24 ก.ค. เวลา 03:00 • หุ้น & เศรษฐกิจ

เวียดนาม ทำอย่างไร ถึงเป็น “เสือตัวใหม่แห่งเอเชีย” ที่ทั่วโลกต้องพูดถึง

แน่นอนว่าการจะทำให้ประเทศเปลี่ยนแปลงได้ ต้องใช้ระยะเวลา
และ 10 ปีก็อาจเป็นระยะเวลาเพียงไม่นาน และท้าทาย สำหรับการจะเปลี่ยนแปลงประเทศหนึ่ง ๆ
แต่รู้หรือไม่ว่า ระยะเวลาเพียงไม่นานนี้ เวียดนาม กลับพัฒนาตัวเองได้อย่างก้าวกระโดด
รายได้ต่อหัวเพิ่มเป็น 2 เท่า
GDP เพิ่มเป็น 2 เท่า
จำนวนเศรษฐีเพิ่มเป็น 2 เท่า
เวียดนามทำอย่างไร ถึงได้กลายเป็น เสือตัวใหม่แห่งเอเชีย และกลายเป็นประเทศที่ทั่วโลกต้องพูดถึง
ลงทุนแมนจะเล่าให้ฟัง
ไม่ใช่ทุกประเทศที่มี “พรสวรรค์” อยู่กับตัวแล้วจะเจริญได้
หลายประเทศมีทรัพยากรธรรมชาติอันมีค่าอยู่มากมาย แต่ก็ไม่ประสบความสำเร็จในการพัฒนา อย่างอัฟกานิสถาน หรือหลายประเทศในแถบแอฟริกา
และเวียดนาม ก็คือหนึ่งประเทศที่ก็มี “พรสวรรค์” อยู่เช่นกัน นั่นก็คือ
1. ภูมิศาสตร์ที่ตั้งของประเทศ ที่มีพรมแดนร่วมกับจีน มีแนวชายฝั่งที่ทอดยาวและอยู่ใกล้กับเส้นทางการค้าทางทะเลที่สำคัญ เชื่อมต่อทั้ง สหรัฐอเมริกา ยุโรป และเอเชีย
2. โครงสร้างประชากรที่กำลังอยู่ในช่วงยุคทอง โดยมากกว่า 2 ใน 3 ของประชากรกำลังอยู่ในวัยทำงาน
อย่างไรก็ตาม ลำพังแค่ 2 พรสวรรค์นี้ ก็อาจยังไม่มากพอที่จะทำให้เวียดนามพัฒนาขึ้นมาได้ขนาดนี้
แต่สิ่งที่ทำให้เวียดนาม มาได้ไกลกว่าประเทศอื่น ที่ก็ต่างมีพรสวรรค์เหมือนกัน นั่นก็เป็นเพราะเวียดนาม ได้ใส่ “พรแสวง” ลงไปใน “พรสวรรค์”
ในด้านภูมิศาสตร์ เมื่อรู้ว่าตนเองมีภูมิศาสตร์ทางการค้าที่ดี เวียดนามจึงทำสิ่งต่าง ๆ มากมาย เพื่อดึงดูดเหล่าบริษัทข้ามชาติให้มาสนใจ ไม่ว่าจะเป็น
- การปรับปรุงกฎระเบียบต่าง ๆ ให้เอื้อต่อการทำธุรกิจและการลงทุน
- การลดอัตราภาษีเงินได้นิติบุคคล และให้สิทธิประโยชน์ทางภาษี โดยเฉพาะกับบริษัทที่อยู่ในอุตสาหกรรมเป้าหมาย อย่างเช่น อุตสาหกรรมเทคโนโลยีขั้นสูง
- การจัดทำข้อตกลงการค้าเสรีกับหลายประเทศทั่วทุกทวีปจำนวนกว่า 15 ฉบับ เพื่อให้ได้สิทธิพิเศษทางการค้า เช่น การลดอัตราภาษีการนำเข้าหรือส่งออก
- การจัดตั้งเขตเศรษฐกิจพิเศษ ที่ให้สิทธิพิเศษต่าง ๆ กับนักลงทุน เช่น สิทธิประโยชน์ด้านที่ดิน สิทธิประโยชน์ด้านสาธารณูปโภค
- การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานต่าง ๆ เพื่อสนับสนุนการส่งออกจากประเทศ
1
ส่วนในด้านประชากร เวียดนามก็ได้เสริมจุดแกร่งของการเป็นประเทศที่มีแต่วัยทำงาน ด้วยการเร่งพัฒนาทุนมนุษย์ และทำให้คนในชาติ ไม่ใช่แค่ยังเด็ก แต่ยังเก่งอีกด้วย
โดยสิ่งที่เวียดนามทำ ก็มีทั้ง
- การให้ความสำคัญกับการศึกษาและการฝึกอบรมแรงงาน โดยเฉพาะในด้านวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี วิศวกรรม และคณิตศาสตร์ (STEM) เพื่อสร้างแรงงานที่มีทักษะสูง
- การดำเนินโครงการปรับปรุงคุณภาพครู รวมถึงคุณภาพการสอนและการเรียนรู้ การนำเอาเทคโนโลยีทางการศึกษาที่เหมาะสมมาปรับใช้ รวมถึงการสนับสนุนการศึกษาระดับสูง
- การดำเนินนโยบายด้านการศึกษาแบบไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง โดยมีการให้ความรู้แก่ผู้ยากจน และการส่งเสริมการศึกษานอกโรงเรียน
ทั้งนี้ ผลลัพธ์ของการพัฒนาทุนมนุษย์ ก็วัดได้จาก ตัวเลขดัชนีทุนมนุษย์ ซึ่งเป็นตัวเลขที่ใช้ประเมินผลิตภาพของแรงงานในอนาคตจากการพัฒนาเด็กและเยาวชนในปัจจุบัน
โดยในวันนี้ ตัวเลขดัชนีทุนมนุษย์ของเวียดนาม กำลังสูงที่สุดในบรรดาประเทศที่มีรายได้ปานกลางระดับล่าง
เมื่อเรารู้แล้วว่าเวียดนาม ได้ใส่พรแสวงลงไปในพรสวรรค์ อย่างไรบ้าง
ต่อมาถ้าถามว่า สิ่งที่เวียดนามทำตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา ประสบความสำเร็จมากขนาดไหน คำตอบก็คงดูได้จากผลลัพธ์เหล่านี้
- การเปลี่ยนจากประเทศที่ยากจนที่สุดแห่งหนึ่งของโลก มาสู่ ประเทศเศรษฐกิจที่มีรายได้ปานกลางได้ภายในหนึ่งชั่วอายุคน
- การมี GDP ที่โตเป็น 2 เท่า ภายในระยะเวลาเพียง 10 ปี จาก 7,000,000 ล้านบาท กลายเป็น 14,600,000 ล้านบาท
1
- การมีตัวเลขการลงทุนจากต่างชาติ (FDI) ที่โตเป็น 2 เท่า ภายในระยะเวลาเพียง 10 ปี จาก 304,000 ล้านบาท กลายเป็น 650,000 ล้านบาท
และการลงทุนจากต่างชาตินี่เอง ก็ได้ช่วยให้ชาวเวียดนาม ได้งานที่ดีขึ้น ได้ค่าจ้างมากขึ้น และทำให้สามารถยกระดับคุณภาพชีวิตของตัวเองได้
โดยในวันนี้ รายได้ต่อหัวของคนเวียดนาม เพิ่มขึ้นถึงเท่าตัว ในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา จาก 55,000 บาทต่อปี กลายเป็น 109,000 บาทต่อปี
ในขณะที่จำนวนเศรษฐีของเวียดนาม ก็กำลังเติบโตมากที่สุดในโลก โดยเพิ่มขึ้นถึงเท่าตัว เป็นเกือบ 20,000 คน ในปีที่ผ่านมา
จากที่กล่าวมา จะเห็นได้ว่า ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา เวียดนามได้พยายามที่จะใส่พรแสวงลงไปในพรสวรรค์ ของตัวเอง ด้วยการเสริมจุดแข็งของตน ทั้งทางด้านภูมิศาสตร์และโครงสร้างประชากร
1
เมื่อมาถึงวันนี้ วันที่กระแสลมทางการค้าเริ่มเปลี่ยนทิศ
จากผลของการทำสงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯ กับจีน ที่ทำให้หลายบริษัทข้ามชาติ ต่างพากันย้ายฐานการผลิตออกจากประเทศจีน
ถ้าถามว่าประเทศไหนที่สามารถตักตวงผลประโยชน์จากเหตุการณ์นี้ได้มากที่สุด หนึ่งในนั้นก็คือเวียดนาม ที่ตอนนี้กำลังกลายเป็นศูนย์กลางการผลิตที่สำคัญแห่งหนึ่งของโลก
1
จากการเป็นฐานการผลิตของทั้ง Apple, Samsung, LG, Panasonic, Foxconn และอีกหลายบริษัทระดับโลก
และสิ่งสำคัญที่เราได้เรียนรู้จากเรื่องนี้ คือ การมีพรสวรรค์อย่างเดียวอาจไม่พอ แต่ถ้าเราใส่พรแสวงลงไปด้วยก็จะทำให้เราได้เปรียบมากขึ้น และในยามที่กระแสลมกำลังพัดมา เราก็จะเป็นผู้ที่เก็บเกี่ยวผลประโยชน์ได้มากที่สุด
โฆษณา