23 ก.ค. เวลา 02:23 • หนังสือ

เชียงใหม่

“ดาหลา ... หนูมีปัญหาอะไรหรือเปล่าจ๊ะ?” คุณฟองนวลถาม นางเห็นสาวน้อยตรงหน้าเอาแต่นั่งอึ้งอยู่กับที่ ไม่พูดไม่จาเกือบจะห้านาทีอยู่แล้ว
“หนูต้องไปช่วยงานในไร่คุณนาย เพื่อใช้หนี้ให้ครอบครัวเราเหรอคะ?” ดาหลาถามย้ำเป็นครั้งที่สี่ ทั้ง ๆ ที่เธอได้อ่านเงื่อนไขในสัญญาประนอมหนี้เงินกู้ไปแล้วสองรอบ
“จ๊ะ”
“คุณนายค่ะ หนูพึ่งเรียนจบปริญญาตรีมา หนูขอไปช่วยงานในออฟฟิศได้ไหม หนูไม่อยากทำงานในไร่เลย” เธอต่อรองอีกครั้ง
ดาหลารู้มาว่าคุณนายฟองนวล เจ้าหนี้ของเธอ ทำธุรกิจเกี่ยวกับผลิตและจำหน่ายชาดอกไม้ทั้งในและต่างประเทศ กิจการของนางใหญ่โตพอสมควร งานในออฟฟิศก็มีให้ทำตั้งหลายแผนก เธอไม่ถนัดงานใช้แรงงานเลยจริงๆ
“เข้าใจยากจังเลย เรื่องแค่นี้เอง แน่ใจนะว่าจบปริญญามาจริงๆ?” แผ่นภพลูกชายของคุณฟองนวลว่าขึ้นอย่างหงุดหงิด นั่งเกือบจะสามชั่วโมงอยู่แล้ว ยังหาข้อสรุปไม่ลงตัวสักที
หญิงสาวมองค้อนคนพูดอย่างฉุนเฉียว แต่อีกฝ่ายทำเป็นไม่สนใจเธอ
“คุณก็แค่ไปเรียนรู้งานในไร่ของเรา เพื่อเอามาพัฒนาผลผลิตในไร่ตัวเองก็เท่านั้น มันยากตรงไหนเนี่ย?” ชายหนุ่มอธิบายเป็นรอบที่สี่
“มันยากทุกตรงแหละคะ” คนไม่เคยทำงานกลางแจ้งมาก่อนในชีวิตตอบเสียงเครียด
“ไม่ไปเรียนรู้งานที่ไร่ผมก็ได้นะ ปลูกดอกไม้ใช้หนี้ผมสิ เคยปลูกไหมดอกไม้ หรือว่าจะโอนกรรมสิทธิ์ไร่เติมรักให้พวกเราเลยก็ได้นะ” แผ่นภพกดดัน
ดาหลาเถียงไม่ออก จริงอยู่ การปลูกดอกไม้ขายเป็นอาชีพหลักของครอบครัวที่ทำต่อกันมาตั้งแต่รุ่นปู่ย่า แต่ตัวเธอเองไม่มีประสบการณ์ด้านนี้เลย เธอเกิดที่เชียงใหม่ก็จริง แต่ถูกมารดาส่งไปอยู่กรุงเทพกับยายตั้งแต่ตอนแปดขวบ ที่ต้องกลับมาบ้านเกิด เพราะยายเธอพึ่งจะเสียชีวิตลงไปเมื่อหลายเดือนก่อน ประกอบกับตัวเธอเองก็กำลังว่างงาน พอกลับบ้านมาก็เจอเซอร์ไพรส์เลย
ยายของดาหลาเป็นคนกรุงเทพ ส่วนตาเป็นคนเชียงใหม่โดยกำเนิด เช่นเดียวกับปู่ย่า หลังจากที่ตาเสียชีวิต ดาหลาจึงย้ายไปอยู่กรุงเทพกับยาย ส่วนมารดาจะไปๆ มาๆ ระหว่างกรุงเทพ-เชียงใหม่ ด้วยความที่เธอไปอยู่เมืองกรุงตั้งแต่เด็ก จึงไม่มีโอกาสได้ทำงานในไร่เลย
เธอพึ่งรู้ข่าวจากมารดาว่าครอบครัวได้เอา ‘ไร่เติมรัก’ ไปจำนองไว้กับคุณนายฟองนวล เป็นจำนวนเงินมากถึง 20 ล้านบาท ผ่านมาหลายปีแล้ว มารดาไม่มีเงินชดใช้คืน เลยต่อรองกับทางเจ้าหนี้ จะขอใช้คืนเป็นผลผลิตในไร่แทน นั้นหมายถึงดอกไม้สดจำนวนมากมาย
“ถ้าพ่อสุขภาพแข็งแรงดีเหมือนแต่ก่อน คงไม่ต้องลำบากลูกแบบนี้หรอก” ทิวาหันไปพูดกับลูกสาวด้วยสีหน้าทุกข์ใจ “ตั้งแต่ลุงพิชิตลาออกไป พ่อก็หาคนเก่งๆ มาแทนแกไม่ได้จริงๆ ทำให้ไร่เราขาดผู้นำ สภาพก็เลยเป็นแบบที่ลูกเห็นนั่นแหละ”
หญิงสาวเอาแต่นั่งเงียบ เธอรู้จักลุงพิชิตที่บิดาเอ่ยถึง ลุงคนนี้เชี่ยวชาญเรื่องดอกไม้เป็นที่สุด ทำงานกับบิดามาตั้งแต่ตอนเป็นวัยรุ่นแล้ว แกลาออกเมื่อสองปีก่อน เพราะปัญหาด้านสุขภาพ ทำให้ตอนนี้ไร่เติมไร่ถูกปล่อยรกร้างไปกว่าครึ่ง เพราะบิดาเองก็มีปัญหาด้านสุขภาพ ไม่อาจไปดูแลงานในไร่ได้เต็มที่
“ผลผลิตในไร่เราตอนนี้ก็คาบเส้น ยังดีที่รายได้พอจ่ายเงินเดือนคนงาน แต่ไม่มีพอไปใช้หนี้คุณนายท่านเลย” มารดาเสริมขึ้นอีก
“พ่อขอโทษที่ไปสร้างหนี้เอาไว้ให้ลูกต้องมาชดใช้แบบนี้” ดวงตาของชายสูงวัยฉายแววผิดหวังเสียใจออกมาอย่างเปิดเผย จนลูกสาวต้องเอียงหน้าหนี เธอไม่อยากมองใบหน้าสิ้นหวังของท่านนานๆ
“พ่อต้องเทียวไปฟอกเลือดตลอด ขอโทษที่ปิดเรื่องนี้นาน แม่ไม่อยากให้ดาหลาเป็นห่วง” ทิวาสามีของนางเป็นโรคไตวายเรื้อรัง แถมยังมีโรคอื่นแทรกซ้อนขึ้นมาอีก
“พ่อแม่ อย่าพูดแบบนั้นสิคะ หนูจะไปฝึกงานที่ไร่คุณนายฟองนวลค่ะ”
“ช่วงที่หนูไปเรียนรู้งาน ฉันจะพักหนี้ให้แล้วกัน แถมยังจะมีเงินเดือนให้อีกด้วยนะ” คุณฟองนวลบอก
มือเรียวยกขึ้นพนมไหว้ “ขอบคุณมากนะคะที่พักหนี้ให้ครอบครัวเรา” ดาหลารู้สึกว่าเจ้าหนี้สองแม่ลูก ไม่ได้หน้าเลือดอย่างที่เธอจินตนาการไว้ เก็บเงินสดไม่ได้ ก็ยอมให้ใช้หนี้เป็นผลผลิตในไร่แทน แถมยังพักหนี้ให้อีกต่างหาก เธอก็แค่ไปเรียนรู้วิธีการปลูกดอกไม้เท่านั้นเอง ง่ายจะตาย ว่าแต่เธอจะต้องปลูกดอกไม้กี่ร้อยไร่ กี่สิบปีถึงจะใช้หนี้ 20 ล้านคุณนายหมด คิดแล้วก็กลุ้ม
“ฉันมีคนงานเก่งๆ เยอะแยะเต็มไร่เลย ฉันจะให้พวกเขาช่วยสอนงานให้หนู ไม่ต้องกังวลหรอก รับรองไม่นาน หนูก็กลับมาพัฒนาไร่ตัวเองได้แล้ว มีผลผลิตคืนหนี้ฉันแน่นอน”
เสียงนุ่มละมุนหู บวกกับแววตาอบอุ่นของหญิงสูงวัยตรงหน้า ทำให้ดาหลารู้สึกเบาใจขึ้นมาอีกนิด
หลังจากได้ข้อสรุปทุกอย่าง ดาหลาก็ขอตัวไปทำใจ ปล่อยให้เจ้าหนี้รายใหญ่หารือกับบิดามารดาต่อ
เฟื่องฟ้าชะโงกมองตามหลังลูกสาว พอเห็นเดินห่างออกไปไกล นางก็หันมาคุยกับเพื่อนรักทันที “โล่งอกไปอีกหนึ่ง ขอบใจมากนะที่ยอมร่วมมือกับฉัน อย่างที่ฉันเคยบอกเธอนั่นแหละ ถ้าไม่สร้างสตอรี่ให้ดูมีดราม่า ดาหลาจะไม่ยอมไปทำงานในไร่เด็ดขาด” หญิงสูงวัยยิ้มโล่งอก ทุกอย่างเป็นไปตามแผนที่นางวางไว้แป๊ะ
“เพื่อนไม่ช่วยเพื่อนแล้วจะให้ไปช่วยใครล่ะ” คุณฟองนวลบอก นางเป็นเพื่อนกับสองสามีภรรยามาตั้งแต่เด็กๆ แล้วแหละ
“ฉันฝากลูกสาวด้วยนะ” ทิวาพูดเสียงเศร้า ถ้าไม่จำเป็นจริงๆ เขาคงไม่ส่งลูกสาวตัวเองไปอยู่ไร่เพื่อนแบบนั้น
“ไม่ต้องห่วงนะ ฉันจะดูแลหนูดาหลาเป็นอย่างดี ตั้งใจรักษาตัวให้หายเถอะ เรื่องอื่นเอาไว้ทีหลัง”
“คุณลุง คุณป้าครับ ผมจะคอยส่งข่าวน้องให้” แผ่นภพช่วยเพิ่มความมั่นใจให้สองสามีภรรยาอีกคน
เมื่อได้ยินเช่นนั้น สีหน้าของพวกท่านทั้งสองก็ดูผ่อนคลายลงเยอะ
หลายวันต่อมา
ลำปาง - บ้านวรโชติเมธี
“ผมต้องสอนยัยดาหลาอะไรนั่นปลูกดอกไม้?” อัคคีโพล่งออกมา หลังจากที่มารดาบอกว่าจะมีคนมาทำงานในไร่เพื่อใช้หนี้ แถมยังให้เขาเป็นคนช่วยดูแล และสอนงานให้กับหล่อนอย่างใกล้ชิด
“ดินช่วยอธิบายให้น้องแกฟังหน่อย” คุณฟองนวลโยนไม้ต่อไปให้แผ่นภพลูกชายคนกลาง
“เขาไม่มีเงินสดใช้หนี้ เลยขอใช้เป็นผลผลิตในไร่แทน แต่ตอนนี้หัวหน้าคนงานลาออกไปแล้ว พ่อเขาก็ป่วยออด ๆ แอด ๆ เอาง่ายๆ คนงานในไร่เขา ไม่มีใครชำนาญเรื่องการปลูกดอกไม้เท่าที่ควร ถนัดแต่คอยทำตามคำสั่ง แกก็รู้ กว่าดอกไม้จะโตสวย สมบูรณ์แบบ ต้องประคบประหงม ดูแลบำรุงรักษาแค่ไหน ไหนจะสภาพอากาศที่เปลี่ยนแปลงตลอดเวลา ไหนจะแมลงศัตรูพืชอีกสารพัด” แผ่นภพร่ายยาว
“แม่ไม่อยากยึดที่ดินพวกเขา เลยเสนอให้ปลูกดอกไม้ใช้หนี้แทน”
“แต่ยัยนั่นดันปลูกดอกไม้ไม่เป็น?”
แผ่นภพยักคิ้วขึ้นสูงข้างหนึ่งแทนคำตอบ “เด็กฝึกงานแก จะเดินทางมาถึงพรุ่งนี้นะ เตรียมตัวให้พร้อม” คนพี่พยายามดึงมุมปากไม่ให้โค้งมากเกินไปในขณะที่บอกน้องชาย
“ไฟ แกอย่าไปแพร่งพรายเรื่องหนี้สินให้คนงานในไร่รู้นะ”
“ผมดูแลยัยนั่นให้ก็ได้ แต่ดูแลในฐานะหัวหน้าคนงาน ไม่ต้องบอกหล่อนว่าผมลูกชายแม่นะครับ”
“ทำไม?” คุณฟองนวลทำหน้าสงสัย
“หล่อนจะได้รู้สึกไม่ประหม่า ไม่กดดันเวลาผมสอนงานให้ไงครับ”
คนเป็นแม่ผงกศีรษะเห็นด้วยกับความคิดของลูกชาย อัคคียกยิ้มมุมปากพึงพอใจ ถ้าบอกว่าเป็นลูกชายเจ้าของไร่ ก็คงไม่ได้เห็นธาตุแท้ของหล่อนนะสิ
โฆษณา