17 ก.ค. เวลา 23:22 • ความคิดเห็น
อันนี้ผมยังไม่เข้าใจบริบทของคำถามนะครับ
แต่ในมุมของผมกับแม่คือ ส่วนตัวผมพอจะว่างก็ว่างเลย พอจะไม่ว่างก็ไม่ว่างเลย เพราะผมทำงานฟรีแลนนซ์ผสมทำกิจกรรมต่างๆ ส่วนแม่ผมทำงานวันจันทร์-ศุกร์ หยุดเสาร์-อาทิตย์ คือ วันธรรมดา อย่างน้อยมีถามสารทุกข์สุขกันบ้าง ถ้าสุขก็แบ่งปันกันบ้าง ผมก็ถามแม่ แม่ก็ถามผม เป็นยังไงบ้าง เหนื่อยไหม กินข้าวหรือยัง มีอะไรให้ช่วยไหมทำให้ไหม เป็นต้น
ถ้าต่างฝ่ายต่างกลับมาบ้านกลับรับรู้ว่า อีกฝ่ายหมดสภาพกลับมา ทำหน้าหม่นกลับมา ผมแค่ถามแม่ว่า แม่ไหวไหม ให้อยู่เป็นเพื่อนไหม มีอะไรอยากคุยอยากระบายไหม ในมุมของแม่จะคล้ายๆกัน แรกๆไม่ไว้ใจแม่เลย เพราะแม่ชอบโฟกัสแต่ความผิดพลาดของผม แบบทำอีท่าไหนถึงเกิดเรื่องได้ไรงี้ พอผมได้คุยกับพ่อสิ่งที่ผมกับพ่อเข้ากันได้คือ
1.พ่อกับผมคุยเชิงชี้แนะะมากกว่าสอน เขาจะมองบริบทก่อนพอฟังจบค่อยแนะนำ
2.อะไรที่ทำได้ดีก็ชมเชย
ผมจะคุยกับพ่อคล้ายๆเพื่อนต่างวัย ทั้งๆที่เขาก็คือพ่อ แม่ผมพอรู้อย่างงั้นก็มียืดหยุ่นกว่าเก่า
ส่วนวันหยุดถ้ามีวันตรงกันหาเวลาตรงกันไปไหนมาไหนด้วยกันบ้าง เช่น กินข้าว ออกไปข้างนอก เป็นต้น
ปกติผมกับแม่จะขั่วตรงข้ามชนิดที่เสี่ยงทะเลาะเสมอเนื่องจากแม่ผมยังใช้ทัศนคติของตัวเองตัดสินผมซะส่วนใหญ่ จึงไปไหนมาไหนกับแม่ตอนอารมณแม่ดีๆค่อยๆละลายพฤติกรรมเขารวมถึงทำความเข้าใจกับแม่ด้วย รวมถึงแม่ได้เรียนรู้เกี่ยวกับผมในมุมที่เขาอาจไม่รู้จักด้วย
โฆษณา