17 ก.ค. 2024 เวลา 09:08 • หุ้น & เศรษฐกิจ

15 คำศัพท์ต้องรู้! ก่อนเริ่มลงทุนในกองทุนรวม

15 คำศัพท์เกี่ยวกับการลงทุนที่ต้องรู้ ! อยากชวนทุกคนศึกษาและทำความเข้าใจก่อนเริ่มลงทุน บอกเลยว่าคำศัพท์เหล่านี้ไม่ไกลตัวอย่างแน่นอน หากต้องการเข้าสู่เส้นทางของนักลงทุน
1. กองทุนรวม
กองทุนรวม คือ เครื่องมือในการลงทุนรูปแบบหนึ่งที่ผู้ลงทุนหลายคนนำเงินลงทุนมารวมกันและมอบหมาย ให้มืออาชีพ ซึ่งก็คือ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) ที่มีความเชี่ยวชาญในการจัดการลงทุน โดยมี “ผู้จัดการกองทุน” เป็นผู้บริหารจัดการเงินลงทุนก้อนนั้น เพื่อให้ไปถึงจุดหมายปลายทางการเงินตามที่คาดหวังไว้
  • จุดเด่นของกองทุนรวม
- มีเงินน้อยก็ลงทุนได้
- มีนโยบายการลงทุนที่หลากหลาย ทั้งในตราสารหนี้ ตราสารทุน (หุ้นไทยหรือต่างประเทศ) และรวมไปถึงสินทรัพย์ทางเลือกอื่นๆ
  • จุดด้อยของกองทุนรวม
- มีค่าธรรมเนียม ได้แก่ ค่าธรรมเนียมที่เรียกเก็บจากผู้ถือหน่วย และค่าธรรมเนียมที่เรียกเก็บจากกองทุน แต่ในความเป็นจริงแล้ว การลงทุนในสินทรัพย์อื่นๆ ก็มีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมด้วยเช่นกัน
- ไม่สามารถเลือกสินทรัพย์ด้วยตนเอง ซึ่งอาจเป็นทั้งข้อดีและข้อเสีย เพราะไม่สามารถเลือกจัดสรรสินทรัพย์ที่นำเงินไปลงทุนได้ โดยมีผู้จัดการกองทุนคอยดูแลให้
ตัวอย่าง : กองทุนรวมพันธบัตรรัฐบาล กองทุนรวมตราสารหนี้ กองทุนรวมหุ้น (กองทุนรวมตราสารทุน)
2. ตราสารหนี้
ตราสารหนี้หรือหุ้นกู้ คือ ตราสารทางการเงิน ที่ผู้ถือหรือนักลงทุนมีสถานะเป็นเจ้าหนี้ และผู้ออกมีสถานะเป็นลูกหนี้ โดยเจ้าหนี้จะได้รับผลตอบแทนในรูปแบบ ‘ดอกเบี้ย’ อย่างสม่ำเสมอตามระยะเวลาที่กำหนดไว้ และจะได้รับ ‘เงินต้น’ คืน เมื่อครบกำหนดอายุไถ่ถอนของตราสารหนี้
  • จุดเด่นของตราสารหนี้
- ให้ผลตอบแทนสม่ำเสมอ
- หากเป็นตราสารหนี้ที่ออกโดยรัฐบาล มีโอกาสสูญเสียเงินต้นต่ำและโอกาสในการผิดนัดชำระหนี้ต่ำ
  • จุดด้อยของตราสารหนี้
- ยังคงมีโอกาสเสี่ยงในหลายด้าน เช่น ความเสี่ยงด้านอัตราดอกเบี้ย ถ้าอัตราดอกเบี้ยในท้องตลาดมีค่าสูงขึ้นกว่าอัตราดอกเบี้ยที่คุณได้รับจากการลงทุนตราสารหนี้ อาจทำให้เสียโอกาสที่จะนำเงินไปลงทุนในสินทรัพย์ที่ให้ผลตอบแทนสูงขึ้น เช่น หุ้นกู้ชุดใหม่ที่อาจจะให้ผลตอบแทนที่สูงกว่า
- ตราสารหนี้ที่มีความเสี่่ยงสูง หรือ ตราสารหนี้ที่ไม่ได้จัดอันดับเครดิตเรตติ้งบางชุดอาจมีความเสี่ยงในการผิดนัดชำระ ไม่สามารถจ่ายดอกเบี้ยหรือเงินต้นได้ตามกำหนดเวลาที่ตกลงกัน
ตัวอย่าง : ตั๋วเงินคลัง พันธบัตรรัฐบาล หุ้นกู้เอกชน
3. ตราสารทุน
ตราสารทุนหรือหุ้น เป็นตราสารที่ออกขายให้กับนักลงทุนเพื่อระดมเงินทุนไปใช้ในกิจการ โดยผู้ถือตราสารทุนจะต้องมีสถานะเป็น "เจ้าของกิจการ" ที่มีส่วนได้ส่วนเสียในทรัพย์สินและรายได้ของกิจการ ซึ่งจะได้รับผลตอบแทนเป็นเงินปันผลที่ขึ้นอยู่กับผลกำไร หรือข้อตกลงของแต่ละธุรกิจ
  • จุดเด่นของตราสารทุน
- มีโอกาสได้รับผลตอบแทนจากส่วนต่างของราคาซื้อ-ขาย
- เปิดบัญชีง่าย สามารถซื้อ-ขายผ่านแอปพลิเคชันที่รองรับได้
- เริ่มต้นลงทุนได้ ไม่จำเป็นต้องใช้เงินจำนวนมาก
  • จุดด้อยของตราสารทุน
- มีความเสี่ยงสูงจากความผันผวนของราคาตราสารทุน
- ต้องใช้เวลาในการศึกษาหาความรู้เกี่ยวกับบริษัทที่สนใจ นอกจากนี้ยังต้องคอยติดตามข่าวสารต่างๆ อย่างสม่ำเสมอด้วย
ตัวอย่าง : หุ้นสามัญ หุ้นบุริมสิทธิ ใบสำคัญแสดงสิทธิที่จะซื้อหุ้น
4. กองทุนรวมผสม
กองทุนรวมผสม คือ กองทุนรวม ที่ลงทุนในหลากหลายสินทรัพย์ ตามนโยบายของกองทุนรวมนั้นๆ และสัดส่วนของการลงทุน ที่กำหนดไว้ในโครงการจัดการกองทุน ซึ่งสามารถแบ่งได้ 2 แบบ
  • 1.
    กองทุนรวมผสมที่มีข้อกำหนดในการลงทุนในตราสารทุน (Balanced Fund) มีนโยบายการลงทุนในตราสารทุนไม่น้อยกว่าร้อยละ 35 แต่ต้องไม่เกินกว่าร้อยละ 65 ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุนรวมนั้นๆ
  • 2.
    กองทุนรวมผสมแบบยืดหยุ่น (Flexible Fund) มีนโยบายการลงทุนขี้นอยู่กับดุลยพินิจในการตัดสินใจของผู้จัดการกองทุน ตามความเหมาะสมของสภาวะตลาดในแต่ละช่วงเวลา
  • จุดเด่นของกองทุนรวมผสม
- มีการกระจายการลงทุนในหลายสินทรัพย์ ช่วยกระจายความเสี่ยงในการลงทุนได้
- มีการปรับแผนการลงทุนอยู่เสมอตามนโยบายของกองทุน เพื่อสร้างโอกาสในการทำกำไรและลดความเสี่ยง
  • จุดด้อยของกองทุนรวมผสม
เลือกสัดส่วนการลงทุนเองไม่ได้ ซึ่งจะเป็นไปตามนโยบายของกองทุนนั้นๆ
5. กองทุนลดหย่อนภาษี
กองทุนลดหย่อนภาษี คือ กองทุนรวมที่สามารถนำไปใช้สิทธิ์ลดหย่อนภาษีได้ ซึ่งมีด้วยกัน 3 กองทุนรวมดังนี้
1. Super Saving Funds (SSF) คือ กองทุนรวมเพื่อการออม ที่มีนโยบายลงทุนในสินทรัพย์ได้ทุกประเภท ทั้งในประเทศและต่างประเทศ เช่น หุ้น ตราสารหนี้ กองทุนดัชนี ฯลฯ ซึ่งสามารถใช้สิทธิลดหย่อนภาษีได้สูงสุดไม่เกิน 30% ของเงินได้พึงประเมิน แต่ไม่เกิน 200,000 บาท และเมื่อรวมกับกองทุนเพื่อการเกษียณอื่น ๆ ต้องไม่เกิน 500,000 บาท โดยมีเงื่อนไขคือ จะต้องถือหน่วยลงทุนไม่ต่ำกว่า 10 ปีนับจากวันที่ซื้อ แต่ไม่จำเป็นต้องซื้อต่อเนื่องทุกปี
2. Retirement Mutual Fund (RMF) คือ กองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ ที่มีนโยบายลงทุนในสินทรัพย์ได้หลายประเภท ซึ่งสามารถใช้สิทธิลดหย่อนภาษีได้สูงสุดไม่เกิน 30% ของเงินได้พึงประเมิน แต่ไม่เกิน 500,000 บาท และเมื่อรวมกับกองทุนเพื่อการเกษียณอื่น ๆ ต้องไม่เกิน 500,000 บาท โดยมีเงื่อนไขคือ จะต้องถือหน่วยลงทุนอย่างน้อย 5 ปี นับตั้งแต่วันที่ซื้อครั้งแรก ขายได้ตอนอายุครบ 55 ปีบริบูรณ์ และต้องซื้อต่อเนื่องทุกปี หรืออย่างน้อยปีเว้นปี
3. กองทุนรวมไทยเพื่อความยั่งยืน (Thai ESG) คือ กองทุนลดหย่อนภาษี ที่มีนโยบายลงทุนในหุ้น ESG ไทย และ/หรือตราสารหนี้ด้านความยั่งยืน (ESG Bond) ไทย โดยหุ้นกลุ่ม ESG เป็นหุ้นที่ให้ความสำคัญกับ 3 องค์ประกอบ ได้แก่ สิ่งแวดล้อม สังคม และบรรษัทภิบาล ควบคู่กับการมีผลการดำเนินงานที่ดี
  • จุดเด่นของกองทุนลดหย่อนภาษี
- ใช้สิทธิประโยชน์ในการลดหย่อนภาษีได้
- มีโอกาสที่มูลค่าหน่วยลงทุนสูงขึ้นตามระยะเวลาการถือครอง
  • จุดด้อยของกองทุนลดหย่อนภาษี
- มีระยะเวลาในการถือครอง เช่น SSF ไม่น้อยกว่า 10 ปี, RMF ขั้นต่ำ 5 ปีและขายออกได้ตอนอายุ 55 ปีบริบูรณ์, Thai ESG อย่างน้อย 8 ปี
6. Suitability Test
Suitability Test คือ การประเมินความสามารถในการรับความเสี่ยง โดยจะประเมินผลจากข้อมูลในหลากหลายด้าน เช่น
  • สถานภาพและภาระทางการเงิน
  • ระยะเวลาที่ไม่จำเป็นต้องใช้เงินลงทุน
  • กำไรและขาดทุนที่ยอมรับได้
ตลอดจนระดับความรู้และประสบการณ์การลงทุน ข้อมูลทั้งหมดนี้จะนำมาถูกประเมินเพื่อให้ทราบว่าเรายอมรับความเสี่ยงได้มากน้อยเพียงใด และหลักทรัพย์ใดที่เหมาะสมกับเรา ซึ่งควรประเมินตามความเป็นจริงและทำการประเมินอย่างน้อยทุก 2 ปี หรือเมื่อมีเหตุการณ์ที่เปลี่ยนไป เพื่อให้มีข้อมูลเป็นปัจจุบัน และทำให้ทราบถึงระดับการยอมรับความเสี่ยงของตนเองได้อย่างแม่นยำมากขึ้น
7. หน่วยลงทุน NAV
Net Asset Value (NAV) คือ มูลค่าทรัพย์สินสุทธิ โดยคำนวณได้ตามวิธีนี้
มูลค่าทรัพย์สินสุทธิ (NAV) = (มูลค่าทรัพย์สินตามราคาตลาด + ผลตอบแทนสะสม และเงินสด) – ค่าใช้จ่ายและหนี้สินของกองทุนรวม
โดยปกติแล้วจะทำการคำนวณมูลค่าทรัพย์สินของกองทุนตามราคาตลาดในแต่ละวัน (Mark to Market) เพื่อให้สะท้อนถึงมูลค่าที่เป็นจริงตามสภาวะตลาดที่ได้เปลี่ยนแปลงไป
1
8. หนังสือชี้ชวนส่วนสรุป
หนังสือชี้ชวนส่วนสรุป (Fund Fact Sheet) คือ หนังสือที่ บลจ. เป็นผู้ออกเพื่อเผยแพร่ข้อมูลของกองทุนให้ผู้ลงทุนทราบ ภายในหนังสือจะบอกรายละเอียดข้อมูลสำคัญหลักๆ ของกองทุนรวมนั้นๆ เช่น ประเภทของกองทุน ความเสี่ยง นโยบายการลงทุน สัดส่วนของสินทรัพย์ที่กองทุนรวมลงทุน ผลตอบแทนย้อนหลัง และข้อมูลสำคัญอื่น ๆ เป็นต้น ซึ่งนักลงทุนควรอ่านและศึกษาข้อมูลเพื่อทำความเข้าใจ ก่อนตัดสินใจลงทุน
9. Capital Gain
Capital Gain คือ ผลกำไรจากส่วนต่างของราคาหลักทรัพย์ กำไรที่ได้จาก Capital Gain ถูกเรียกเก็บภาษีในบางประเทศ (Capital Gains Tax) ส่วนในประเทศไทยนั้น เงินได้จากการขาย ยังไม่มีการเรียกเก็บภาษี ส่วนในกรณีที่เป็นการขายหรือโอนหลักทรัพย์นอกตลาด ผู้ลงทุนประเภทบุคคลธรรมดาที่อยู่ในประเทศไทยถึง 180 วันในปีภาษีจะต้องเสียภาษีโดยถูกหัก ณ ที่จ่ายตามอัตราภาษีก้าวหน้า และต้องนำเงินได้ไปรวมคำนวณตอนสิ้นปีด้วย ส่วน Capital Gain จากการลงทุนในกองทุนรวม ได้รับยกเว้นไม่ต้องเสียภาษี
10. เงินปันผล
เงินปันผล คือ การปันผลกำไรของบริษัทคืนแก่ผู้ถือหุ้น ซึ่งจะจ่ายเป็นเงินสด สินทรัพย์ หรือหุ้นก็ได้ ซึ่งรายได้ส่วนดังกล่าวที่นักลงทุนได้รับ จะต้องเสียภาษีโดยถูกหักภาษี ณ ที่ จ่าย 10% แต่สามารถขอคืนภาษีย้อนหลังได้ โดยให้ศึกษาเพิ่มเติมในการใช้สิทธิเครดิตภาษีเงินปันผล ทั้งนี้ควรเลือกใช้สิทธิดังกล่าวนั้นหรือไม่ นักลงทุนต้องพิจารณาอัตราภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาของตนเองด้วย
11. DCA
Dollar-Cost Averaging (DCA) คือ วิธีการลงทุนแบบถัวเฉลี่ยต้นทุน ที่ลงทุนด้วยเงินลงทุนเท่า ๆ กันทุกงวด โดยไม่คำนึงถึงราคาของสินทรัพย์ที่ลงทุน ณ ขณะนั้น โดยจะนิยมใช้กับการลงทุนในกองทุนรวมหรือหุ้น เหมาะสำหรับนักลงทุนมือใหม่ที่ยังจับจังหวะลงทุนไม่ได้ หรือไม่มีเวลาติดตามข่าวสาร
เช่น เราตั้งไว้ว่าทุกวันที่ 1 ของเดือน ให้ระบบหักเงินไปซื้อกองทุนรวมจำนวน 1,000 บาท โดยไม่สนใจว่าราคาจะเท่าไหร่ หากเดือนไหน ราคากองทุนรวมสูงขึ้น เราก็ซื้อได้น้อยลง ตรงกันข้าม หากราคาลดลง เราก็จะซื้อได้มากขึ้น
12. Lump Sum
Lump Sum คือ วิธีการลงทุนแบบครั้งเดียวด้วยเงินก้อน ในจังหวะเวลาที่ประเมินแล้วว่าเหมาะสม (Market Timing) และมีความมั่นใจว่าในอนาคตราคาสินทรัพย์ที่ลงทุนจะปรับขึ้นอย่างต่อเนื่อง ซึ่งเหมาะสำหรับนักลงทุนที่สามารถวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานและภาวะเศรษฐกิจได้ดี มีความรู้เรื่องการวิเคราะห์ทางเทคนิค มีเงินก้อนและรอคอยเวลาที่เหมาะสมในการลงทุนได้ เพราะถ้าหากจับจังหวะลงทุนผิดก็อาจสร้างผลขาดทุนเป็นจำนวนมาก
13. ภาวะเงินเฟ้อ
ภาวะเงินเฟ้อ คือ ภาวะที่ราคาสินค้าหรือบริการเพิ่มสูงขึ้นเรื่อย ๆ อย่างต่อเนื่อง เช่น ค่าอาหาร ค่าเดินทาง ค่ารักษาพยาบาล เสื้อผ้า ราคาที่ดิน เป็นต้น
ซึ่งหากเรามีเงินเท่าเดิม จะซื้อสินค้าหรือบริการเหล่านั้นได้น้อยลงกว่าเดิม โดยสาเหตุการเกิดเงินเฟ้อแบ่งได้เป็น 2 สาเหตุหลัก ๆ คือ
  • 1.
    ความต้องการซื้อสินค้าและบริการเพิ่มขึ้น (Demand-Pull Inflation) ประกอบกับสินค้าและบริการนั้น ๆ ในตลาดมีไม่เพียงพอ ทำให้ผู้ขายปรับราคาสินค้าและบริการสูงขึ้น
  • 2.
    ต้นทุนการผลิตสูงขึ้น (Cost-Push Inflation) หากผู้ผลิตไม่สามารถแบกรับภาระต้นทุนที่สูงขึ้นได้จะทำให้ผู้ผลิตต้องปรับราคาสินค้าและบริการให้สูงขึ้นด้วย
เงินเฟ้อในระดับเล็กน้อย จะช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจ เนื่องจากเมื่อราคาสินค้ามีแนวโน้มสูงขึ้น ผู้ขายก็จะได้กำไรเยอะขึ้น ทำให้กล้าขยายกิจการ เพิ่มการผลิตและการลงทุน เกิดการจ้างงานมากขึ้น มีการหมุนเวียนของเงินในระบบเพิ่มสูงขึ้นนั่นเอง
14. ภาวะเงินฝืด
ภาวะเงินฝืด คือ ภาวะที่ราคาสินค้าและบริการลดต่ำลงเรื่อย ๆ เนื่องจากปริมาณสินค้าและบริการต่าง ๆ ที่ผลิตออกมามีมากกว่าความต้องการซื้อสินค้าของคนในประเทศ หรือพูดง่าย ๆ คือ ตรงข้ามกับภาวะเงินเฟ้อ
โดยสาเหตุของเงินฝืด เกิดได้จากหลายปัจจัย ทั้งเกิดจากความเชื่อมั่นของผู้ซื้อลดลง ไม่กล้าใช้จ่ายเงิน เนื่องจากปัจจัยที่เข้ามากระทบ เช่น ภัยธรรมชาติ หรือเศรษฐกิจที่มีแนวโน้มหดตัวต่อเนื่อง รวมไปถึงปริมาณเงินในระบบเศรษฐกิจไม่เพียงพอ เช่น เงินตราไหลออกนอกประเทศมากเกินไป เป็นต้น
15. Stop Loss
Stop Loss คือ จุดตัดการลงทุน หรือจุดตัดการขาดทุน ซึ่งก็คือ การตั้งจุดตัดเพื่อไม่ให้ราคาหลักทรัพย์ในพอร์ตลดลงไปมากกว่านี้ ซึ่งขณะที่ทำการ Stop Loss นั้น นักลงทุนอาจขาดทุนหรือได้กำไรอยู่ในขณะที่ขายก็ได้ แต่ขายออกไปเพื่อป้องกันไม่ให้กำไรลดลงกว่าที่เป็น หรือขาดทุนมากยิ่งขึ้น
การทำความเข้าใจความหมายของคำศัพท์ต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับการลงทุน เปรียบเสมือนเป็นบันไดขั้นแรกที่จะนำไปสู่การลงทุนอย่างมีประสิทธิภาพนั่นเอง
สนใจศึกษาข้อมูลกองทุนรวมผสม sawakami ได้ที่ https://www.sawakami.co.th/all-fund
ขอรับข้อมูลเพิ่มเติมและหนังสือชี้ชวนได้ที่ บลจ. ซาวาคามิ (ประเทศไทย) เว็บไซต์ www.sawakami.co.th
หรือ Customer Service โทร 02-081-0525 ถึง 26 หรือ Line Official @sawakamith https://line.me/R/ti/p/@704veymq
Facebook Official : Sawakami Asset Management Thailand https://www.facebook.com/sawakami.th
โฆษณา