18 ก.ค. เวลา 04:25 • ภาพยนตร์ & ซีรีส์
ศูนย์ประชุมแห่งชาติสิริกิติ์

#GDHlineup2025 เที่ยวบิน "First Class" ที่แปลกใหม่แบบคลาสสิก

“ท่านผู้โดยสารโปรดทราบ
ขณะนี้เที่ยวบิน gdh559 กำลังจะ
ออกเดินทางสู่จุดหมายปลายทาง
แห่งเรื่องราวในปี 2025 อันใกล้
.
.
.
ขอให้ทุกท่านโปรดรัดเข็มขัดให้มั่น
ปิดเครื่องมือสื่อสารให้เรียบร้อย
แล้วค่อยๆ ดื่มด่ำกับความพิเศษ
ของบรรดา Line Up ชุดใหม่
ที่กำลังจะเข้ามาทัชใจ
แบบไม่เคยเห็นมาก่อน”
ยังคงเป็นความรู้สึกที่ดีเสมอ
ทุกครั้งเมื่อได้กลับมาเยือนอีเว้นต์
ของ GDH ค่ายหนังอารมณ์ดี
ที่เราได้เติบโตมาด้วยกัน
ผ่านห้วงเวลาและความทรงจำมากมาย
ราวกับสิ่งเหล่านั้นไม่เคยเลือนหายไป
คล้ายเพิ่งเกิดขึ้นเมื่อวานนี้เอง
ท่ามกลางบรรยากาศอันแสนอบอุ่น
ชุลมุนไปด้วยผู้คนมากมาย
ทั้งญาติผู้ใหญ่ พี่น้อง ผองเพื่อน
ผกก. ทีมงาน และนักแสดง
ทั้งคนคุ้นเคยและสายเลือดใหม่
ที่ต่างตบเท้าเข้าสู่สายการบิน
พร้อมติดปีกประกาศความยิ่งใหญ่อีกครั้ง
หลังประสบความสำเร็จอย่างท่วมท้น
จากภาพยนตร์ “หลานม่า” ที่ไม่เพียงแต่
จะสร้างปรากฏการณ์รายได้พันล้าน
หากยัง “เชื่อมต่อ” ชีวิตผู้คนมากมาย
จากวันวานสู่ปัจจุบันผ่านนิยมแห่งครอบครัวต่างวัย
มาวันนี้ได้เผยถึงเรื่องราวใหม่ๆ
ที่ให้ความรู้สึกคลาสสิก
ตามแบบฉบับของ GDH อยู่ไม่เคยเปลี่ยน
ซึ่งจนถึงตอนนี้เชื่อว่าทุกท่านน่าจะได้
ตามอ่านจากสื่อต่างๆ ไปเกือบหมดแล้ว
ดังนั้นผมในฐานะลูกเรือเที่ยวบินนี้
จะขอวิเคราะห์มุมมองส่วนตัวเข้าไปเพิ่ม
เพื่อการเดินทางที่เต็มอรรถรสยิ่งขึ้นนะครับ
.
.
.
1. “วิมานหนาม (The Paradise Of Thorns)”
- เพียงพริบตาที่ปล่อยตัวอย่างหนังออกมา ก็ทำเอาบรรดาสื่อทั่วทุกสารทิศต่างลุกฮือ พร้อมแชร์ต่อและขานรับเป็นเสียงเดียวกันว่า “อยากดู” กับเรื่องราวของ “ความไม่เท่าเทียม” ที่จะเปลี่ยนสวนทุเรียนอันงดงามดั่งสรวงสวรรค์ชั้นฟ้าไกล ให้กลายเป็นคมหนามคอยทิ่มแทงกันไปมาอย่างร้ายกาจ
ตรงนี้ชอบทั้งกิมมิคของ “คุณบอส-นฤเบศ” ผกก. ที่เคยสร้างชื่อจากซีรีส์ “แปลรักฉันด้วยใจเธอ” ที่สอดแทรกความหมายทั้งในเชิงรูปธรรมและนามธรรม อย่างแรกคือหนามทุเรียนที่มีไว้เพื่อป้องกันศัตรูทางธรรมชาติ ไม่ให้สัตว์มาฉีกผลไปก่อนสุก เพราะเมล็ดยังไม่แก่พอจะงอก ซึ่งตรงนี้ก็เปรียบได้กับคนเราที่จำเป็นต้องสร้าง “หนาม” หรือตัวตนความบางอย่างขึ้นมาเป็นเกราะป้องกันตัว เพื่อนำมาสู่ผลประโยชน์ของตัวเอง
โดยงานนี้บอกเลยว่าขิงก็รา ข่าก็แรง ทั้ง “เจฟ ซาเตอร์” ที่เตรียมสลัดคราบนักร้องเสียงทรงพลัง เดินทางจากดาวเสาร์มาแดนเหนือเพื่อเล่นในบทชายรักชาย แล้วต้องมาเจอกับชะตาพลิกผันและช่องโหว่แห่งกฎของความไม่เท่าเทียม แม้ไม่นานมานี้จะเพิ่งมีการประกาศชัยชนะสมรสเท่าเทียมแล้วก็ตาม นับเป็นการนำเสนอมุมมองที่เข้ากับยุคสมัยได้ดีมากๆ
รวมถึง “อิงฟ้า วราหะ” ที่คราวนี้ก็จะได้พลิกบทบาทจากนักร้อง นางงาม มาเป็นนักแสดงเต็มตัว พร้อมจะเปลี่ยนสวนทุเรียนแห่งนี้ให้ลุกเป็นไฟ! ใครจะได้กองมรดกชิ้นงามนี้ไป หรือแท้จริงแล้วยังมีบางอย่างที่เรามองไม่เห็นกัน 22 ส.ค. นี้ กาปฏิทินรอเลย!
2. “404 สุขีนิรันดร์..RUN RUN”
- หนังใหม่ที่แค่เห็นรายชื่อนักแสดง ก็แทบจะการันตีความฮา ทั้ง “พี่เต๋อ ฉันทวิชช์” ตัวตึงประจำค่ายที่เล่นอะไรก็เรียล เป็นธรรมชาติ ชนิดที่บางทีแค่เห็นหน้าก็ฮาแล้ว งานนี้ถึงขั้นยอมกลับมารับบทพระเอกเป็นครั้งแรกในรอบ 7 ปี เพราะอ่านบทนานเป็นปีๆ แล้วชอบ อ่านไปก็ขำไป แล้วก็วนมาอ่านใหม่ เช่นกันกับ “อาไท” ที่ตีลังกามาเรียกเสียงฮา ผนึกกำลังกับ “ต้าอู๋” ผู้สลัดภาพความหล่อมาจัดเต็มความตลก
และ “ต้าเหนิง” ซึ่งผมก็ยังนึกไม่ออกว่าเธอจะสวยปนฮายังไงได้บ้าง เพราะติดภาพบทเก่าๆ ที่เน้นสวยเท่มานาน นับว่าน่าสนใจทีเดียว โดยมีคุณ “ยอร์ช ฤกษ์ชัย” อีกหนึ่งเจ้าพ่อหนังคอมเมดี้ และคุณ “เสือ พิชย” ผู้เคยฝากผลงาน Project S The Series SPIKE และมีใจรักในหนังแนวนี้มาร่วมกันสร้างความฮา
3. “FLAT GIRLS”
- แค่ชื่อเรื่องก็บอกความเป็นไปได้ดี ว่านี่จะเป็นการพาคนดูอย่างเราๆ ไปสำรวจเรื่องราวความสัมพันธ์พิเศษที่ไม่คุ้นเคยของ “2 สาว” ที่ซุกซ่อนอยู่ในมุมตึก(แฟลต) ทั้ง “เอินเอิน ฟาติมา” จาก The Star Idol และ “แฟร์รี่ กิรณา” สาวน้อยน่ารักศิลปิน T-Pop และเคยผ่านงานแสดงหนังมาแล้ว
โดยทีมนักแสดงเรื่องนี้ต้องบอกว่าเป็น “หน้าใหม่” ล้วนๆ สำหรับ GDH ทั้งสองสาว ตามด้วยคุณ “อาโป วชิรากร” และ “พี่บอย ปกรณ์” ที่เราต่างเห็นผลงานแกมานาน แต่นี่จะเป็นครั้งแรกที่ได้มาร่วมงานกับค่ายนี้จริงๆ โดยเฮียเผยว่าความพิเศษของเรื่องนี้คือมันจะไม่ทุกข์ไม่สุขซะทีเดียว
แต่เราอาจจะอินไปกับความสัมพันธ์ตรงนี้ไปในหลายมุม รวมถึงนี่ยังเป็นงานที่สร้างสรรค์จาก “ประสบการณ์จริง” ของคุณ “แคลร์ จิรัศยา” ผู้กำกับและมือเขียนบทจาก ONE YEAR 365 วัน บ้านฉัน บ้านเธอ ผู้เติบโตมาจากแฟลตในเรื่องด้วย (ยินดีกับความสำเร็จอีกขั้นด้วยนะครับคุณแคลร์ ดีใจที่เคยเขียนบทความถึงซีรีส์ ONE YEAR ยังคงตราตรึงอยู่ในหัวใจจนถึงวันนี้ และมีความสุขมากๆ ที่ได้แนะนำตัวกันอย่างเป็นทางการหลังจบงาน รอติดตามเสมอครับ)
4. “Project Red”
- ใครที่เป็นแฟนคลับของ “พีพี-บิวกิ้น” บอกเลยว่าห้ามพลาดด้วยประการทั้งปวง เพราะแม้ทั้งคู่จะเคยฝากผลงานปังๆ มาด้วยกันมากมายจากซีรีส์ แต่นี่จะเป็นโมเม้นต์คู่จิ้นครั้งแรกบนจอยักษ์ ชนิดที่ว่าอะไรที่ไม่เคยเห็นมาก่อนก็จะได้เห็น และเมื่องานนี้ถูกเรียกว่าโปรเจกต์แล้ว ก็หมายความว่าการคอลแลประหว่างพวกเขาและ GDH จะยังมีผลงานอื่นตามมาอีกมาก นอกเหนือจากการทำหนัง โดยพีพีแอบกระซิบว่าเรื่องนี้จะเป็นทั้งนางเอกและนางร้าย พร้อมยอมรับว่าเป็นอะไรที่ “ใหม่มาก” สำหรับพวกเขาสองคน
5. “Beauty and The Beat”
- สำหรับใครที่ยังติดใจ “ไดอารี่ตุ๊ดซี่ส์ เดอะ ซีรีส์” แนะนำเลยครับ เพราะแค่การพูดคุยบนเวทีวานนี้ก็ฮาน้ำตาเล็ดแล้ว ด้วยผลงานการกำกับของคุณ “เติ้ล กิตติภัค” คนดีคนเดิม พร้อมคุณ “ปิงปอง” นักแสดงคู่บุญที่เผยว่าพี่เติ้ลนี่แหละที่มาอ้อนวอนให้หนูกลับมาเล่น และเราจะกลับมาอย่างสมศักดิ์ศรี โดยมีหนูเกาะบุญไปด้วย ฮ่าา นอกจากนี้ยังมี “ไอซ์ ปรีชญา” คนสวยสายฮามาตั้งแต่ ATM เออรัก เออเร่อ จนถึงเมร่อน อีเมร่อน เมร่อนเลยย ออกสเต็ปโยกย้ายส่ายสะโพกจนกลับมาปัง,
ตามด้วย “นินิว เพชรด่านแก้ว” ไอดอลสายฮาที่บอกว่าเล่นเรื่องนี้เพราะหิวแสงค่ะ อยากดัง555+ (ชอบความฮาเรียลๆ ของนางจริงๆ you know) และที่น่าสนใจอีกคือ “นุนิว ชวรินทร์” ว่างานนี้จะแสดงยังไงให้เคมีเข้าเคล้าความฮาไปด้วยกัน จนแม้แต่พี่ปิงปองว่ามารับงานนี้ทำไมลูก ดวงตกหรา555+
โดยรวมถือว่าน่าติดตามมากๆ ครับ
แถมยังมีโปรเจกต์อื่นๆ ที่เสมือนเป็นการ
รวมตัวของเหล่า “Avengers” แห่งวงการ ผกก.
ทั้ง “พี่เต๋อ นวพล” จาก Marry is Happy, ฮาวทูทิ้งฯ,
ฟรีแลนซ์ ห้ามป่วย ห้ามพัก ห้ามรักหมอ,
'FAST & FEEL LOVE เร็วโหดเหมือนโกรธเธอ
“คุณไก่ ณฐพล” จากเชื่อบ้ากล้าก้าวและเอหิปัสสิโก,
“คุณจิม โสภณ” ผู้นำด้านความหลอนแห่งเมืองไทย
ตั้งแต่โปรแกรมหน้า วิญญาณอาฆาตจนบ้านเช่าบูชายัญ,
“คุณเมษ ธราธร” อีกหนึ่งตัวตึงสายฮา
จากผลงานไอฟาย แต๊งกิ้ว เลิฟยู้และอ้ายคนหล่อลวง
และ “คุณบาส นัฐวุฒิ” จากฉลาดเกมโกง และ
One for The Road วันสุดท้าย...ก่อนบายเธอ
เตรียมเสิร์ฟเมนคอร์สบนเครื่องแบบจุกๆ ยาวๆ
ในฐานะแฟนค่ายคนหนึ่ง
ที่ผูกพันและเติบโตด้วยกันมานาน
จนรู้สึกเหมือนเป็นส่วนหนึ่งของชีวิต
แบบเดียวกับจักรวาล MARVEL และ Star Wars
ซึ่งไม่ว่าจะตก “หลุมอากาศ” พลาดพลั้ง
เคยมีช่วงไม่ปังจนเกิดการตั้งคำถามตามมา
ก็ยังแอบเชื่อและพร้อมให้กำลังใจว่า
เมื่อเจอจุดเปลี่ยนที่ดีขึ้นมา
ขอให้รับไม้ต่อความสำเร็จนั้น
แล้วต่อยอดทำไปจนสุดแรง
จุดหมายปลายทางแห่งความรุ่งโรจน์
ย่อมหวนคืนมาได้ ไม่ไกลเกินจริง
อย่างครั้งนี้ที่ได้เห็นอะไรหลายอย่าง
แม้กาลเวลาและยุคสมัยจะเปลี่ยนผ่าน
แต่ตัวตนความคลาสสิกของค่ายก็ยังคงอยู่
นั่นคือการทำถึง ทำเกิน และทำมันด้วยใจ
ใส่ความหลุดกรอบเข้าไปในชิ้นงาน
อะไรที่เคยทำสำเร็จ คนดูชอบ
ก็กลับมา Back to the basic
แล้วขยี้มันออกมาในมุมที่ต่าง
ขณะเดียวกันก็พร้อมปรับตัวรับ
กับบริบทสังคมยุคใหม่
ทั้งประเด็นความรักเท่าเทียม
หรือการวางท่าไม้ตายใหม่ๆ ที่ไม่เคยใช้มาก่อน
เอาจริงๆ ผมไม่เห็นหนังไทยเรื่องไหน
ปล่อยตัวอย่างออกมาแล้ว
เพจต่างๆ พากันลุกฮืออยากดูขนาดนี้มาก่อน
ซึ่งนับว่า “วิมานหนาม (The Paradise Of Thorns)”
สร้างแรงกระเพื่อมชุดแรกได้ดีมากๆ
และทั้งหมดนี้ต้องเรียกแบบฟุตบอล
ว่าเป็น Line Up 2024-25
คือมีทั้งฉายปีนี้และปีหน้า
ใดๆ ผมดีใจเหลือเกิน
ที่ GDH กำลังส่งสัญญาณบอกกลายๆ
ว่าพวกเขาพร้อมและกลับมาเป็นค่ายเดิม
แบบที่พวกเราคุ้นเคยแล้วในวันนี้
ขอบคุณที่ให้เกียรติชวนผมมาร่วมเที่ยวบิน
ในการเดินทางครั้งสำคัญนี้นะครับ,,, ✈️👨‍✈️👩‍✈️
โฆษณา