่าไม่มีทางชนะได้ ชาวเมืองเดรฟเลียนได้ยื่นข้อเสนอการจ่ายส่วยให้กับเจ้าหญิงโอลก้าแลกกับการที่เจ้าหญิงต้องไม่โจมตีเมืองและกลับไปที่กรุงเคียฟ แต่โอลก้าขอแค่นกพิราบ 3 ตัวและนกกระจอก 3 ตัวต่อบ้าน 1 หลังเพื่อแลกกับการสงบศึก ชาวเมืองก็ตอบตกลงอย่างไวและแยกย้ายกันไปจับนกมาให้เจ้าหญิง
และเมื่อเธอได้นกมาเธอสั่งให้ชาวเมืองนำผ้ากำมะถันมาผูกติดไว้ที่ขาของนก จากนั้นเธอก็ปล่อยนกทั้งหมดให้บินกลับไปที่เมือง จนทำให้เมืองไฟไหม้ชาวเดรฟเลียนหนีตายออกนอกเมืองแต่ก็ต้องพบเจอกองทัพของเจ้าหญิงโอลก้าเธอสั่งให้ทหารฆ่าชาวเมืองและจับบางส่วนไปเป็นทาส
หลังจากที่โอลก้าได้แก้แค้นสำเร็จ เธอก็หันมาสนใจในศาสนาคริสต์นิกายออร์โทดอกซ์ ในปี ค.ศ. 957 เธอได้เดินทางไปยังกรุงคอนสแตนติโนเปิลและรับบัพติศมาในนิกายออร์โทดอกซ์ เธอเป็นบุคคลแรกในประวัติศาสตร์ของรัสเซียที่เปลี่ยนมานับถือศาสนาคริสต์อย่างเป็นทางการ ซึ่งถือเป็นการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญต่อประวัติศาสตร์ศาสนาของรัสเซีย
โอลก้าได้ใช้ความศรัทธาและความเชื่อของเธอในการเผยแพร่ศาสนาคริสต์ในเคียฟและบริเวณโดยรอบ โดยแม้ว่าลูกชายของเธอ สเวียโตสลาฟ จะไม่ยอมรับศาสนาคริสต์ แต่โอลก้าก็ได้สร้างแรงบันดาลใจให้กับผู้คนมากมายในภูมิภาคนี้ การทำงานของเธอได้เตรียมพื้นฐานสำหรับการเปลี่ยนแปลงศาสนาครั้งใหญ่ในยุคของเจ้าชายวลาดิเมียร์ หลานของเธอ ที่ในที่สุดก็เปลี่ยนทั้งภูมิภาคเคียฟให้เป็นคริสต์ศาสนา
หลังจากที่โอลก้าเสียชีวิตในปี ค.ศ. 969 เธอได้รับการยกย่องเป็นนักบุญในศาสนาคริสต์นิกายออร์โทดอกซ์ การยกย่องนี้เป็นการยอมรับถึงบทบาทและความสำคัญของเธอในการเปลี่ยนแปลงทางศาสนาในประวัติศาสตร์ของรัสเซีย นักบุญโอลก้าถือเป็นบุคคลที่มีความสำคัญอย่างยิ่งในประวัติศาสตร์และศาสนาของรัสเซีย เป็นที่รู้จักทั้งในเรื่องความศรัทธาและความโหดเหี้ยมที่เธอใช้ในการแก้แค้น ทำให้เธอกลายเป็นหนึ่งในนักบุญที่โดดเด่นที่สุดในประวัติศาสตร์คริสต์นิกายออร์โทดอกซ์
บันทึก
1
1
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2024 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย