20 ก.ค. เวลา 13:45 • หุ้น & เศรษฐกิจ

เจาะลึกสิทธิประโยชน์กรณีชราภาพ (บำเหน็จ/บำนาญ) ของประกันสังคม มาตรา 33

หลังจากที่ #เด็กการเงิน ได้อธิบายภาพ overview ไปแล้วว่าประกันสังคม ม. 33, 39, 40 ต่างกันอย่างไร โพสต์นี้เราจะมาเจาะลึกสิทธิประโยชน์ของ ม. 33 กันโดยเฉพาะสิทธิประโยชน์กรณีชราภาพ (บำเหน็จ/บำนาญ) ซึ่งเงินในส่วนนี้ค่อนข้างเยอะอยู่เหมือนกันสำหรับผู้ที่เกษียณแล้ว
แต่ต้องบอกก่อนว่าเราจะได้บำเหน็จหรือบำนาญนั้นขึ้นอยู่กับจำนวนปีที่เราส่งเงินมา และถ้าเราเลือกรับประโยชน์ส่วนนี้แล้ว เราจะเสียสิทธิรักษาพยาบาลไป แต่เราสามารถหันไปใช้สิทธิบัตรทองได้นะ รายละเอียดเพิ่มเติมมีในโพสต์นี้ มาเริ่มทำความเข้าใจไปพร้อมๆ กัน
📌📌 ม.33
ในส่วนของ ม.33 ปกติแล้วเราจะถูกหัก 5% ของเงินเดือน ถูกหักสูงสุดที่เงินเดือน 15,000 บาท ซึ่ง 5% ก็คือ 750 บาทที่เราโดนหักทุกเดือน (ขอใช้ตัวเลข 15,000 ให้ง่ายต่อการอธิบาย)
เงิน 5% นี้เป็นค่าอะไรบ้าง
1) 1.5% หรือ 225 บาท เป็นเงินประกันกรณีเจ็บป่วย เสียชีวิต
2) 0.5% หรือ 75 บาท เป็นเงินประกันกรณีว่างงาน
3) 3% หรือ 450 บาท เป็นเงินสมทบชราภาพ
และมีสิทธิประโยชน์ใน 7 กรณี
1) เจ็บป่วย
2) ทุพพลภาพ
3) เสียชีวิต
4) คลอดบุตร
5) สงเคราะห์บุตร
6) ว่างงาน
7) ชราภาพ (บำเหน็จ/บำนาญ)
ซึ่งเราจะขอเจาะลึกสิทธิประโยชน์ในกรณีชราภาพโดย
1️⃣ ผู้ประกันตนที่มีอายุครบ 55 ปีบริบูรณ์สามารถเลือกได้ระหว่างรับเงินบำนาญชราภาพ หรือเงินบำเหน็จชราภาพ (ขอเลือก)
1.1 ในกรณีที่จ่ายเงินสมทบมาแล้วถึงเกณฑ์ 15 ปี หรือ 180 เดือนเท่านั้น จึงจะสามารถเลือกรับเงินเกษียณแบบบำเหน็จหรือบำนาญก็ได้ (เดิมได้เฉพาะบำนาญ)
1.2 ถ้าหากจ่ายเงินสมทบน้อยกว่า 15 ปี หรือน้อยกว่า 180 เดือน จะเข้าเกณฑ์เดิมคือ รับเงินเกษียณแบบบำเหน็จเท่านั้น
2️⃣ ผู้ประกันตนสามารถนำเงินกรณีชราภาพบางส่วนไปเป็นหลักประกันการกู้เงินกับธนาคารหรือสถาบันการเงินได้ (ขอกู้)
3️⃣ ผู้ประกันตนสามารถนำเงินกรณีชราภาพบางส่วนมาใช้ก่อนมีอายุครบ 55 ปีบริบูรณ์ (ขอคืน)
🌟 ซึ่งเราจะมาพูดถึงในส่วนหลักคือข้อ 1️⃣ "ขอเลือก"
ก่อนอื่นเราต้องดูก่อนว่า เราอยู่ในเงื่อนไขใดจาก 3 เงื่อนไขนี้
1. จ่ายเงินเข้ากองทุนประกันสังคมเกิน 15 ปี (เกิน 180 เดือน) มีอายุครบ 55 ปีบริบูรณ์ และเมื่อความเป็นผู้ประกันตกสิ้นสุดลง (ลาออก) (ไม่ว่าระยะเวลา 180 เดือนนั้นจะติดต่อกันหรือไม่ก็ตาม)
2. จ่ายเงินเข้ากองทุนประกันสังคมเกิน 1 ปี แต่ไม่ถึง 15 ปี | ความเป็นผู้ประกันตนสิ้นสุดลง (ลาออก) | อายุครบ 55 ปี หรือเป็นผู้ทุพพลภาพ หรือเสียชีวิต
3. จ่ายเงินสมทบไม่ถึง 12 เดือน | ความเป็นผู้ประกันตนสิ้นสุดลง (ลาออก) | อายุครบ 55 ปี หรือเป็นผู้ทุพพลภาพ หรือเสียชีวิต
พอรู้แล้วว่าเราอยู่ในเงื่อนไขใด ก็มาดูรายละเอียดเลย
กรณีที่ 1️⃣ จ่ายเงินเข้ากองทุนประกันสังคมเกิน 15 ปี (เกิน 180 เดือน) มีอายุครบ 55 ปีบริบูรณ์ และเมื่อความเป็นผู้ประกันตกสิ้นสุดลง (ลาออก) (ไม่ว่าระยะเวลา 180 เดือนนั้นจะติดต่อกันหรือไม่ก็ตาม)
สามารถเลือกได้ว่า
📍จะรับเงิน “บำเหน็จ” (เงินก้อนครั้งเดียว)
สูตรการคิดคือ [(เงินสมทบของผู้ประกันตน + เงินสมทบจากนายจ้าง) x จำนวนเดือนที่ส่งสมทบ]
โดยจะได้รับเงินเริ่มต้นที่ 162,000 บาท [(450+450) x 180] ซึ่ง 450 คิดจากเงิน 3% ในส่วนของเงินชราภาพหรือ 450 บาทต่อเดือน และเงินสมทบจากนายจ้างอีก 450 บาท และระยะเวลาที่ถึงเกณฑ์ได้รับเงินอยู่ที่ 180 เดือน ซึ่งยังไม่รวมดอกเบี้ยและเงินสมทบจากภาครัฐ
📍หรือ จะรับเงิน “บำนาญ” (เงินรายเดือน) ใช้ตลอดชีวิต
โดยจะได้เป็นรายเดือนในอัตรา 20% ของค่าจ้างเฉลี่ย 60 เดือนสุดท้าย (ไม่เกิน 15,000 บาท) ใช้เป็นฐานในการคำนวณเงินสมทบก่อนความเป็นผู้ประกันตนสิ้นสุดลง
ดังนั้นถ้าหากค่าจ้างเฉลี่ย 60 เดือนสุดท้ายอยู่ที่ 15,000 บาทขึ้นไป จะได้บำนาญต่อเดือนเท่ากับ 20%x15,000 = 3,000 บาท
แต่ถ้าจ่ายเงินสมทบมากกว่า 180 เดือน จะได้รับเงินเกษียณเพิ่มอีก 1.5% ต่อระยะเวลาการจ่ายเงินสมทบทุก 12 เดือน (ถ้ามีเศษเกินจะถูกปัดทิ้งเสมอ เช่น ถ้าสะสมมา 20 ปี 9 เดือน ก็คิดแค่ 20 ปี)
ดังนั้น ถ้าหากจ่ายมา 20 ปี (จ่ายเพิ่มมา 5 ปี เงินเกษียณจะเพิ่มอีก 1.5%x5) และค่าจ้างเฉลี่ย 60 เดือนสุดท้ายอยู่ที่ 15,000 บาทขึ้นไป จะได้บำนาญต่อเดือนเท่ากับ [20%+(1.5%x5)]x15,000 = 4,125 บาท
ถ้าหากจ่ายมา 25 ปี จะได้บำนาญ 5,250 บาทต่อเดือน
ถ้าหากจ่ายมา 30 ปี จะได้บำนาญ 6,375 บาทต่อเดือน
จะเห็นได้ว่าหลังจากเกษียณ เราจะได้รับเงินตามนี้ไปจนกระทั่งเสียชีวิต แต่ถ้าหากเสียชีวิตภายใน 5 ปีหลังเกษียณ ประกันสังคมจะจ่ายเงินบำเหน็จ (เงินก้อน) เป็นจำนวนเท่ากับเงินบำนาญที่ได้รับเดือนสุดท้ายก่อนเสียชีวิตคูณด้วยจำนวนเดือนที่เหลือหลังจากผู้รับบำนาญเสียชีวิตจนครบ 5 ปี
🤔 มาคำนวณกันดูว่าเงินที่เราจ่ายไปกับเงินที่ได้รับนั้นคุ้มค่าหรือไม่ ยกตัวอย่างว่าเราจ่ายเงินเข้าประกันสังคมเดือนละ 750 บาท แต่ส่วนเงินสมทบชราภาพจะอยู่ที่ 450 บาท (อย่าลืมว่ามีส่วนที่นายจ้างก็สมทบให้ด้วย)
เราจ่ายเงินสมทบชราภาพเดือนละ 450 บาท 1 ปี จะเท่ากับ 5,400 บาท
ถ้าหากจ่ายเข้าประกันสังคมเป็นเวลา 20 ปี จะเท่ากับ 108,000 บาท
ตามเงื่อนไขที่อธิบายไปแล้ว ตอนอายุครบ 55 ปี และลาออกจากประกันสังคม เท่ากับว่าเราจะได้รับเงินเกษียณเดือนละ 4,125 บาท 1 ปี จะเท่ากับ 49,500 บาท
ถ้าหากเทียบกับเงินที่จ่ายสมทบไปที่ 108,000 บาท เพียงแค่ประมาณ 2 ปีกว่าๆ เราก็ได้ทุนคืนแล้ว (108,000/49,500) เรียกได้ว่าคุ้มค่า และถ้าหากเราอายุยืน ก็จะยิ่งได้รับประโยชน์ เพราะจะได้รับบำนาญจนกว่าจะเสียชีวิต
กรณีที่ 2️⃣ จ่ายเงินเข้ากองทุนประกันสังคมเกิน 1 ปี แต่ไม่ถึง 15 ปี | ความเป็นผู้ประกันตนสิ้นสุดลง (ลาออก) | อายุครบ 55 ปี หรือเป็นผู้ทุพพลภาพ หรือเสียชีวิต (เกิน 12 เดือน แต่ไม่ถึง 180 เดือน ซึ่งระยะเวลาจะต่อเนื่องหรือไม่ต่อเนื่องก็ได้)
กรณีนี้จะได้รับเงินเกษียณจากประกันสังคมเป็นเงิน “บำเหน็จ” (ได้รับเงินก้อนครั้งเดียว)
บำเหน็จที่จะได้รับจะเท่ากับเงินสมทบที่ผู้ประกันตนและนายจ้างจ่ายเงินสมทบในส่วนของกรณีชราภาพ รวมกับผลประโยชน์ตอบแทนตามที่สำนักงานประกันสังคมประกาศกำหนด ซึ่งผลประโยชน์ตอบแทนก็มาจาก ผลกำไรกองทุนที่ประกันสังคมนำเงินไปลงทุน
กรณีที่ 3️⃣ จ่ายเงินสมทบไม่ถึง 12 เดือน | ความเป็นผู้ประกันตนสิ้นสุดลง (ลาออก) | อายุครบ 55 ปี หรือเป็นผู้ทุพพลภาพ หรือเสียชีวิต
กรณีนี้จะได้รับเงินเกษียณจากประกันสังคมเป็นเงิน “บำเหน็จ” (ได้รับเงินก้อนครั้งเดียว)
บำเหน็จที่จะได้รับจะเท่ากับเงินสมทบที่ผู้ประกันตนจ่ายในส่วนของกรณีชราภาพ เช่น เงินเดือน 15,000 บาท และจ่ายเงินเข้าประกันสังคมมา 10 เดือน ซึ่งเงินในส่วนสมทบชราภาพคือ 450 บาทต่อเดือน ก็จะได้รับเงินบำเหน็จเท่ากับ 450x10 = 4,500 บาท
🎯เราหวังว่าทุกคนคงหายข้องใจกันเเล้วว่าเงินประกันสังคมที่เราจ่ายไปทุกเดือนนั้นมีประโยชน์หรือไม่ เมื่อดูตัวเลขที่เราจะได้รับแล้วนั้นก็ไม่น้อยเลยนะ ถือว่าเป็นค่าใช้จ่ายหลายๆ อย่างในชีวิตประจำวันเราได้ เงินนี้เป็นเพียงส่วนหนึ่งเท่านั้น อย่าลืมบริหารจัดการเงินในส่วนอื่นด้วย จะได้เกษียณอย่างมีความสุข
📍ทั้งนี้หากลาออกจากประกันสังคมเพื่อรับเงินชราภาพ จะทำให้เราเสียสิทธิการรักษาพยาบาล ทำให้เราต้องไปใช้สิทธิบัตรทอง หรือประกันชีวิต ประกันสุขภาพ และประกันอุบัติเหตุของตนเองแทน หากไม่มีที่กล่าวมานี้ ก็ต้องออกค่ารักษาพยาบาลเอง
📍หากตัดสินใจลาออกจากกองทุน ต้องติดต่อประกันสังคมเพื่อขอรับผลประโยชน์ทดแทนภายใน 1 ปี ไม่เช่นนั้นจะถูกตัดสิทธิ์การขอรับบำเหน็จ บำนาญ
📱ประกันสังคมก็มีแอพพลิเคชัน SSO Connect ให้ทุกคนโหลดมาเพื่อติดตามดูข้อมูลเงินสมทบของเรา และเรื่องอื่นๆได้ด้วย
LINETODAY 👉https://today.line.me/th/v2/publisher/10240
โฆษณา