22 ก.ค. เวลา 03:00 • หุ้น & เศรษฐกิจ

รู้จัก “ถัง 3 ใบ” หลักลงทุนให้เงินเหลือใช้ ในวัยเกษียณ

คำถามที่วัยกลางคนหลายคน กำลังถามตัวเองอยู่คือ หลังเกษียณไปแล้ว เราจะนำเงินออมมาสร้างผลตอบแทน อย่างไรได้บ้าง
 
จริง ๆ แล้ว ก็มีอยู่หลักการหนึ่ง ที่จะช่วยให้เราสร้างผลตอบแทนจากการลงทุน และให้เรามีเงินเก็บเพียงพอสำหรับใช้จ่ายไปอีกหลายปี
หลักการนี้มีชื่อว่า “หลักการถัง 3 ใบ”
แล้วถังแต่ละใบ มีอะไรอยู่ในนั้นบ้าง ?
MONEY LAB จะย่อยเรื่องการเงิน การลงทุน ให้เข้าใจง่าย ๆ
หลักการถัง 3 ใบ คือการบริหารพอร์ต ที่จะแบ่งเงินเก็บของเราออกเป็น 3 ส่วน ในมูลค่าที่แตกต่างกัน
โดยแต่ละส่วนจะเลือกลงทุนในสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงต่างกันด้วย
- ถังที่ 1 เป็น “ถังความเสี่ยงต่ำ สภาพคล่องสูง”
หลักการของถังใบแรก คือ นำค่าใช้จ่ายที่เราคาดว่าจะต้องใช้ต่อเดือน เป็นระยะเวลา 2 ปี มาลงทุนในสินทรัพย์ความเสี่ยงต่ำ ที่มีสภาพคล่องสูง
เงินที่อยู่ในถังใบนี้จะเป็นเงินที่เราไว้ใช้จ่ายในชีวิตประจำวัน รวมถึงไว้ใช้จ่ายในกรณีฉุกเฉิน
ดังนั้นหากเราเก็บเงินไว้ในรูปแบบสินทรัพย์สภาพคล่องสูง เราก็จะสามารถแปลงสินทรัพย์ดังกล่าวเป็นเงินสด เพื่อนำมาใช้จ่ายได้ง่าย
สินทรัพย์ที่เราควรนำเงินในถังใบนี้ไปลงทุน ได้แก่
- เงินฝากธนาคาร
- กองทุนรวมตลาดเงิน
- กองทุนรวมตราสารหนี้ระยะสั้น
วิธีการคำนวณเงินในถังใบนี้ก็คือ ค่าใช้จ่าย x 12 เดือน x 2 ปี = จำนวนเงินในถัง
เช่น เรามีค่าใช้จ่ายต่อเดือนราว 10,000 บาท จำนวนเงินในถังใบนี้ ก็ควรจะมีอยู่ 240,000 บาท
1
- ถังที่ 2 เป็น “ถังความเสี่ยงปานกลาง”
หลักการของถังที่ 2 คือ การสร้างรายได้ และความมั่นคง โดยเราจะนำค่าใช้จ่ายต่อเดือน ตั้งแต่ปีที่ 3-7 มารวมกัน และจึงนำมาลงทุนในสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงปานกลาง เพื่อให้ได้ผลตอบแทนประมาณ 2-3% ต่อปี
หลังจากนั้น เราก็จะนำผลตอบแทนจากเงินลงทุนของถังที่ 2 นี้ ไปเติมเงินให้ถังที่ 1 อีกที
สินทรัพย์ที่เราควรนำเงินในถังใบนี้ไปลงทุน ได้แก่
- ​​กองทุนรวมตราสารหนี้
- กองทุนรวมผสม
- กองทุนรวมหุ้น
วิธีการคำนวณเงินในถังใบนี้ก็คือ ค่าใช้จ่าย x 12 เดือน x 5 ปี = จำนวนเงินในถัง
2
เช่น เรามีค่าใช้จ่ายต่อเดือนเท่าเดิม 10,000 บาท จำนวนเงินในถังใบนี้ ก็ควรจะมีอยู่ 600,000 บาท
1
โดยหากเรานำเงินจำนวนนี้ไปลงทุนในกองทุนรวมตราสารหนี้ เพื่อแลกกับผลตอบแทน 2% ต่อปี
ในแต่ละปี เราก็จะได้ผลตอบแทนจากถังใบนี้ เท่ากับ 12,000 บาท
-ถังที่ 3 เป็น “ถังความเสี่ยงสูง”
หลักการของถังที่ 3 คือ การลงทุนสร้างผลตอบแทนในระยะยาว โดยเงินในถังใบนี้ จะถูกนำไปลงทุนในสินทรัพย์ความเสี่ยงสูง เพื่อสร้างผลตอบแทน 8-10% ต่อปี
สำหรับการคำนวณจำนวนเงินที่จะใส่ในถังที่ 3 เราจะนำค่าใช้จ่ายทั้งปี มาลบกับผลตอบแทนที่เราคาดว่าจะได้รับจากการลงทุนในถังที่ 2 แล้วจึงนำมาคูณกับ 12.5
1
ตัวอย่างเช่น ค่าใช้จ่ายรายเดือน 10,000 บาท คิดเป็นปีละ 120,000 บาท หักด้วยผลตอบแทนจากถังที่ 2 ก็จะเท่ากับ 108,000 บาท
แปลว่าเงินที่เราควรจะใส่ไปในถังใบนี้ ก็จะเป็น 1,350,000 บาท
1
โดยผลตอบแทนจากการลงทุนในถังใบนี้ เราก็จะนำไปเติมให้แก่ถังที่ 1 หรือถังที่ 2 ในกรณีที่ต้องการปรับเงินในถังทั้ง 2 ใบ ให้สมดุล
2
สินทรัพย์ที่เราควรนำเงินในถังใบนี้ไปลงทุน ได้แก่
- ​​หุ้น
- อสังหาริมทรัพย์
จะเห็นได้ว่ากลยุทธ์การบริหารเงินลงทุนแบบถัง 3 ใบ จะเน้นไปที่การแบ่งสินทรัพย์ เพื่อการลงทุนตามความเสี่ยง
ทั้งยังมีการนำผลตอบแทนที่ได้รับในถังแต่ละใบ ไปเติมเต็มให้ถังใบอื่น ๆ ทั้งเพื่อค่าใช้จ่ายในยามฉุกเฉิน และเพื่อการลงทุนต่อไปในอนาคต
หากเราเป็นหนึ่งในคนที่กำลังมองหาวิธีการออม หรือสร้างผลตอบแทนในวัยเกษียณ กลยุทธ์ ถัง 3 ใบ ก็น่าจะเป็นตัวเลือก ที่น่าสนใจ ไม่น้อยเลยทีเดียว..
#วางแผนการเงิน
#วางแผนเกษียณ
#ถัง3ใบ
โฆษณา