22 ก.ค. เวลา 06:03 • หุ้น & เศรษฐกิจ
มันมีอยู่ยอดวิชาหนึ่ง ที่ผมได้ร่ำเรียนมาจากอาจารย์ที่ผมเคารพรักมากที่สุด
นั่นคือวิธีการหา P/E Ratio ที่สมเหตุสมผลของแต่ละบริษัท ซึ่งเราสามารถประยุกต์ใช้จากการวิเคราะห์เชิงคุณภาพด้วย 5 Forces Model ได้เลย
ผมเคยถามพี่เค้านะว่า หุ้นตัวนั้นตัวนี้ พี่วิเคราะห์อย่างไร มองมันยังไง (ในชีวิตนี้ผมไม่เคยเก็งงบระยะสั้น ผมถามเฉพาะวิธีคิด และข้อมูลเพื่อนำมาใช้วิเคราะห์พื้นฐานของมันเท่านั้น)
พี่เค้าก็จะตอบว่า แบบนี้ P/E เท่านี้พอ ตัวนี้แพงไป ตัวนี้ P/E ถูก
แค่รู้ว่าบริษัทนั้นทำอะไร พี่เค้าก็สามารถตอบได้ทันทีเลยว่า P/E ที่เหมาะสมของบริษัท ควรเป็นเท่าไร
มันอาจดูเหมือนง่าย แต่จริง ๆ มันยากนะ เพราะมันต้องสะสมความรู้และประสบการณ์มานาน จนถึงจุดที่แตกฉานมากแล้ว
ไอ้ผมก็อยากทำให้ได้แบบนี้ในสักวัน ผมก็เลยเลียนแบบวิธีพี่เค้า ด้วยการอ่านแม่งให้เยอะ ๆ พลิกหินทุกก้อน วันละก้อน แม้จะนอนน้อยลงก็ตาม และคิดถึงเรื่องนี้แทบจะตลอดเวลา (ยกเว้นช่วงที่วิปัสสนากับนอนนะ)
ทำไปทำมา ผมเริ่มพอจะจับจุดได้บ้างว่า อ๋อ ถ้าเราเจอมันบ่อย ๆ รู้จักหุ้นเยอะขึ้น ๆ เห็นตัวอย่างในอดีตมาพอสมควร เราจะมี Sense บางอย่างที่พอจะตอบได้ว่า ไอ้หุ้นที่มีคุณภาพธุรกิจประมาณนี้ มันควร P/E ประมาณเท่าไร โดยไม่ต้องใช้เครื่องมือวิเคราะห์แบบเป็นกิจลักษณะอีกเลย
สำหรับหุ้นตัวนี้ก็ P/E 12 เท่าพอครับ..
1
ปล เทคนิคนี้ผมเคยลองใช้กับ MGI ADVICE และ CREDIT (ปรับเป็น P/BV แทน) ดู ตอนช่วงจะเข้าตลาด พบว่า ใช้ได้ผลแฮะ
ล่าสุดลองใช้วิเคราะห์ TRP ดู เออ "คุณภาพสำคัญที่สุด จริง ๆ"
ทีนี้ ถ้าเรารู้จักและเข้าใจคุณภาพมันจริง ๆ เราจะสามารถประเมิน P/E ที่เหมาะสมคร่าว ๆ ได้ เราก็มีโอกาสประยุกต์ใช้ในการทำเงินได้ ทั้งฝั่ง Long และ Short
เพื่อนเก่าผมคนนึง เมื่อประมาณ 5 ปีก่อน ก็ Short หุ้นผลิตภัณฑ์ความงามตัวหนึ่ง ได้เงินมาเยอะอยู่ เพราะ Market Cap และ P/E มันก็ยังไม่ควรสูงขนาดนั้น มูลค่าขนาดนั้นมันสะท้อนการเติบโตในอนาคตไปเยอะมากแล้ว
ก็เหมือนปีที่แล้วที่อาจารย์ผม ก็ Short หุ้นที่เพิ่งมีข่าวดังตัวหนึ่ง
นี่เป็นสูตรที่ผมไม่เคยคิดจะใช้ เพราะผมคิดว่า "ผมพอแล้ว"
แต่มันน่าสนุกดีในการลุ้นเรื่องแบบนี้
เพื่อนเก่าผมคนนี้ที่ Short หุ้นเคยบอกผมว่า
มันรู้สึกผิด เพราะเหมือนมันกำลังพนันว่าบริษัทจะล่มจม..
โฆษณา