22 ก.ค. เวลา 00:00 • หนังสือ

ทัวร์เมืองไทยปี 4001

สามสิบปีมาแล้ว ผมเขียนเรื่องสั้นวิทยาศาสตร์เรื่อง ทัวร์สยาม 4001 (ในชุด เดือนช่วงดวงเด่นฟ้า ดาดาว) เป็นเรื่องสั้นเสียดสีสภาพบ้านเมืองของประเทศไทย เป็นเรื่องทัวร์ท่องไทยในปี ค.ศ. 4001
จะขอนำข้อความบางท่อนมาให้อ่าน
วันที่ 2 ทะเลทรายห้วยขาแข้ง
เช้าตรู่รถทัวร์ลอยฟ้าจะพาท่านไปชมทะเลทรายที่ใหญ่ที่สุดของประเทศไทย ขนาดของมันราว 120,000 ตารางกิโลเมตร ทะเลทรายส่วนที่สวยงามที่สุดได้แก่ทะเลทรายห้วยขาแข้ง ซึ่งกินพื้นที่ราว 6,000 ไร่ของหลายจังหวัดเป็นแหล่งปลูกต้นตะบองเพชรกว่า 1,700 พันธุ์ ทะเลทรายที่มีชื่อแห่งนี้ได้รับการบันทึกไว้ในหนังสือกินเนสส์มานานกว่าสามร้อยปีแล้วว่า ต้นตะบองเพชรที่นี่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก ใหญ่พอเจาะเป็นช่องให้รถยนต์วิ่งผ่านได้ถึงสองเลน
สถานที่แห่งนี้ยังเป็นพิพิธภัณฑ์ทางวนศาสตร์ที่ใหญ่ที่สุดในเอเชียวนอุทยานห้วยขาแข้งมีการจัดสวนกรวดที่สวยงามมากกว่าห้าร้อยแบบ มีน้ำตกเทียมและมีการจำลองสัตว์ป่านานาพันธุ์ที่ทำด้วยปูน เหมือนจริงมาก และไม่เป็นอันตรายต่อนักท่องเที่ยวดังเช่นที่เคยเกิดขึ้นมาแล้วในบางประเทศใกล้เคียงที่ยังมีป่าทึบ เช่น พม่า เวียดนาม
บางส่วนของห้วยขาแข้งถูกทำเป็นสนามกอล์ฟสามร้อยหลุม สนามกอล์ฟที่นี่เป็นพื้นทรายอัดแน่น แต่เดินนุ่มสบายกว่าหญ้าจริงและไม่มีฝุ่น มีแคดดี้หุ่นยนต์คอยให้บริการท่านตลอดยี่สิบสี่ชั่วโมง
วันที่ 3 บุรีรัมย์ - ลำปาง
สองข้างทางจากจังหวัดเลยสู่จังหวัดเชียงใหม่ อุณหภูมิจะสูงขึ้นเรื่อย ๆ นักท่องเที่ยวจะเห็นเมืองประวัติศาสตร์หลายเมืองที่จมกลางทะเลทราย เช่น แพร่ น่าน ฯลฯ เมืองเหล่านี้เดิมเป็นเมืองที่มีป่าไม้มาก่อน เมื่อไม้หมดป่าได้กลายเป็นเมืองร้างไปในที่สุด
วันที่ 4 ลำปาง - เชียงใหม่
ตื่นเช้าในโรงแรมกลางทะเลทรายลำปาง สูดอากาศอุ่น ๆ รับอรุณ อาหารเช้าแบบไทย ๆ คือ ยากิโซบะ หลังอาหารเช้านั่งรถต่อไปถึงเมืองเชียงใหม่ โรงแรมที่ดีที่สุดคือ เชียงใหม่ เดสเสิร์ท อินน์ อยู่ริมทะเลทรายส่วนที่ติดแม่น้ำ
จากโรงแรมมีรถลอยฟ้าพาท่านไปชมพระธาตุดอยสุเทพภายใต้หลังคาโดมแก้วยักษ์ ภายในปรับอากาศสบาย ด้านหลังโดมมีศูนย์พระเครื่องที่ใหญ่ที่สุดในโลก มีพระเครื่อง ผ้ายันต์ ตะกรุด ปลัดขิก นานาชนิดจำหน่ายกว่าสองล้านชิ้นในแต่ละวัน ส่วนใหญ่ทำด้วยพลาสติกสังเคราะห์ที่ดูเหมือนดินมาก แต่คงทนกว่าห้าพันเท่า
ในช่วงบ่ายไปดูการทำร่มลายโฮโลแกรม และต่อไปหมู่บ้านชาวเชียงใหม่ ดูฟาร์มเลี้ยงกิ้งก่าทะเลทราย ซึ่งมีการส่งหนังเป็นสินค้าออกอันดับต้น ๆ
1
หลังจากนั้นแวะดอยอินทนนท์ทางรถบัสลอยฟ้า ดอยแห่งนี้เป็นเขาที่สูงที่สุดในประเทศ พื้นที่ส่วนหนึ่งจัดทำเป็นลานจอดรถยนต์ลอยฟ้าถึงสองหมื่นคัน จากข้างบนสุดของดอยมองลงมาจะเห็นทิวทัศน์ทะเลทรายที่สวยที่สุดในโลก กว้างขวางสุดลูกหูลูกตาอากาศบนยอดดอยร้อนมาก แต่นักวิทยาศาสตร์บางคนเชื่อว่าในสมัยโบราณที่นี่หนาวจัด
ค่ำเชิญรับประทานขันโตก อาหารเลิศของชาวทะเลทรายเชียงใหม่ได้แก่ ข้าวบาร์ลีย์นึ่ง วิธีหุงข้าวบาร์ลีย์ที่นี่น่าสนใจมาก ทำให้สุกโดยใช้ใบตองห่อฝังในทะเลทรายจนสุก แฮมที่ทำมาจากเนื้อกิ้งก่าทะเลทราย อาหารที่มีชื่อที่นี่คือ กิ้งก่าทะเลทรายสามรส
วันที่ 5 เชียงใหม่ - เชียงราย
นับแต่ไม้หมดจากประเทศไทยมาตั้งแต่ปี 2040 อุตสาหกรรมด้านนี้ก้าวหน้าไปมากจนกลายเป็นสินค้าออกอันดับต้น ๆ ของประเทศ เทคโนโลยีการทำไม้เทียมที่มีคุณภาพเหนือกว่าไม้จริงพัฒนามาตลอดหนึ่งพันปีจนสมบูรณ์สุดขีดในราวปี 3820
เย็นนั่งรถลอยฟ้าต่อไปถึงชายแดนพม่า กินไก่ทอดเคนตั๊กกี้ที่ภัตตาคารกลางโอเอซิส ทิวทัศน์ทะเลทรายยามเย็นสวยมาก จากจุดนี้ถ้ามองไปฝั่งพม่าจะเห็นป่าเขียวหม่นหมองซึ่งยังเป็นดินแดนเถื่อน และมีอันตรายจากสัตว์ป่า
วันที่ 6 เชียงใหม่ - กรุงเทพฯ
1
กรุงเทพฯเป็นแหล่งผลิตหน้ากากกันมลพิษที่ใหญ่ที่สุดของโลก นักท่องเที่ยวจะตื่นตาตื่นใจกับหน้ากากแบบใหม่ ๆ โดยนักออกแบบที่มีชื่อเสียง นอกจากนี้กรุงเทพฯยังมีโรงงานผลิตสีและสารเคมีกว่าหนึ่งหมื่นโรง กรรมวิธีการผลิตส่วนใหญ่ใช้วิธีดูดสารที่ต้องการจากอากาศ เพราะเป็นเมืองที่มีสารเคมีในอากาศเหลือเฟือ รัฐบาลให้ความสนับสนุนโรงงานเหล่านี้ในด้านการเงิน เพราะเป็นอุตสาหรรมที่ช่วยลดปริมาณสารเคมีในอากาศไปในตัว
วันที่ 9 เกาะสมุย - ตรัง
ถึงตรังด้วยรถลอยฟ้า ทะเลตรังนั้นแตกต่างจากทะเลสมุย อยู่มาก แต่สวยงามคนละแบบกัน นักท่องเที่ยวควรเยือนอุทยานป่าโกงกางจำลองที่ใหญที่สุดในโลกที่ฝั่งสิเกา ท่านจะชื่นชมกับบรรยากาศป่าโกงกางในอดีต พื้นที่กว่าหกพันไร่ถูกเนรมิตเป็นป่าโกงกางที่สร้างด้วยพลาสติกคงทนแข็งแรง ด้านหลังมีลำธารวิทยาศาสตร์ใหญ่ที่สุดในเอเชีย มีสัตว์ทะเลจำลองทุกชนิดแหวกว่ายไปมาอย่างเหมือนจริงที่สุด ที่นี่เหมาะสำหรับเด็กในวัยเรียนรู้
ช่วงบ่ายท่านควรไปชมพิพิธภัณฑ์โรงเผาถ่าน ท่านจะรู้สึกทึ่งที่ว่า คนโบราณสามารถใช้ถ่านในการหุงต้มได้เช่นกัน ประวัติศาสตร์ช่วงสองพันปีก่อนจารึกว่า คนไทยยังคงใช้ถ่านไม้จนกระทั่งไม้ต้นสุดท้ายถูกโค่นลงในปี 2040
ฯลฯ
เรื่องจริงยาวกว่านี้มาก แต่คงพอ 'เก็ต' ว่าผู้เขียนนำเสนออะไร
ปัญหาใหญ่ที่สุดของเรื่องนี้คือความสมจริง นักเขียนทำนายปีผิดแน่นอน
เพราะด้วยอัตราเร่งแห่งการทำลายป่าที่เป็นอยู่ เชื่อว่าประเทศไทยจะเป็นทะเลทรายก่อนปี ค.ศ. 4001 แน่นอน
โฆษณา