และนั่นก็กลายผลกระทบทางสังคมและเศรษฐกิจที่ทำให้หลายฝ่ายเริ่มตื่นตัว หน่วยงานกำกับดูแลในยุโรปเพิ่งกดดันให้ Meta ชะลอแผนการฝึกฝนโมเดล AI ด้วยข้อมูลจาก Facebook และ Instagram
อย่างไรก็ตาม ผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมยังไม่เป็นที่พูดถึงมากนัก ทั้งที่การถามคำถามเดียวกับแชทบอท AI อาจใช้พลังงานมากกว่าการค้นหาด้วย Google แบบเดิมถึง 10 เท่า และอาจใช้พลังงานมากกว่าซอฟต์แวร์แบบดั้งเดิมถึง 33 เท่าในการทำงานให้เสร็จสิ้น
แอปพลิเคชัน AI ส่วนใหญ่ทำงานบนเซิร์ฟเวอร์ในศูนย์ข้อมูล ซึ่งในปี 2566 ก่อนที่ AI จะบูมจริงจัง สำนักงานพลังงานระหว่างประเทศประเมินว่า ศูนย์ข้อมูลต่าง ๆ คิดเป็น 1-1.5% ของการใช้ไฟฟ้าทั่วโลก และประมาณ 1% ของการปล่อย CO₂ ที่เกี่ยวข้องกับพลังงานทั่วโลก
การเติบโตอย่างรวดเร็วของการใช้ AI เปลี่ยนแปลงตัวเลขเหล่านี้อย่างไร ? รายงานด้านสิ่งแวดล้อมล่าสุดจาก Microsoft, Meta และ Google ให้ข้อมูลเชิงลึกไว้อย่างน่าสนใจ
1
โดย Microsoft ได้ลงทุนใน AI อย่างมาก ถือหุ้นใหญ่ใน OpenAI บริษัทผู้สร้าง ChatGPT รวมถึงแอปพลิเคชัน Copilot ของตัวเองสำหรับ Windows ตั้งแต่ระหว่างปี 2563 ถึง 2566 ซึ่งการปล่อยมลพิษประจำปีที่ Microsoft ได้เปิดเผยนั้น เพิ่มขึ้นประมาณ 40% จาก 12.2 ล้านตัน เป็น 17.1 ล้านตัน (CO₂)
7
Meta ก็ทุ่มทรัพยากรมหาศาลให้กับ AI เช่นกัน ในปี 2566 บริษัทเปิดเผยว่าการปล่อยมลพิษ เพิ่มขึ้นกว่า 65% ในเวลาเพียงสองปี จาก 5 ล้านตัน ในปี 2563 เป็น 8.4 ล้านตันในปี 2565 (CO₂)
1
การปล่อยมลพิษของ Google ในปี 2566 สูงกว่าในปี 2562 เกือบ 50% โดยรายงานด้านสิ่งแวดล้อมประจำปี 2567 ของ Google ระบุว่าแผนการลดการปล่อยมลพิษจะเป็นเรื่องยาก เนื่องจากความต้องการพลังงานที่เพิ่มขึ้นจากการประมวลผล AI ที่เข้มข้นขึ้น