24 ก.ค. เวลา 08:00 • หุ้น & เศรษฐกิจ

กระจายการลงทุนสู่หุ้นยุโรป โอกาสลงทุนที่คุณอาจมองข้าม

ยุโรปเป็นหนึ่งในภูมิภาคที่มีตลาดหลักทรัพย์สำคัญหลายแห่ง และมีดัชนีที่สำคัญหลายตัว รวมถึงยังมีบทบาทสำคัญในเศรษฐกิจโลก เนื่องจากเป็นที่ตั้งของบริษัทระดับนานาชาติ ที่ครอบคลุมหลายอุตสาหกรรม เช่น เทคโนโลยี การผลิต ยานยนต์ สินค้าอุปโภคบริโภค สุขภาพ พลังงาน ไปจนถึงสินค้าหรูหรา ซึ่งหากเลือกลงทุนในภูมิภาคนี้ ก็จะทำให้เกิดการกระจายความเสี่ยงด้านการลงทุนโดยอัตโนมัติ เพราะว่ามีการกระจายการลงทุนในหลากหลายของอุตสาหกรรมนั่นเอง
โดยดัชนีที่กำลังมีความน่าสนใจในภูมิภาคยุโรปตอนนี้ ได้แก่ STOXX Europe 600 ซึ่งเป็นดัชนีที่ครอบคลุมหุ้นของบริษัทที่มี Market Cap ขนาดใหญ่ กลาง และเล็กใน 17 ประเทศของยุโรป โดยจุดเด่นของดัชนีนี้ คือการครอบคลุมบริษัทจดทะเบียน 90% ของตลาดหุ้นยุโรป และมีการกระจายตัวในแต่ละอุตสาหกรรมอย่างครอบคลุม โดยอุตสาหกรรมที่มีสัดส่วนมากที่สุด 3 อันดับแรกของดัชนี ได้แก่ สุขภาพ อุตสาหกรรม และเทคโนโลยี
อย่างไรก็ตาม แม้ว่าหลายคนอาจไม่เคยได้ยินชื่อของดัชนี STOXX Europe 600 มาก่อน แต่หากเอ่ยถึงชื่อของบริษัทอย่าง Nestle, AstraZeneca, Novo Nordisk, LVMH, Shell และ Ferrari หลายคนย่อมรู้จักและอาจได้ใช้ผลิตภัณฑ์ของบริษัทเหล่านี้มาไม่มากก็น้อย ซึ่งบริษัทเหล่านี้ล้วนจดทะเบียนในตลาดหุ้นยุโรปและถูกรวบรวมอยู่ในดัชนี STOXX Europe 600
หากถามว่าทำไมตลาดหุ้นยุโรปและดัชนี STOXX Europe 600 จึงมีความน่าสนใจ ? นอกเหนือจากเหตุผลด้านการกระจายความเสี่ยงการลงทุนแล้ว บริษัทจดทะเบียนในตลาดหุ้นยุโรปส่วนใหญ่ ไม่ได้พึ่งพิงรายได้จากภูมิภาคบ้านเกิดเพียงอย่างเดียว แต่สามารถสร้างกำไรได้จากทั่วโลก เนื่องจากแต่ละบริษัทมีประวัติศาสตร์และการดำเนินกิจการในหลายประเทศ
นอกจากนี้ การที่เงินเฟ้อของยุโรปชะลอตัวลงเร็วกว่าสหรัฐฯ ทำให้ธนาคารกลางยุโรป (ECB) ตัดสินใจลดอัตราดอกเบี้ยลง 0.25% ในการประชุมครั้งล่าสุดเมื่อวันที่ 6 มิถุนายน 2567 ซึ่งเป็นการปรับลดอัตราดอกเบี้ยครั้งแรกในรอบเกือบ 5 ปี หรือนับตั้งแต่เดือนกันยายน 2562 ส่งผลทำให้ดัชนี STOXX Europe 600 มีการปรับตัวขึ้น และมีการทำ New High ไปเมื่อช่วงเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมาอีกด้วย
แม้ว่าสงครามอาจเป็นปัจจัยที่กดดันการลงทุนในยุโรป แต่เงินเฟ้อที่ชะลอตัวลง ผลตอบแทนของบริษัทจดทะเบียนที่เริ่มฟื้นตัว ความหลากหลายของอุตสาหกรรม ความสามารถในการสร้างผลกำไรจากทั่วโลก และราคาที่ยังไม่แพงจนเกินไปก็ทำให้ตลาดหุ้นยุโรปและดัชนี STOXX Europe 600 มีความน่าสนใจ
BBLAM ขอแนะนำ กองทุนเปิดบัวหลวงหุ้นยุโรปพาสซีฟ หรือ B-EUPASSIVE ที่มีนโยบายลงทุนในหน่วยลงทุนของ iShares STOXX Europe 600 UCITS ETF (DE) (กองทุนหลัก) ซึ่งเป็นกองทุน ETF ที่จดทะเบียนซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์เยอรมนี โดยมีการกระจายการลงทุนในอังกฤษ ฝรั่งเศส สวิตเซอร์แลนด์ เนเธอร์แลนด์ และเยอรมนี
ปัจจุบัน กองทุนหลักของ B-EUPASSIVE มีการลงทุนในกลุ่มการเงิน อุตสาหกรรม สุขภาพ สินค้าอุปโภคบริโภค และสินค้าฟุ่มเฟือย โดยหุ้นที่มีน้ำหนักมากที่สุด 5 อันดับแรก ได้แก่ Novo Nordisk บริษัทผลิตยาเพื่อโรคเบาหวาน, ASML บริษัทพัฒนาเครื่องจักร, Nestle บริษัทด้านโภชนาการและสุขภาพ, AstraZeneca บริษัทผลิตยาและวัคซีน รวมถึง LVMH กลุ่มบริษัทสินค้าหรูระดับโลก
กองทุนเปิดบัวหลวงหุ้นยุโรปพาสซีฟ (B-EUPASSIVE) เปิดเสนอขายหน่วยลงทุนครั้งแรก (IPO) ในวันที่ 23 - 31 กรกฎาคม 2567 ผ่านทางโมบายแบงก์กิ้งจากธนาคารกรุงเทพ, แอป BF Fund Trading จาก BBLAM และตัวแทนที่ได้รับการแต่งตั้ง โดยเริ่มต้นลงทุนได้เพียง 500 บาท
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมที่ BBLAM
• โทร. 0 2674 6488 กด 8
• เว็บไซต์ www.bblam.co.th
• ลงทุนด้วยตนเองง่าย ๆ ผ่านโมบายแบงก์กิ้งธนาคารกรุงเทพ หรือแอป BF Fund Trading จาก BBLAM ได้ที่ https://www.bblam.co.th/BFTTrade
คำเตือน : การลงทุนมิใช่การฝากเงินและมีความเสี่ยงที่ผู้ลงทุนอาจไม่ได้รับเงินลงทุนคืนเต็มจำนวนเมื่อไถ่ถอน (ไม่คุ้มครองเงินต้น) / ผู้ลงทุนต้องศึกษาและทำความเข้าใจลักษณะสินค้า ข้อมูลสำคัญ นโยบายการลงทุน เงื่อนไขผลตอบแทน และความเสี่ยง ก่อนการตัดสินใจลงทุน / กองทุนที่มีการลงทุนในต่างประเทศมิได้มีนโยบายป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนทั้งหมดหรือเกือบทั้งหมด
ทั้งนี้ อยู่ในดุลยพินิจของผู้จัดการกองทุน ดังนั้น ผู้ลงทุนอาจขาดทุนหรือได้กำไรจากอัตราแลกเปลี่ยนจากการลงทุนในกองทุนดังกล่าว หรืออาจได้รับเงินคืนต่ำกว่าเงินลงทุนเริ่มแรกได้
#BBLAM #กองทุนบัวหลวง #BFFundTrading #MobileBanking #ธนาคารกรุงเทพ #การลงทุน #กองทุนรวม #ETF #หุ้นต่างประเทศ #หุ้นยุโรป #StoxxEurope600
โฆษณา