19 ก.ค. เวลา 09:06 • การตลาด

อัปเดต 7 เทรนด์ Digital Marketing ในครึ่งปีหลังของปี 2024 ที่นักการตลาดควรรู้!

โลกของ Digital Marketing เติบโตไม่หยุดนิ่ง มีเครื่องมือและเทคโนโลยีใหม่ ๆ ออกมาทุกวัน แถมวิธีที่เราค้นหาข้อมูลก็เปลี่ยนแปลงตลอดเวลา เทรนด์ใหม่ ๆ ผุดขึ้นมาเรื่อย ๆ ทำให้นักการตลาดต้องคอยตามให้ทัน
มาดูกันว่าเทรนด์ Digital Marketing ในครึ่งปีหลังของปี 2024 ที่ควรนำไปปรับใช้กับกลยุทธ์การตลาดจะมีอะไรน่าสนใจบ้าง
1. User-generated content Marketing
คอนเทนต์ที่ผู้ใช้สร้างขึ้น (User-Generated Content หรือ UGC) กำลังเป็นที่นิยมอย่างมากในโลกโซเชียลมีเดีย เพราะ 88% ของผู้บริโภคส่วนใหญ่มักจะเชื่อรีวิวหรือคำแนะนำจากเพื่อนหรือผู้ใช้คนอื่น ๆ มากกว่าโฆษณาจากแบรนด์โดยตรง UGC สามารถเป็นอะไรก็ได้ ตั้งแต่ภาพถ่ายสวย ๆ ของลูกค้าที่ใช้สินค้า วิดีโอรีวิวบน TikTok ไปจนถึงโพสต์แสดงความคิดเห็นบน Facebook ที่สำคัญคือต้องเป็นของจริง ไม่ใช่คอนเทนต์ที่ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อการโฆษณา
วิธีหา UGC มาใช้กับแบรนด์ โดยแบ่งเป็น 3 กรณีดังนี้
- ถ้ามีคนพูดถึงแบรนด์เราอยู่แล้ว: ขออนุญาตเจ้าของมาแชร์ต่อได้เลย เช่น รีวิวสินค้าใน Instagram Story หรือโพสต์ภาพสวย ๆ ที่ติดแท็กแบรนด์ในหน้าเพจ
- ถ้ายังไม่มี: ต้องกระตุ้นให้เกิด UGC เช่น จัดกิจกรรมให้ลูกค้าถ่ายรูปคู่กับสินค้าแล้วติดแฮชแท็ก หรืออาจจะให้ส่วนลดสำหรับคนที่รีวิวสินค้าก็ได้
- ทำคอนเทนต์ "เบื้องหลัง": ลองให้พนักงานถ่ายรูปหรือวิดีโอตอนทำงาน หรืออาจจะสัมภาษณ์พนักงานเกี่ยวกับสินค้าก็ได้ วิธีนี้ช่วยให้แบรนด์ดูเป็นกันเองและน่าเชื่อถือมากขึ้น
2. Hyper-personalization
การตลาดแบบเจาะจง (Hyper-personalization) คือ การตลาดที่ไม่ใช่แค่การใส่ชื่อลูกค้าลงในอีเมลหรือข้อความ แต่ต้องส่งคอนเทนต์ที่ใช่ ตรงเวลา และตรงกับความต้องการของลูกค้าแต่ละคน โดยดูจากข้อมูลต่าง ๆ เช่น ประวัติการซื้อ หรือพฤติกรรมการใช้งาน ตัวอย่างเช่น
- Amazon: แนะนำสินค้าตามประวัติการซื้อ
- Spotify: สร้างโปรไฟล์เพลงและเพลย์ลิสต์ส่วนตัว
- Netflix: ที่แนะนำหนังหรือซีรีส์เรื่องใหม่ ๆ ที่เราน่าจะชอบ เพราะเขารู้ว่าเราดูอะไรไปบ้าง
ตัวอย่างเหล่านี้พัฒนาและปรับปรุงอยู่ตลอดเวลา ยิ่งมีข้อมูลและความเข้าใจมากเท่าไหร่ ก็ยิ่งสามารถปรับปรุงการตลาดแบบปรับแต่งให้โดนใจได้มากขึ้นเท่านั้น
เคล็ดลับการทำ Personalization ที่ดี
- อย่าใช้ Personalization เยอะเกินไปในช่องทางเดียว: เช่น ส่งอีเมลเรียกชื่อลูกค้า แต่ในเว็บไซต์กลับไม่รู้จัก
- ใช้ความคิดสร้างสรรค์: ไม่ใช่แค่เรียกชื่อ แต่ต้องส่งคอนเทนต์ที่ “ใช่” ในเวลาที่ “เหมาะ” โดยดูจาก Journey ของลูกค้าและตัวตนของพวกเขา
สิ่งที่ต้องมี เพื่อทำ Personalization ให้ปัง
- Buyer Personas: ทำความรู้จักลูกค้ากลุ่มเป้าหมายให้ดี รู้ว่าพวกเขาเป็นใคร ชอบอะไร สนใจอะไร
- Content Strategy: วางแผนว่าจะนำเสนอเนื้อหาอะไร ในรูปแบบไหน และช่องทางใด เพื่อให้ตรงใจลูกค้าแต่ละกลุ่ม
- DATA: ข้อมูลคือหัวใจสำคัญ ยิ่งเรามีข้อมูลเกี่ยวกับลูกค้ามากเท่าไหร่ เราก็ยิ่งสามารถปรับปรุงการตลาดให้มีประสิทธิภาพมากขึ้นเท่านั้น
3. AI Marketing
ไม่พูดถึงคงไม่ได้ AI กำลังเข้ามามีบทบาทสำคัญในวงการการตลาด แม้ว่าจะยังไม่สามารถทำงานได้ทุกอย่างแทนนักการตลาด แต่ก็เป็นเครื่องมือที่มีประโยชน์อย่างมากในการช่วยทำงานต่าง ๆ ให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น เช่น การสร้างคอนเทนต์ การวิเคราะห์ข้อมูลลูกค้า การแบ่งกลุ่มเป้าหมาย หรือแม้แต่การสร้างแชทบอท
นอกจากนี้ หลาย ๆ บริษัทก็เริ่มพัฒนา AI ของตัวเองเพื่อนำมาใช้ในการตลาดอีกด้วย และจริง ๆ แล้ว AI ไม่ได้มาแย่งงานเรา แต่เป็นเครื่องมือที่ช่วยให้เราทำงานได้ดีขึ้นต่างหาก
4. Human content และ Storytelling
ในยุคที่เทคโนโลยีเข้ามามีบทบาทมากขึ้น ผู้คนกลับโหยหาความเป็นธรรมชาติและความจริงใจในการสื่อสาร ซึ่งแนวคิด B2H (Business-to-Human) ตอบโจทย์นี้ได้อย่างลงตัว
B2H ไม่ได้มองว่าลูกค้าเป็นเพียงกลุ่มเป้าหมายทางธุรกิจ (B2B หรือ B2C) แต่ให้ความสำคัญกับการสื่อสารและมองว่าลูกค้า ที่ไม่ว่าจะเป็นบริษัทหรือบุคคล ก็คือ "คน" ที่มีอารมณ์ ความรู้สึก และความต้องการเฉพาะตัว
การเล่าเรื่อง (Storytelling) จึงเป็นเครื่องมือสำคัญในการสร้างคอนเทนต์แบบ B2H เพราะเรื่องราวมีพลังในการดึงดูด สร้างความประทับใจ และสื่อสารข้อความได้อย่างลึกซึ้ง โดยไม่จำเป็นต้องทิ้งหลักการ SEO หรือ Keyword ที่ดี
แนวทางการสร้างคอนเทนต์แบบ B2H:
- ใช้ภาษาที่เป็นกันเอง: พูดคุยกับคนดู คนอ่าน หรือผู้บริโภคเหมือนเป็นเพื่อน ไม่ใช่แค่การนำเสนอข้อมูล
- สร้างความเข้าใจง่าย: ถ่ายทอดเรื่องราวที่ซับซ้อนให้เข้าใจง่าย เหมือนคุยกับเพื่อนที่ร้านกาแฟ
- สร้างความรู้สึกเชื่อมโยง: เล่าเรื่องที่ทำให้ผู้อ่านรู้สึกอินตาม และเห็นคุณค่าในสิ่งที่แบรนด์นำเสนอ
- สร้างความประทับใจ: ทิ้งท้ายด้วยเรื่องราวที่น่าจดจำ หรือข้อคิดที่ทำให้ผู้อ่านอยากกลับมาอ่านอีก
B2H จึงไม่ใช่แค่เทรนด์ แต่เป็นการเปลี่ยนวิธีคิดที่จะช่วยให้เราเข้าใจและสื่อสารกับลูกค้าได้ดีขึ้น การเล่าเรื่องคือหัวใจสำคัญที่จะทำให้แบรนด์ของเราโดดเด่นและอยู่ในใจลูกค้าได้นาน
5. Immersive และ interactive marketing
การตลาดแบบ Immersive และ Interactive การตลาดรูปแบบนี้กำลังมาแรง เป็นการตลาดที่เน้นการสร้างประสบการณ์ที่น่าตื่นเต้นและดึงดูดใจให้ผู้บริโภคเข้ามามีส่วนร่วม และรู้สึกเป็นส่วนหนึ่งของแบรนด์หรือสินค้า เช่น
- วิดีโอ Interactive: เราสามารถควบคุมบางอย่างในวิดีโอได้ เหมือนได้เข้าไปอยู่ในโลกนั้นจริง ๆ เช่น วิดีโอทัวร์ชมบ้านแบบ 3D ที่เราสามารถเลือกมุมมองได้เอง
- เครื่องมือออนไลน์: เครื่องมือที่ช่วยให้เราคำนวณหรือวางแผนอะไรบางอย่างได้ เช่น เครื่องคำนวณสินเชื่อบ้าน หรือ เครื่องมือออกแบบห้องครัว ที่ทำให้เราอยากกลับมาใช้ซ้ำ ๆ
- แบบทดสอบและโพลล์: แบบทดสอบสนุก ๆ ที่ทำให้เรารู้สึกมีส่วนร่วมและอยากแชร์ผลลัพธ์กับเพื่อน ๆ หรือโพลล์สำรวจความคิดเห็นที่ทำให้เรารู้สึกว่าแบรนด์รับฟังความคิดเห็นของเรา เหมาะกับการเก็บข้อมูล
- การปรับอีเมลและโฆษณาให้เป็นส่วนตัว: การได้รับอีเมลหรือโฆษณาที่เรียกชื่อเรา ทำให้เรารู้สึกพิเศษและอยากอ่านหรือดูมากขึ้น
- การนำเสนอคอนเทนต์เดิมในรูปแบบใหม่ ๆ: การนำเสนอข้อมูลหรือเนื้อหาเดิมในรูปแบบที่แตกต่างออกไป เช่น infographic, วิดีโอสั้น, หรือ podcast เพื่อให้เข้าถึงผู้ชมได้หลากหลายกลุ่มและเพิ่มการมีส่วนร่วม
6. จงเก็บเพื่อนไว้ใกล้ตัว แต่จงเก็บคู่แข่งไว้ใกล้ตัวยิ่งกว่า
"รู้เขารู้เรา รบร้อยครั้งชนะร้อยครั้ง" ประโยคนี้ยังใช้ได้เสมอ โดยเฉพาะในโลกการตลาดดิจิทัลที่การแข่งขันสูงมาก ๆ ในแต่ละวันมีเว็บไซต์ใหม่ ๆ ผุดขึ้นมา วันละ 250,000 เว็บ ดังนั้น การรู้จักคู่แข่งให้ลึกที่สุดจึงเป็นสิ่งสำคัญที่นักการตลาดทุกคนต้องทำ
การวิเคราะห์คู่แข่ง (Competitor Analysis) คืออะไร?
การวิเคราะห์คู่แข่งก็เหมือนกับการส่องดูว่าคู่แข่งของเรากำลังทำอะไรอยู่บ้าง มีจุดแข็งจุดอ่อนอะไร ใช้กลยุทธ์อะไรในการทำการตลาด มีกลุ่มเป้าหมายเป็นใคร และมีผลตอบรับจากลูกค้าอย่างไรบ้าง
ทำไมการวิเคราะห์คู่แข่งถึงสำคัญ?
- รู้ว่าเราควรทำอะไร: การรู้ว่าคู่แข่งทำอะไรอยู่บ้าง จะช่วยให้เรารู้ว่าเราควรทำอะไรเพื่อให้แตกต่างและโดดเด่นกว่าคู่แข่ง
- หาโอกาสใหม่ ๆ: การวิเคราะห์คู่แข่งอาจช่วยให้เราเห็นช่องว่างในตลาดที่เรายังไม่ได้เข้าไป หรือเห็นเทรนด์ใหม่ ๆ ที่เรายังไม่ได้ทำ
- ปรับปรุงกลยุทธ์: การรู้จุดแข็งจุดอ่อนของคู่แข่ง จะช่วยให้เราปรับปรุงกลยุทธ์ของเราให้ดีขึ้นและมีประสิทธิภาพมากขึ้น
- เตรียมพร้อมรับมือ: การรู้ว่าคู่แข่งกำลังทำอะไรอยู่ จะช่วยให้เราเตรียมพร้อมรับมือกับการเปลี่ยนแปลงต่าง ๆ ในตลาดได้
7. โซเชียลมีเดียคือเครื่องมือค้นหาสุดฮิต
ปฏิเสธไม่ได้ว่าโซเชียลมีเดียมีการเติบโตแบบก้าวกระโดด ตอนนี้มีคนทั่วโลกใช้งานมากถึง 4.80 พันล้านคน เพิ่มขึ้นตั้ง 150 ล้านคนในปีที่ผ่านมา คนส่วนใหญ่ใช้ประมาณ 6.6 แอปต่อเดือน และวิธีการใช้งานก็เปลี่ยนไปด้วย สมัยนี้คงไม่มีใครไปโพสต์บนหน้า Facebook Wall ของเพื่อนแล้วจริงไหมคะ ทุกวันนี้เราหันมาเสพคอนเทนต์ที่เป็นวิดีโอสั้น ๆ มากขึ้น ดูรีวิวสินค้าจากอินฟลูเอนเซอร์ และมีฟีดโฆษณาที่ตรงใจ ซึ่งส่งผลให้ธุรกิจต่าง ๆ มองเห็นโอกาสในการใช้แพลตฟอร์มเหล่านี้เพื่อโปรโมทสินค้าและบริการของตนเอง
รู้ไหมว่า 67% ของผู้ใช้ TikTok มักค้นหาแบรนด์และร้านค้าใหม่ ๆ บน TikTok และ 63% ของผู้บริโภคใช้โซเชียลมีเดียค้นหาร้านอาหารใหม่ ๆ หรือเมนูที่น่าลอง จะเห็นว่าโซเชียลมีเดียไม่ได้เป็นเพียงแค่ช่องทางในการสื่อสารหรือติดตามข่าวสารอีกต่อไป แต่ยังกลายเป็นเครื่องมือค้นหาที่สำคัญ ผู้บริโภคจำนวนมากใช้โซเชียลมีเดียในการค้นหาสิ่งที่ต้องการ แทนที่จะใช้เครื่องมือค้นหาแบบดั้งเดิมอย่าง Google นี่แสดงให้เห็นว่าพฤติกรรมของผู้บริโภคเปลี่ยนแปลงไป และโซเชียลมีเดียได้กลายเป็นส่วนสำคัญในชีวิตประจำวันของผู้คน
และนี่คือ 7 เทรนด์การตลาดดิจิทัลแห่งปี 2024 ที่จะช่วยให้นักการตลาดทุกคนไม่ตกเทรนด์และพร้อมรับมือกับความเปลี่ยนแปลงที่จะเกิดขึ้นในอนาคตได้ อย่าลืมนำไปปรับใช้กันดูนะคะ
ข้อมูลจาก: similarweb
โฆษณา