18 ก.ค. เวลา 12:49 • ธุรกิจ

6 ทักษะสีเขียว ที่ SME ควรเตรียมรองรับการปรับตัวสู่เทรนด์ ESG สร้างธุรกิจยั่งยืน มีอะไรบ้าง

ในยุคปัจจุบันที่ความยั่งยืนและการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม มีบทบาทสำคัญต่อการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคม ‘ทักษะสีเขียว’ จึงถูกนำมาใช้ในธุรกิจหรือองค์กรที่ให้ความสำคัญกับความยั่งยืนและการดำเนินธุรกิจที่มีความรับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อมมากขึ้น โดย ทักษะสีเขียว เป็นสิ่งจำเป็นไม่เพียงเพื่อการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมเท่านั้น แต่ยังส่งผลต่อการเติบโตทางเศรษฐกิจและการพัฒนาที่ยั่งยืนอีกด้วย
ซึ่งอาจเป็นเหตุผลหนึ่ง ที่ทำให้องค์การหรือบริษัทชั้นนำหลาย ๆ แห่งในประเทศไทย หันมาใส่ใจกับการปฏิบัติงานสีเขียวและการรักษาสิ่งแวดล้อมมากขึ้น ด้วยการลงทุนฝึกอบรมและพัฒนาพนักงานของตนเองให้มีความรู้และทักษะสีเขียวมาปรับเปลี่ยนองค์กรสู่แนวทาง ESG มากขึ้น
มาดูกันว่า ทักษะสีเขียว ที่ถือเป็นกุญแจสำคัญในการนำทางไปสู่การเปลี่ยนผ่าน (Transition) สู่เศรษฐกิจคาร์บอนต่ำ เพื่อบรรลุเป้าหมาย Net Zero ได้อีกทางหนึ่งนั้น มีอะไรบ้าง
จากการศึกษาของบริษัทลิงค์อิน (LinkedIn) ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มการจ้างงานและหางานระดับโลก พบว่า ในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา มีงานที่ต้องใช้ ทักษะสีเขียว เพิ่มขึ้นประมาณร้อยละ 8 ต่อปี ซึ่งสูงกว่าอัตราการเติบโตของจำนวนแรงงานสีเขียวซึ่งอยู่ที่ประมาณร้อยละ 6 ต่อปี
โดยทักษะสีเขียวที่มักนำมาใช้จะเป็นงานด้านพลังงานหมุนเวียน เช่น ช่างเทคนิคด้านกังหันลม และผู้เชี่ยวชาญด้านพลังงานแสงอาทิตย์ ขณะที่ทักษะสีเขียวที่จำเป็นมากขึ้น มักเป็นงานด้านความยั่งยืน เช่น ผู้จัดการด้านความยั่งยืน
ขณะที่ ในทางตรงข้าม “ธุรกิจสีน้ำตาล” หรือธุรกิจที่ปล่อยคาร์บอนและก๊าซเรือนกระจกสูง เช่น ธุรกิจเชื้อเพลิงฟอสซิล ธุรกิจรถยนต์สันดาป ธุรกิจเกษตรแบบเดิมที่ใช้สารเคมีสูงและทรัพยากรธรรมชาติมาก จะหดตัวลงและทำให้งานบางส่วนหายไป โดยแรงงานที่น่าจะได้รับผลกระทบสูงหรือเป็นกลุ่มเสี่ยงมักเป็นแรงงานที่มีทักษะและระดับการศึกษาไม่สูงนัก ซึ่งปัจจุบันมีจำนวนประมาณ 8 ล้านคนในประเทศไทย
ทั้งนี้ แนวโน้มในอนาคต ทุกสายงานคงต้องมุ่งสู่เศรษฐกิจสีเขียว (Green Economy) การเตรียมทักษะบุคลากรให้พร้อม โดยบริษัทสามารถลงทุนกับการปรับและเพิ่มทักษะของแรงงานและบุคลากร ซึ่งทักษะสำหรับงานในอนาคตนอกจากทักษะด้านเทคโนโลยีและข้อมูลแล้ว เช่น การมีความรู้ด้าน Big Data ปัญญาประดิษฐ์ และ Cloud computing เป็นต้น
ยังมีทักษะสีเขียวที่องค์กรต้องสรรหามาเพื่อเปลี่ยนผ่าน (transition) สู่ธุรกิจคาร์บอนต่ำ เช่น ทักษะการออกแบบระบบพลังงานแสงอาทิตย์ การจัดการคาร์บอนฟุตพริ้นท์ และการทำแบบจำลองพลังงาน ซึ่งในปัจจุบัน ผู้ประกอบการ SME ไม่น้อยขาดองค์ความรู้เรื่องทักษะสีเขียวทั้งในด้านปริมาณและคุณภาพ ดังนั้น จึงต้องเร่งสร้างทักษะที่สำคัญให้แก่บุคลากร ซึ่งโครงการสิ่งแวดล้อมแห่งสหประชาชาติ (United Nations Environment Programme – UNEP) ได้สรุป 6 ทักษะสีเขียว ที่สำคัญที่นอกเหนือจากทักษะด้านเทคโนโลยี ดังนี้
1. ทักษะด้านวิทยาศาสตร์ เพราะเศรษฐกิจในอนาคตจำเป็นต้องพึ่งพาแรงงาน บุคลากรที่มีทักษะทางวิทยาศาสตร์ ไม่ว่าจะเป็นนักวิทยาศาสตร์สิ่งแวดล้อม นักชีววิทยา นักอุทกวิทยา และนักชีวเคมี เนื่องจากว่าบุคลากรในวงการนี้จะเข้ามาทำหน้าที่ติดตาม จัดการ และปกป้องทรัพยากรทางสิ่งแวดล้อม อาทิ ที่ดิน และแหล่งน้ำ
2. ทักษะการวางแผนและสถาปัตยกรรม ช่วยตอบโจทย์เรื่องโครงสร้างพื้นฐานและอาคารที่จะต้องมีโครงสร้างและคุณสมบัติที่สามารถใช้พลังงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ และสอดคล้องกับกฎระเบียบทางสิ่งแวดล้อม เช่น อาคารสีเขียว
3. ทักษะด้านเทคโนโลยีและวิศวกรรมสีเขียว เพื่อออกแบบและรักษาพลังงานสะอาด อาทิ แผงโซลาเซลล์ กังหันลม ยานพาหนะที่ปล่อยก๊าซเรือนกระจกต่ำ ตลอดจนการพัฒนาเทคโนโลยีเพื่อสนับสนุนเศรษฐกิจสีเขียว
4. ทักษะด้านเกษตรกรรม สำหรับเรื่องอาหารยังคงเป็นเรื่องสำคัญอันดับต้น ๆ แต่จะต้องเป็นการทำการเกษตรและแหล่งอาหารที่ยั่งยืน โดยสามารถใช้ข้อมูลเพื่อปรับปรุงประสิทธิภาพการทำเกษตรได้
5. ทักษะความยุติธรรมทางสิ่งแวดล้อม แน่นอนว่าสายอาชีพที่คำนึงถึงความยั่งยืนและสิ่งแวดล้อม ต้องการแรงงาน และบุคลาการที่สามารถทำงานอย่างเข้าใจจุดร่วมและความเชื่อมโยงระหว่างสิทธิมนุษยชนและสิทธิสิ่งแวดล้อม โดยตระหนักรู้ถึงประเด็นทางสังคม กฎหมาย และประวัติศาสตร์ เพื่อไม่ให้มนุษย์ทำผิดซ้ำรอยเดิมที่อาจจะเป็นการผลิตซ้ำความไม่ยุติธรรมทางเชื้อชาติ สังคม หรือส่งผลลบต่อสุขภาวะทางสังคมและสิ่งแวดล้อม
6. ทักษะการคิดและมองอย่างเป็นระบบ ในภาพรวม งานสีเขียวต้องการแรงงานและบุคลาการที่สามารถออกแบบ ดำเนินการ และติดตามระบบที่หลากหลาย เช่นการประเมินระบบต่าง ๆ กับตัวชี้วัดประเมินผลการดำเนินการ โดยสามารถหาวิธีการที่จะปรับปรุงการดำเนินการทั้งหมดได้ ทักษะที่ควรมีคือทักษะในเศรษฐศาสตร์มหภาคเพื่อที่จะสามารถสร้างความยั่งยืนให้เกิดขึ้นได้ในโครงการระยะยาว
นอกจากนี้ ควรมีการฝึกอบรมเพื่อเพิ่มเติมทักษะสีเขียวที่สำคัญ เช่น ทักษะการจัดการและพัฒนากลยุทธ์ด้านสิ่งแวดล้อมและความยั่งยืน ทักษะเกี่ยวกับพลังงาน การหมุนเวียนทรัพยากรและการลดคาร์บอน รวมถึงการประเมินโครงการติดตั้งระบบพลังงานแสงอาทิตย์ ทักษะด้านโครงสร้างพื้นฐานและการเดินทางสีเขียว รวมถึงการจัดการและบำรุงรักษารถไฟฟ้า และทักษะการเงินเพื่อความยั่งยืน รวมถึงการวิเคราะห์และรายงานผลการดำเนินงานด้านความยั่งยืน (Sustainability)
ทั้งนี้ ‘ทักษะสีเขียว’ อาจพัฒนาและต่อยอดไปสู่ ‘ธุรกิจสีเขียว’ ที่เป็นธุรกิจใหม่หรือขยายตัวขึ้น ซึ่งนำมาสู่การสร้างงานใหม่ เช่น ธุรกิจจัดการของเสียและรีไซเคิล ธุรกิจพลังงานหมุนเวียน ธุรกิจสร้างและปรับปรุงบ้านและอาคารประหยัดพลังงาน ธุรกิจการลดคาร์บอนและก๊าซเรือนกระจกในอุตสาหกรรม ธุรกิจผลิตยานยนต์ไฟฟ้า และธุรกิจบริหารจัดการและการเงินสีเขียว หรือธุรกิจบริการด้านที่ปรึกษาสีเขียว
ยกตัวอย่างเช่น บริษัท ท็อปส์-แลบ คอนซัลแตนท์ จำกัด (TLC) ธุรกิจบริการด้านที่ปรึกษาสีเขียว หรือ Green Consulting Service มีบทบาทสำคัญที่ช่วยผู้ประกอบธุรกิจ ตลอดจนอุตสาหกรรมต่าง ๆ ให้ดำเนินกิจกรรมที่ไม่ส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม ทั้งในแง่ของข้อปฏิบัติตามกฎหมาย การพิจารณาความเสี่ยงด้านการลงทุน มิติด้านสังคม สุขอนามัย และคุณภาพชีวิตของประชาชนในพื้นที่ เพื่อให้ทุกสถานประกอบการปรับเปลี่ยนไปสู่ธุรกิจสีเขียว (Green Business) เมกะเทรนด์ของการค้าและอุตสาหกรรมยุคใหม่
ผู้สนใจสามารถศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่
ดังนั้น องค์การหรือบริษัทโดยเฉพาะธุรกิจ SME และขนาดกลาง ซึ่งมีอยู่เป็นจำนวนมากในประเทศไทย ควรหันมาให้ความสำคัญกับทักษะสีเขียว เพื่อปรับตัวดำเนินธุรกิจที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมมากขึ้น ซึ่งอาจจะเป็นเรื่องที่ยาก แต่ก็มีโอกาสจะเป็นไปได้
หากองค์การเหล่านั้นมองเห็นความสำคัญของสิ่งที่อาจจะวัดเป็นตัวเงินในระยะสั้นได้ยาก จะทำให้โอกาสของการมุ่งไปสู่เป้าหมาย Net Zero และการเติบโตอย่างยั่งยืนของประเทศไทยเป็นไปได้มากขึ้น ซึ่งย่อมส่งผลดีกับองค์การหรือบริษัท ซึ่งผู้บริโภคในปัจจุบันก็หันมาใส่ใจกับการเลือกซื้อสินค้าและบริการที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมมากขึ้นเช่นกัน จึงส่งผลต่อรายได้และชื่อเสียงที่น่าจะดีขึ้นในระยะยาวอีกด้วย
โฆษณา