24 ก.ค. เวลา 10:02 • ข่าวรอบโลก

“ตื่นเถิด” อดีต ผบ.สส. ยูเครน “นายพลซาลุจนี” ในฐานะทูตประจำอังกฤษกล่าวในที่ประชุมลอนดอน

เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา 22 กรกฎาคม 2024 “นายพลวาเลรี ซาลุจนี” อดีตผู้บัญชาการทหารสูงสุดแห่งกองทัพยูเครน กล่าวปราศรัยต่อสาธารณะเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่เข้ารับบทบาทใหม่ในฐานะทูตยูเครนประจำอังกฤษ ในการกล่าวที่การประชุมด้านสงครามทางบกของสถาบัน Royal United Services Institute (RUSI) ในลอนดอน
ซาลุจนีกระตุ้นให้ประเทศประชาธิปไตย “ตื่นตัว” และตัดสินใจว่าจะปกป้องพลเมืองของตนอย่างไร และแนะนำว่าสังคมต้องเตรียมพร้อมที่จะยอมเสียสละเสรีภาพบางอย่างในช่วงที่เกิดสงคราม นอกจากนี้เขายังยืนยันว่าความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีที่เกิดขึ้นระหว่างสงครามระหว่างรัสเซียกับยูเครนจะกำหนดรูปแบบ “ศิลปะแห่งสงครามในศตวรรษที่ 21” - อ้างอิง: [1]
1
เครดิตภาพ: Jordan Pettitt / PA / AP
ในที่ประชุมของ RUSI นายพลซาลุจนีได้กล่าวว่า บทเรียนที่ได้รับจากการต่อสู้ของยูเครนได้พิสูจน์ให้เห็นว่า “มีประโยชน์สำหรับทุกฝ่ายที่กำลังมองหาเส้นทางสู่สันติภาพ” และประเทศเสรีและเป็นประชาธิปไตยจะต้อง “ตื่นขึ้นและคิดเกี่ยวกับวิธีการปกป้องพลเมืองและประเทศของพวกเขา” เขาเน้นย้ำถึงความสำคัญของการหลีกเลี่ยงสงคราม แต่ยังเน้นย้ำว่าสังคมต้องเตรียมพร้อมสำหรับสงครามด้วยเช่นกันหากสงครามเกิดขึ้นอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
บางทีองค์ประกอบที่ยากและสำคัญที่สุดคือ ความพร้อมของสังคมบนพื้นฐานของการสื่อสารที่จริงใจและโปร่งใสระหว่างภาครัฐและประชาชนของตน สังคมต้องยอมรับร่วมกันที่จะสละเสรีภาพบางส่วนชั่วคราวเพื่อความอยู่รอด สงครามยุคใหม่เป็นเรื่องที่ทุกฝ่ายต้องยอมรับร่วมกัน พวกเขาต้องการความพยายามไม่เพียงแต่จากกองทัพเท่านั้น แต่ยังรวมถึงภาคสังคมด้วย
อดีต ผบ.สส. ยูเครนยังกล่าวว่า การต่อสู้เพื่อเสรีภาพและอธิปไตยของประเทศหนึ่งควรใช้เป็นหลักการชี้นำสำหรับ “การอยู่รอดของประชาธิปไตยในประเทศเสรีอื่นๆ” เขาแย้งว่ามันเป็นเรื่องท้าทายเสมอสำหรับกองทัพของประเทศประชาธิปไตยในการต่อสู้กับกองกำลังของระบอบเผด็จการ เนื่องจากระบอบการปกครองเหล่านี้มองว่าประชาธิปไตยเป็นจุดอ่อนในการแสวงหาประโยชน์ผ่านวิธีการต่างๆ รวมถึงการบิดเบือนข้อมูล
การเปลี่ยนแปลงแนวทางยุทธวิธีในช่วงสงครามรัสเซีย-ยูเครนจะกำหนด ‘โครงร่างและศิลปะแห่งสงครามในศตวรรษที่ 21’ และจะกลายเป็นรากฐานของระบบป้องกันภัยทั่วโลกทั้งหมดในอนาคต
นายพลวาเลรี ซาลุจนี กล่าวในที่ประชุม RUSI ที่ลอนดอน เมื่อ 22 กรกฎาคม 2024
จนกระทั่งเมื่อไม่นานมานี้ ใครๆ ก็สามารถพูดได้อย่างมั่นใจว่าระบบไร้คนประจำยานพาหนะเป็นเหตุผลหลักของการเปลี่ยนแปลงด้านกลยุทธ์ รูปแบบ และวิธีการใช้งาน แม้กระทั่งทุกวันนี้ก็มีความจำเป็นที่ต้องขยายความแนวคิดในการใช้งานระบบดังกล่าว (ลดการสูญเสียกำลังพลที่ภาคพื้น) พูดง่ายๆ ก็คือ วันนี้เราได้คิดค้นวิธีการต่อสู้โดยใช้เทคโนโลยีเข้าช่วยและมีความเป็นไปได้ที่จะเอาชนะกองทัพที่แข็งแกร่งกว่าในศตวรรษที่ 21
1
เครดิตภาพ: Sky News
นายพลซาลุจนีตั้งข้อสังเกตว่า ความก้าวหน้าทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีได้ “กำหนดแนวโน้มที่ช่วยชี้ขาดมาสู่สนามรบ” ในมุมมองของเขา คำถามตอนนี้คือใครจะเชี่ยวชาญเรื่องนี้ได้เร็วกว่า “โลกประชาธิปไตย หรือ โลกเผด็จการ” ในเวลาเดียวกัน เขายอมรับว่าทั้งสองฝ่ายไม่น่าจะเชี่ยวชาญเทคโนโลยีเหล่านี้ได้รวดเร็วในเวลาอันใกล้
1
และทางออกเดียวอาจเป็น “การเพิ่มจำนวนทรัพยากรมนุษย์ที่เกี่ยวข้องกับสงคราม” ซาลุจนีบรรยายถึงสงครามครั้งนี้ว่าเป็นส่วนหนึ่งของ “ช่วงเปลี่ยนผ่านในทางการทหาร” โดยระบุว่าแม้ว่าจะยังไม่ใช่ “สงครามแห่งอนาคต” แต่มันก็กำลังสร้างกฎเกณฑ์ใหม่ขึ้นแล้ว
แม้ว่ายูเครนจะมีนวัตกรรมในการพัฒนาและใช้เทคโนโลยีเรื่อง unmanned แต่ความท้าทายหลักคือการขยายกำลังการผลิต โดยขณะเดียวกันพันธมิตรตะวันตกของยูเครนมีทรัพยากรแต่ “ขาดพื้นที่ในการทดสอบภาคสนามในสิ่งแวดล้อมจริง” ซาลุจนีเน้นย้ำว่ายูเครนและพันธมิตรตะวันตกสามารถใช้ทรัพยากรอย่างมีประสิทธิภาพได้โดยการทำงานร่วมกัน “เวลาไม่มีแล้วสำหรับยูเครน” (พยายามสื่อว่าต้องการให้ตะวันตกเข้ามาใช้สนามรบในยูเครนเพื่อทดสอบระบบเทคโนโลยีด้านสงครามอย่างเต็มที่)
“นายพลวาเลรี ซาลุจนี” ดำรงตำแหน่งผู้บัญชาการสูงสุดกองทัพยูเครนตั้งแต่ปี 2021 จนกระทั่งถูกปลดออกในเดือนกุมภาพันธ์ 2024 (อ้างอิง: [2]) ในช่วงก่อนถูกปลด สื่อของยูเครนและตะวันตกต่างรายงานข่าวลือเรื่องความขัดแย้งส่วนตัวระหว่างตัวเขาและเซเลนสกี (มีข่าวลือด้วยว่านายพลซาลุจนีจะลงเลือกตั้งประธานาธิบดียูเครนแข่งกับเซเลนสกีสมัยถัดมา – ซึ่งตอนนี้ก็เลื่อนไปยาวๆ เพราะเซเลนสกีอ้างว่าอยู่ในภาวะสงครามเลือกตั้งไม่ได้)
2
เมื่อ 8 พฤษภาคม 2024 เซเลนสกีสั่งโยกย้ายเขาให้ไปเป็นทูตยูเครนประจำอังกฤษตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา (อ้างอิง: [3])
เครดิตภาพ: Kyiv Post
เรียบเรียงโดย Right Style
24th July 2024
  • แหล่งข่าวและข้อมูลอ้างอิง:
<เครดิตภาพปก: Embassy of Ukraine to the UK>
โฆษณา