23 ก.ค. เวลา 06:49 • ความคิดเห็น
เพราะว่า เรารู้จักอารมณ์มากขึ้น รู้จักวิญญาณหก ที่เราไปสถานที่นั่นนี่ .มันมีเรื่องอารมณ์กรรม ตัวกระทำอยู่ .เรื่องของคนนี้คนนั้น เราก็มอง ทุกคนเหมือนจิตที่อาศัยอยู่ในรูป .มีรูปรูปแก่รูปเจ็บรูปเก่งอวดฉลาด รูปนักเลง รูปกำลังกิน กำลังนอน รูปติฉินนินทา .รูปอิจฉาตาร้อน รูปน่าเกลียดน่ากลัว รูปหน้ารักหน้าใคร่ .ทั้งหมด .เป็นเพียงรูป ที่แสดงกิริยาอาการ กายวาจาใจ ที่อารมณ์นั้นปรุงแต่ง ..มองดูก็เป็นสี.ขึ้นมา สีดำ สีม่วง สีชมพู สีส้มอมแดงอมดำ .เป็นไปตามสิ่งที่ปรุงแต่งรูป
..นั่นก็คือ ทุกรูป .กำลังแสดงอารมณ์กรรมตัวกระทำออกมา ..ให้เราได้เรียนรู้ เราเป็นผู้ดูรูปนั่น มีพระเป็นที่พึ่ง ..ไม่ไปยึดอารมณ์กรรมตัวกระทำ ..เราก็เรียนรู้ไปในลักษณะ คนที่เค้ามีกรรม เป็นอย่างนี้ คนที่เค้ามีบุญเป็นอย่างนี้
เรื่องความมั่นใจ ..เราไม่ได้ไปยึด ..มีอะไรที่มั่นใจ มีแต่สติสัมปชัญญะ ..รู้สึกตัว ..ในอารมณ์ที่จะเกิดขึ้น ในการใช้ตาหูจมูลิ้นกายใจ ..แล้วก็พยายาม ..ไม่ให้มีทิฐิ ..อะไรเกิดขึ้น .นั่นเป็นเรื่องราวของจิต ..ที่เรากำลังเรียนรู้ในตัวตนของตนเอง จับผิดต้นเอง ไม่ได้ไปจับผิดใคร ..เพียงแต่มีสติสัมปชัญญะ ระมัดระวังการใช้วิญญาณหก ที่จะคลุกฝุ่นคลุกโคลน เราก็พยายามให้จิตอยู่กับกาย .มันก็ไม่วุ่นวาย .กายไม่วุ่นวายด้วยอารมณ์ .กายก็สงบ จิตก็มีความสุข
โฆษณา