17 ก.ค. เวลา 12:40 • หนังสือ

ต่อช่วงที่สอง

แต่ผม ไม่ได้หมายความว่าแบบใดแบบหนึ่งถูกและอีกแบบผิดไปเลย ศาสนาที่แบ่งแยกมนุษย์ออกจากพระเจ้าพิจารณาว่ามนุษย์เป็นผู้อ่อนแอและพระเจ้ามีพลานุภาพยิ่งใหญ่ไพศาล หมายความว่าต่อหน้าพระเจ้าผู้ยิ่งใหญ่นั้น มนุษย์ตัวเล็กๆต้องนอบน้อมและยอมให้พลังอำนาจนอกตัวพวกเขามีอำนาจเป็นผู้ชี้ชะตากรรมของตนเอง เพื่อที่ว่าจะได้มีชีวิตที่ดีขึ้น ด้วยการขัดเกลาจิตใจตนเอง ดังนั้นในศาสนาประเภทนี้ ผู้คนจะต้องอ่อนน้อม ขอบคุณและอธิฐานต่อพระเจ้า โดยมีเจตจำนงที่จะมีชีวิตด้วยพรจากพระองค์ ดังนั้นเราจะฟันธงลงไปว่าเป็นสิ่งผิดย่อมไม่ได้
ศาสนาที่พระเจ้าและมนุษย์เป็นอันหนึ่งอันเดียวกันยืนยันว่ามนุษย์ไปพบพระเจ้าได้ ดังนั้นพวกเขาต้องมีความแข็งแกร่งอยู่ภายใน หรืออาจกล่าวได้ว่า ศาสนากลุ่มนี้มักกล่าวว่าโดยเนื้อแท้แล้วมนุษย์มีธรรมชาติที่ดีงาม เนื่องจากมนุษย์มีธรรมชาติอันสูงส่งเช่นเดียวกับพระเจ้า จึงไปพบพระเจ้าได้ ขณะที่อาศัยอยู่ในโลกสามมิตินี้ ธรรมชาติอันเป็นแก่นแท้ของพวกเขาถูกบดบังไว้ด้วยหลายสิ่ง ดังนั้นจุดเน้นของการอบรมจิตวิญญาณจึงเป็นการหาทางเป็นอิสระจากเครื่องร้อยรัด และโมหะทั้งปวงแห่งโลกสามมิติ
ศาสนาทั้งสองกลุ่มนี้แสดงให้เห็นแนวคิดที่ถูกต้อง มนุษย์มีธรรมชาติอันน่าอัศจรรย์ติดตัวมาแต่เกิดและสามารถพัฒนาธรรมชาตินี้ได้ด้วยความเพียรพยายามของตนเอง
หน้า 13-14 บทที่หนึ่ง อิทัปปัจจยตาคืออะไร
The CHALLENG of The MIND
ความท้าทายแห่งจิต โดย ริวโฮ โอคาวา
ภาพประกอบจากอินเตอร์เน็ต
โฆษณา